ยัสซันเหลือบสายตาคมเข้มที่ประดับด้วยขนตาดำงอนเป็นแพหนา มองหญิงสาวที่เปิดประตูเข้ามาหลังจากเคาะให้สัญญาณเรียบร้อยแล้ว
“คุณเรย์มองด์ชอบทานอาหารร้านไหนเป็นพิเศษคุณพอจะรู้ไหม” ยิงคำถามใส่เธอโดยที่ยังไม่ได้เชิญให้นั่ง
ให้ตายสิ นี่มันบ้าอะไรวะ! มันเกี่ยวกับงานของฉันตรงไหนเนี่ย.. เธอพยายามแค่คิดอยู่ในใจ แต่สุดท้ายก็อดรนทนไม่ไหว
“ขอโทษนะคะบอส ตั้งแต่คุณมาเริ่มงานที่นี่จนถึงวันนี้ก็เกือบครึ่งเดือนแล้ว คุณเรียกให้ฉันมาหาทุกวัน แต่คำถามที่คุณถามฉันมันแทบจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับสายงานของฉันเลยนะคะ แต่ไหนๆ มันก็ผ่านมาแล้ว เราไม่ต้องพูดถึงมันดีกว่า เรามาคุยกันเฉพาะเรื่องวันนี้ดีไหมคะ”
คิ้วเข้มเลิกขึ้นเล็กน้อย พยักหน้าตอบรับช้าๆ ขณะสบสายตากับดวงตากลมโตมีแววหงุดหงิดคู่นั้นของหญิงสาว
“ดี ผมก็ไม่ชอบคุยเรื่องที่ผ่านมาแล้ว มันไม่มีประโยชน์ที่จะรื้อฟื้น ตกลงจะตอบคำถามผมได้หรือยัง”
“ทำไมฉันต้องตอบคำถามแบบนี้กับคุณด้วยคะ คุณเป็นครอบครัวเดียวกัน คุณไม่ทราบหรือว่าพ่อตัวเองชอบกินอะไร” ถึงแม้ท่านประธานอาวุโสจะเป็นแค่พ่อเลี้ยง แต่เขาสองคนก็สนิทสนมรักใคร่กันดี เรื่องแค่นี้ทำไมจะถามกันเองไม่ได้
“ผมไม่ได้ถามว่าคุณเรย์มองด์ชอบกินอะไร แต่ผมถามว่าเขาชอบร้านไหนเป็นพิเศษ คุณเข้าใจคำถามผมไหม หรือว่าคุณไม่แตกฉานภาษาอังกฤษมากพอ เป็นผู้จัดการฝ่ายต่างประเทศได้เพราะอาศัยโชคช่วย” ใบหน้าคมเข้มมองหญิงสาวอย่างรอคอยคำตอบด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย ผิดกับคำพูดเหน็บแนมแกมประชดนั้น
“ก็แล้วทำไมคุณไม่ถามคุณชาลีล่ะ” อินทิราข่มความโกรธถามออกไป ไม่รู้จะใช้คำว่ากวนประสาทหรือกวนตีนดีสำหรับซีอีโอหน้าหล่อคนนี้
“แล้วตอนเดินเข้ามาคุณเห็นเขาไหมล่ะ”
เธอนิ่งอึ้งไปเล็กน้อยเมื่อโดนย้อนถาม เขาพูดก็ถูก ชายหนุ่มหน้าห้องของเขาไม่อยู่จริงๆ แต่โทรศัพท์ก็มีทำไมไม่ติดต่อกันล่ะ
“คุณเรย์มองด์ชอบพาคุณวารีไปทานอาหารที่ร้านสไบทองในโรงแรมแม็คแคนเลย์อเวนิวบ่อยๆ ค่ะ ฉันขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ”
“เดี๋ยวก่อน” ยัสซันเรียกหญิงสาวที่กำลังจะเดินออกจากห้องเอาไว้ “ที่ผมถามคุณเพราะว่าผมอยากทำให้พ่อกับแม่ผมประหลาดใจเท่านั้น และนี่คือวิธีเดียวที่ท่านทั้งสองจะไม่รู้” ชายหนุ่มอธิบายให้เธอเข้าใจ “อย่าเข้าใจผิดคิดเป็นอย่างอื่น”
เท้าที่อยู่ในรองเท้าส้นสูงทรงสวยหยุดเดิน หมุนกายกลับไปทางเจ้านายหนุ่มอีกครั้ง ดวงตากลมโตทอประกายไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด
“คิดอะไรหรือคะที่ว่าเข้าใจผิด”
“แล้วคุณคิดว่าอะไรล่ะ”
แม่งกวนตีนว่ะ! “ไม่ได้คิดค่ะ แต่ไม่พอใจที่คุณใช้ดิฉันผิดหน้าที่ คราวหน้าช่วยเรียกใช้คุณชาลีหรือเลขาคนใหม่ของคุณแทนดิฉันนะคะ”
“ภาษาอังกฤษของคุณดีกว่าชาลีซะอีก ไม่งั้นตำแหน่งของคุณคงเป็นของชาลีเขาแล้ว”
“คุณก็ฟังภาษาไทยออกและพูดได้ ทำไมไม่พูดล่ะ” ผู้ชายคนนี้กวนตีนจริงๆ ว่ะ
“ฟังได้แต่พูดไม่เป็น มีอะไรไหม”
“โง่!”
