สามวันต่อมา
ภายในห้างสรรพสินค้าใหญ่ใจกลางเมืองย่านถนนธุรกิจ มีสาวสวยสองคนกำลังเดินดูเสื้อผ้าที่แขวนไว้ตามราวในห้องเสื้อยี่ห้อหรูอย่างตั้งอกตั้งใจ แต่ปากก็ยังพูดคุยกันไม่หยุด
“ป่านเบื่อพ่อกับแม่มากๆ เลยแก้ว พวกเขาจะให้ป่านกลับไปดูตัวอีกแล้ว”
“ก็รีบๆ หาลูกเขยให้ท่านสิ พวกท่านจะได้เลิกเซ้าซี้” ปัทมาบอกกับเพื่อนรักพร้อมรอยยิ้ม ขณะที่ทาบชุดในไม้แขวนเข้ากับตัวและมองไปที่กระจกบานใหญ่
“ก็ไม่ใช่ว่าไม่อยากมีสามีนะแก้ว แต่มันยังไม่ถูกใจใครเป็นพิเศษนี่นา” อินทิราตอบกลับฉะฉานตามสไตล์ของเธอเอง
“ก็น้องปอไง” ปัทมาซึ่งเป็นคนที่นิสัยเรียบร้อยมาก แต่ชาชินกับปากร้ายๆ ของเพื่อนดี จึงไม่รู้สึกแปลกใจอะไรกับคำพูดเหล่านั้น
“ป่านอยากมีผัวนะแก้ว ไม่ใช่อยากมีลูก” สาวสวยรูปร่างสมส่วนกล่าวกับเพื่อนสนิทที่รูปร่างสูงโปร่งเหมือนนางแบบด้วยสีหน้าสุดเซ็ง
“ห่างกันแค่เก้าปีเอง เดี๋ยวนี้เขาไม่ถือกันแล้ว อีกอย่างป่านก็ดูอ่อนกว่าอายุจริงตั้งเยอะ ให้น้องเขาไว้หนวดไว้เคราหน่อยก็ดูแก่กว่าแล้ว” ปัทมาเม้มปากกลั้นยิ้มเมื่อพูดจบ
“ป่านอยากได้คนที่เป็นผู้ใหญ่กว่า สุขภาพดี เอาอกเอาใจเรา โอ๋เราเวลาเราเศร้า ง้อเราเวลาเราโกรธ รักเราหลงเราหัวปักหัวปำโดยไม่มีข้อแม้ ถ้ามีแบบนี้ป่านแต่งทันที”
“ไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่เจ้าชู้ด้วยไหมป่าน” ปัทมาถามเพราะไม่แน่ใจว่าเพื่อนรักลืมเรื่องสำคัญเหล่านี้หรือเปล่า
“เหล้าไม่ว่า บุหรี่นี่พอรับได้แต่อย่าจัดมาก ส่วนเจ้าชู้นี่อย่าหวัง อาละวาดวงแตกแน่”
“เฮ้อ!”
“ทำไมต้องถอนหายแรงขนาดนั้นด้วยล่ะแก้ว” อินทิราถามยิ้มๆ
“ก็ผู้ชายที่ป่านต้องการคงหาไม่ได้ในโลกใบนี้หรอก คุณสมบัติที่ป่านเรียกร้องมาทั้งหมด หาได้จากผู้ชายเกรดดีที่สุดในโลกสามคนมารวมกันเลยนะ”
“แสดงว่าป่านต้องมีสามีทีเดียวสามคนเลยใช่ไหม” อินทิรากระซิบถามเบาๆ แล้วหัวเราะชอบใจเมื่อเห็นเพื่อนสาวหน้าแดงด้วยความเขินอายกับคำพูดของตน “บรื่อ.. แค่คิดก็ซู่ซ่าแล้ว” เธอทำหน้าทะเล้น ทำตัวดีดดี้น ลูบแขนลูบไหล่ขึ้นลง
“ป่านทะลึ่ง”
“เปล่านะ..” รีบปฏิเสธหน้ายู่ “เค้าไม่ได้ทะลึ่งซะหน่อย เค้าคิดจริงๆ ต่างหาก”
“นี่แหละเขาเรียกทะลึ่ง ไม่เอาแล้ว แก้วไม่คุยกับป่านเรื่องนี้แล้ว เปลี่ยนเรื่องคุยดีกว่า ป่านว่าชุดนี้เหมาะกับแก้วไหม” ปัทมาหยิบชุดใหม่ในราวมาทาบกับตัวให้เพื่อนช่วยดู
“น่ารักดีแต่มันเรียบร้อยเกินไป ชุดนี้เซ็กซี่กว่าเยอะ” อินทิราหยิบชุดเกาะอกตัวสั้นสีเหลืองสดใสมาทาบตัวเพื่อนสาว “เหมาะกับหุ่นนางแบบอย่างแก้วมาก”
“ไม่เอาหรอก แก้วไม่มีอะไรจะให้โชว์เหมือนป่าน” เธอบอกกับเพื่อนรักขณะแขวนชุดเก็บที่เดิม ที่สำคัญการแต่งตัวแนวนี้ไม่ใช่สไตล์ของเธอสักนิด
“เดี๋ยวนี้เขาก็พึ่งฟองน้ำกันทั้งนั้นแหละ ส่วนน้อยที่จะเป็นของจริง” อินทิราหยิบชุดนั้นมาทาบกับตัวเสียเอง
“แต่ของจริงก็ดูเด่นกว่าเห็นๆ อย่างป่านใส่เหมาะมาก แต่งแบบไหนก็สวยเพราะมีทั้งอกและสะโพก เอวก็เล็ก ถ้าแก้วแต่งคงเหมือนเด็กประถมใส่ชุดผู้ใหญ่ ดังนั้นเชิญเพื่อนรักเซ็กซี่ตามสบายเลยจ้ะ แก้วขอกะโปโลแบบนี้ดีแล้ว มันดูเหมาะกับแก้วมากที่สุดแล้ว”
“ป่านแต่งตัวแบบแก้วบ้างดีกว่า จะได้มีแฟนน่ารักๆ แบบแก้วบ้าง”
“พี่ชาลีดุจะตาย แบบนั้นน่ารักตรงไหน” เธอพูดถึงคนรักซึ่งก็คือผู้จัดการใหญ่ของบริษัท และตอนนี้ยังต้องควบตำแหน่งเลขาส่วนตัวซีอีโอคนใหม่ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“เพราะเขารักแก้วมากต่างหาก จึงได้เข้มงวดกวดขันมากเป็นพิเศษ”
“เหมือนป่านกับน้องปอหรือเปล่า”
“กลับมาที่ปออีกแล้วเหรอ ป่านเบื่อมันมากเลย เพราะมันนี่แหละที่ทำให้ป่านต้องอยู่เป็นสาวแก่จนถึงทุกวันนี้” อินทิราทำหน้าเซ็งสุดขีด เมื่อนึกถึงเด็กหนุ่มที่เข้ามาติดพันจนแกะไม่ออกนามว่าชินวุฒิหรือน้องปอของเพื่อนสนิท “ป่านรักปอก็จริง แต่ก็แบบน้องชายเท่านั้น”
“แต่เขาไม่ได้คิดกับป่านแบบพี่สาวนี่” ปัทมาแย้ง
“มันคงคิดว่าป่านเป็นแม่ทูนหัวของมันกระมัง”