“อะไรนะ!” คิ้วเข้มๆ บนใบหน้าหล่อเหลาขมวดมุ่น ตะแคงหูฟังอย่างตั้งใจมากขึ้น
“เปล่านี่คะ ดิฉันยังไม่ได้พูดอะไรเลย” อินทิราปั้นหน้านิ่ง ฝืนกลั้นยิ้มสะใจไว้เต็มที่
“เธอว่าฉันโง่!” ชายหนุ่มบอกกับหญิงสาวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“ฉันบอกว่าโอ้ต่างหาก โอ้พระเจ้า!” หญิงสาวคนสวยยกมือทาบอกทำท่าตกอกตกใจประกอบคำพูด “ขอตัวก่อนนะคะ” พูดจบเธอก็เลิกคิ้วพร้อมคลี่ยิ้มมุมปากคล้ายเยาะเย้ย หมุนกายเดินไปที่ประตูอย่างรวดเร็ว
อินทิราคลี่ยิ้มกว้างมากขึ้นเมื่อพ้นประตูห้องทำงานซีอีโอคนใหม่ออกมาแล้ว หัวเราะคิกคักอย่างมีความสุข ขณะที่รีบเดินออกไปจากบริเวณห้องทำงานของเขา
ยัสซันหน้าหงิกงอเป็นจวักอยู่ในห้องทำงาน เมื่อกี้เธอว่าเขาโง่ เขาได้ยินชัดเจนเต็มสองรูหู เธอยังมีหน้ามาปฏิเสธเขาอีก แล้วเธอรู้ได้ยังไงว่าเขาพูดและฟังภาษาไทยได้ เพราะเรื่องนี้มีไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้...
“ผมไม่เคยพูดเรื่องนี้กับป่าน.. หมายถึงคุณอินทิราน่ะครับ” ชาลีอธิบายเมื่อถูกเจ้านายเรียกเข้ามาถามเมื่อกลับมาจากข้างนอก
อ้อ! ชื่อป่านเหรอ ชื่อเพราะเหมาะกับความสวยของเธอ ฟังดูเรียบร้อยอ่อนหวาน ผิดกับความเป็นจริงลิบลับ
“แล้วเธอรู้เรื่องของฉันได้อย่างไร”
“ไม่ทราบครับ” ชายหนุ่มตอบกลับ ส่งสายตาที่อยู่ภายใต้แว่นสายตาสบกับเจ้านายหนุ่มเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ เขาไม่ได้บอกเรื่องนี้กับเพื่อนสนิทของคนรักแม้แต่ประโยคเดียว แต่ถ้าเธอจะรู้จากคนรักของเขามันก็ไม่แปลก และเขาก็ไม่ผิดเพราะเขาไม่ได้บอกกับเธอด้วยตัวเอง
ใบหน้าหล่อเหลายากจะหาใครเทียบติดมองหน้าชายหนุ่มที่มารดายกให้อย่างพิจารณามากเป็นพิเศษ แต่เห็นเพียงความนิ่งเงียบไม่หวั่นไหวจึงได้แต่หยิบแฟ้มที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาเปิด
“มีแต่คุณกับครอบครัวผมเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ ถ้าไม่ใช่คุณก็คงเป็นแม่หรือพ่อเลี้ยงของผม” เขาพูดขึ้นโดยที่สายตากำลังไล่ไปตามตัวอักษรในแฟ้มเสนอเซ็น
“คุณคงเข้าใจผิดในเรื่องนี้..” ชาลีไม่พูดต่อ แต่รอให้อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นสบตากับตน หรือไม่ก็เอ่ยปากถามขึ้นมาก่อน
“หมายความว่ายังไง” ยัสซันละสายตาจากแฟ้มงาน เงยหน้าขึ้นสบตากับอีกฝ่ายด้วยสายตาเป็นคำถามประกอบคำพูด
“ก่อนที่คุณจะมาเริ่มงานที่นี่ท่านประธานเคยเรียกประชุมผู้บริหารระดับสูง และพูดถึงความสามารถของคุณให้ทุกคนฟัง ท่านภูมิใจในตัวคุณมาก และยังบอกกับทุกคนว่าถ้าคุณเดินทางมาบริหารงานที่นี่ให้พูดภาษาไทยกับคุณได้เลย เพราะคุณสามารถอ่านออกเขียนได้ดีมาก ไม่ต้องกลัวว่าจะมีปัญหาเรื่องการสื่อสารกับคุณโดยตรง”
“แสดงว่ารู้กันหมดทั้งบริษัทแล้ว”
“ครับ”
“เข้าใจแล้ว ไปทำงานต่อเถอะ” ที่แท้ก็มารดานี่เองกระจายข่าว ชายหนุ่มคิดในใจแต่ไม่ได้ตำหนิ เพราะรู้ว่ามารดานั้นรักความเป็นคนไทยมากแค่ไหน...