“แต่แก้วว่าน้องปอเขาอยากให้ป่านเป็นภรรยาของเขามากกว่า ไม่งั้นคงไม่ประกาศไปทั่วหรอกว่ารักป่าน”
“ให้มันฝันไปคนเดียวเถอะแก้ว วัยกำลังคะนอง เดี๋ยวก็ลืม” เธอคิดไม่เหมือนเพื่อนรัก เพราะเธอคิดว่าชินวุฒิติดเธอมาตั้งแต่เด็กมากกว่า จึงคิดว่าเธอคือคนรัก ถ้าลองได้เจอสาวๆ รุ่นเดียวกัน และเปิดใจยอมรับ เขาอาจจะค้นพบว่าเธอนั้นไม่ใช่คนที่เขารักแบบชู้สาว
“น้องปอเขาอาจจะรักนิรันดรก็ได้”
“ในโลกนี้ไม่มีเรื่องรักนิรันดรหรอก ความรักเป็นเพียงความรู้สึกชั่ววูบ ความรู้สึกนี้ย่อมเปลี่ยนไปตามกาลเวลาและอารมณ์ อาจจะมีทั้งเพิ่มขึ้นและน้อยลง ดังนั้นอย่าวาดหวังความรักให้สวยเกินไปและก็อย่าซ้ำเติมการอกหักให้ทุกข์เกินเหตุ”
“พ่อหรือแม่สอนมาเนี่ย คมยิ่งกว่ามีดโกนอีก” ปัทมาเลิกคิ้วขึ้นสูงเล็กน้อยขณะถาม
“พ่อกับแม่ป่านสอนแต่ให้จับผู้ชายมาให้ได้สักคนเพราะอายุมากขึ้นทุกวัน พวกเขากลัวจะไม่ได้อุ้มหลานตาหลานยาย” อินทิราพูดติดตลกเชิงเหน็บแนม “ส่วนไอ้คำคมเมื่อกี้เป็นพ่อของคนอื่นเขาเขียนสอนลูกเอาไว้ก่อนตาย จำมาจากโลกโซเชียล” บอกกับเพื่อนสาวคนสนิทแล้วจึงกวักมือเรียกพนักงานของร้าน “ป่านจะเอาชุดนี้แหละ เหมาะกับหัวข้อของงานดี”
“สวยดีนะ ดูเรียบร้อยแต่แอบเซ็กซี่” ปัทมาพยักหน้าเห็นด้วยกับชุดราตรียาวสีบานเย็น ตัวเสื้อเป็นแขนกุด คอเหลี่ยมเปิดกว้างพอดีระดับอก ด้านหลังตัดต่อด้วยลูกไม้โปร่งสีดำไปจนถึงช่วงเอว ส่วนกระโปรงเป็นทรงรัดรูปแล้วค่อยๆ สยายบานออกไป ถ้าเพื่อนสาวของเธอสวมใส่ลงไปบนเรือนร่างแล้วคงดูเด่นสะดุดตา ด้วยสีสันของชุดและผิวเนื้อขาวเนียนอมชมพูของเธอ แต่ที่น่ามองที่สุดคงจะเป็นแผ่นหลังที่เผยให้เห็นรำไรอยู่ภายใต้ผ้าลูกไม้สีดำ อะไรที่วับๆ แวมๆ นี่แหละชวนให้น้ำลายหกดีนัก
“จริงๆ แล้วป่านไม่อยากเสียเงินซื้อชุดใหม่เลยนะ ถ้าไม่ติดว่าต้องรับรองหุ้นส่วนชาวต่างชาติของบริษัทด้วย”
“งานเลี้ยงต้อนรับซีอีโอคนใหม่เชียวนะ ป่านกล้าแต่งตัวปอนๆ เหรอ”
“เอาชุดราตรีเก่าๆ มาดัดแปลงสักหน่อยก็หรูแล้ว ดูเหมาะกับเจ้านายคนใหม่เราดีออก” นึกถึงผู้ชายหน้าคมเข้ม หล่อเหลาขั้นเทพคนนั้นแล้วยังเคืองๆ ไม่หาย ตั้งแต่วันที่ประชุมแนะนำตัวจนมาถึงวันนี้ก่อนเลิกงาน เขาช่างขยันหาเรื่องให้เธอเข้าไปพบได้บ่อยครั้งจริงๆ แล้วไอ้เรื่องที่ถามก็ไม่ได้เกี่ยวกับเธอโดยตรงสักนิด เหมือนจงใจกวนประสาทกันมากกว่า...