ตอนที่ 2 ปมของแบดบอย

2313 Words
2…ปมของแบดบอย   ตาเป็นอัยการ ยายเป็นพยาบาล ปู่เป็นผู้ใหญ่บ้าน ย่าเป็นทนายความ พ่อเป็นหมอ แม่เป็นหมอ ลูกเป็นหมา นี่คือคำเหน็บแนมจากญาติๆ ของสงคราม ฉัตรพงศ์ จนเจ้าตัวเกิดความเคยชิน กูไม่แคร์ ยามที่ได้ยินใครพูดเช่นนั้น สงครามก็ยังยืนยันประโยคเดิม ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันเขาใช้ชีวิตเสเพลตามใจตัวเอง อยากเที่ยวก็เที่ยว อยากไปไหนก็ไป อยากทำอะไรก็ทำ “โต” “ครับแม่” “อายุเท่าไหร่แล้วเรา” สงครามเลิกคิ้ว “แม่คลอดผมมา แม่ไม่รู้หรือครับ” สงครามพูดกวนตีนกระทั่งกับแม่ จนทุกคนเห็นเป็นเรื่องปกติเพราะเขากับแม่ไม่ลงรอยกันทุกเรื่อง ส่วนคนเป็นแม่รู้สึกชินไปแล้ว “นี่ๆ หมั่นไส้มาย้อนแม่” “โอ๊ยๆๆๆ ผมเจ็บนะครับแม่ เจอหน้าเป็นต้องตีผมอยู่เรื่อย” “ก็มันน่าไหมล่ะ แล้วรู้ตัวไหม อายุขนาดนี้ไม่สมควรหายใจทิ้งไปวันๆ โดยไร้จุดหมาย” “ครับ” สงครามหลับตา เขารู้ว่าโดนเทศน์ยาวแน่ “ลืมตามาพูดกันก่อน” เรื่องอะไรเขาต้องทำตามสั่ง ชายหนุ่มนอนหลับตาทำเป็นทองไม่รู้ร้อน “โต นี่แม่สั่งนะ ได้ยินไหมโต!!” ไม่ได้ยินก็แปลกล่ะ เสียงแปร๋นๆ ของแม่เขาคงดังไปถึงบ้านข้างๆ หมดแล้ว ฮึ...คุณหมอพิสมัยผู้ใจดี อ่อนโยนอ่อนหวานกับทุกคน แต่กับลูกชายที่แสนดีอย่างเขากลับเหมือนยักษ์ขมูขี สงครามเคยพูดเปรยๆ กับพ่อว่าเขามีแม่เป็นยักษ์ พ่อส่ายหน้าแล้วพูดว่าตัวเองก็มีลูกเป็นยักษ์ ยอมๆ เมียของพ่อบ้างสักเรื่องไม่ได้หรือไงตั้งแต่เล็กจนโตเคยตามใจแม่สักเรื่องไหม เขาตอบว่าไม่ แล้วพ่อก็ถามว่าทำไมต้องเอาชนะแม่ให้ได้ทุกเรื่องด้วย พ่อเขาบ่นยาวแต่เป็นความจริงที่เถียงไม่ได้ อย่างเช่นแม่อยากให้เรียนแพทย์แต่เขากลับเลือกเรียนบริหาร ทั้งที่สมองระดับเขานั้นเข้าแพทย์ได้แต่เป็นเพราะอยากต่อต้านก็เลยทำทุกอย่างที่แม่ไม่ชอบ พ่อบ่นว่าเสียดายแทนประเทศชาติที่ขาดบุคลากรที่มีความสามารถไปอีกคนเพราะประชดแม่ ไอ้ลูกไม่มีหัวคิด เขาผ่านวัยรุ่นวัยดื้อมาแล้วจึงเข้าใจถึงความรักความปรารถนาดีของคนเป็นพ่อแม่ แต่ใช่ว่าจะยอมทำตัวว่านอนสอนง่ายแค่อะไรที่ยอมได้ก็ยอมกันไป และเขาก็ยังเป็นเขาผู้ชายที่เอาแต่ใจตัวเองเหมือนเดิม นิสัยเสียไปแล้วแก้ไม่หาย สงครามถอนหายใจ กวนอารมณ์แม่ให้ขุ่นต่อไปไม่เลิกรา “ปู่ย่าตายายผมรวยนี่ครับ นั่งกินนอนกินไปสิบชาติก็ใช้มรดกไม่หมด ไหนจะมรดกพ่อกับแม่อีกล่ะครับ” “อย่างนี้ก็ได้หรือโต” คุณหมออยากตีก้นลูกชายขึ้นมาติดหมัด อายุไม่ใช่น้อยๆ แต่ทำตัวเหมือนเด็ก ลอยไปลอยมาเป็นพ่อพวงมาลัย สงครามผวาเอามือจับมือแม่เอาไว้ไม่ให้เล็บคมๆ ฝังลงมาบนเนื้อ “แม่ลูกคู่นี้คุยอะไรกัน” “วันนี้จะประชุมเพลิงผมหรือครับ อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาเชียว” สงครามลุกขึ้นนั่งเมื่อพ่อและน้องสาวเดินเข้ามาสมทบ “แกนี่ปากจัดจริงๆ นะนายโต เถียงแม่อีกล่ะสิ” คุณหมออรุณรักษ์รวบร่างอวบของภรรยาเข้าไปกอด “ไม่ได้เถียงครับพ่อ” แค่ก่อกวนให้แม่อารมณ์เสียเฉยๆ คุณหมออรุณรักษ์ส่ายหน้า ท่านรู้เท่าทันลูกชายเพียงแต่ไม่พูด แม่และลูกเหมือนขมิ้นกับปูนแต่ก็เพราะรัก คนเป็นพ่อแม่ตักเตือนจ้ำจี้จ้ำไชไม่ใช่เพราะรักหรอกหรือ หากเป็นลูกชาวบ้านใครจะไปยุ่งด้วย แต่ก็นั่นแหละวิธีแสดงความรักของภรรยาเขาที่มีต่อลูกก็เกินไปจริงๆ บางครั้งก็รู้สึกเห็นใจลูกเหมือนกัน “แล้วพี่โตล่ะ วันนี้ไม่ไปไหนหรือคะ” รุ่งฉัตรนั่งลงเบียดพี่ชายบนเปลไม้ตัวยาว “มานั่งเบียดทำไมกันว้า ที่มีให้นั่งเยอะแยะ” สงครามบ่นแล้วลุกหนีไปนั่งที่เก้าอี้ “ดูสิคะพ่อ กับน้องนุ่งทำรังเกียจ” หญิงสาวทำปากยื่นหน้างอใส่พี่ชาย “ก็ถูก เราไม่ใช่แฟนพี่เขานี่นา” “แม่ขาดูสิคะ พ่อเข้าข้างพี่โตอีกตามเคย” รุ่งฉัตรหันไปอ้อนแม่แทน “มีอะไรกันหรือเปล่าครับ ถ้าไม่มีผมจะนอน” “น้องสอบติดแพทย์ ไปฉลองกันหน่อย” “อ๋อ คนเก่งของแม่” “คนเก่งของพี่โตด้วย” รุ่งฉัตรลุกไปอ้อนพี่ชายไม่สนใจใบหน้าไม่เป็นมิตรต่อโลกของเขา รุ่งฉัตรคือลูกรักของแม่ สงครามไม่ได้น้อยใจเขาเองก็รักน้องสาวคนนี้มากเพราะมีกันแค่สองคนพี่น้อง แต่รำคาญมากกว่าเพราะแม่ชอบยกมาเปรียบเทียบ ดูน้องสิเก่งอย่างนั้นเก่งอย่างนี้ น่ารำคาญใช่น้อยเสียที่ไหน แล้วมาไล่บี้เอากับเขา ให้เอาน้องเป็นเยี่ยงอย่าง มันสายไปแล้วกระมัง รุ่งฉัตรเพิ่งจบ ม.6 ขณะที่เขาจบปริญญาตรีมาสองปีแล้ว ที่สำคัญเขาไม่อยากดีอยากเด่นเพราะต้องการให้ใครต่อใครมารุมรัก น่าเบื่อ! “ลุกเร็วเข้า พ่อหิวแล้ว” “ผมขี้เกียจไปครับ อยากนอนมากกว่า” “เมื่อคืนกลับกี่ทุ่มล่ะ” “เช้าครับแม่ แต่ก็ดีกว่าหิ้วสาวกลับมาให้บ้านฉัตรพงศ์เสียหาย” ตอบตามความเป็นจริง เมื่อคืนเขาค้างที่รีสอร์ท รีสอร์ทฉัตรตะวันเป็นธุรกิจของตระกูลที่น้องชายของพ่อดูแลอยู่ ครอบครัวเขาได้รับเงินปันผลทุกปีแต่ไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยว เพราะแม่เขาไม่ชอบ เขาเคยอยากลองทำรีสอร์ทบ้างเหมือนกัน อยากทำเพราะแม่ไม่ชอบแต่ลึกๆ แล้วตัวเองก็ไม่ชอบเหมือนกันเลยหันไปทำอย่างอื่นแทน “แล้วไปที่รีสอร์ทคิดว่าไม่มีใครรู้หรือไง ญาติๆ กันทั้งนั้น” เพราะรู้ไงถึงได้ไปที่นั่น หิ้วสาวไปแต่ละครั้งก็โดนคนพวกนั้นจ้องมองราวกับทำความผิดร้ายแรง นี่ขนาดเป็นญาติฝั่งพ่อนะ ฝั่งแม่แรงกว่านี้อีกแทบไม่นับเขาเป็นญาติ ประหลาดไหมล่ะ “ไม่ได้หรือครับ งั้นคราวหน้าผมเปลี่ยนเป็นคอนโดก็ได้” คอนโดก็ของญาติฝ่ายแม่เขาอีกแหละ ส่วนคอนโดที่เขาแอบซื้อไว้ไม่ได้ไปใช้นานแล้วตั้งแต่คราวที่เผลอพาผู้หญิงไประเริงรักแล้วรักแท้เปิดประตูออกมาเจอ ความอายยังมีอยู่ไม่เคยเลือนหาย “ไม่ได้” “อ้าว งั้นผมก็ต้องพาผู้หญิงของผมมานอนที่บ้านสิครับ” คุณหมอพิสมัยส่ายหน้าลอบถอนหายใจ ลูกคนนี้มันเหมือนใคร ไม่เอาถ่าน “สักวันเมื่อมีลูก โตจะเข้าใจแม่ กรรมเดี๋ยวนี้ติดจรวดด้วยนะอย่าดื้อกับแม่ให้มากนักเดี๋ยวลูกออกมาจะดื้อยกกำลังสิบ” “พอแล้วทั้งแม่ทั้งลูกนั่นแหละ” เมียเขาไม่รู้ว่ากำลังโดนลูกชายยั่วให้โกรธ ไอ้ลูกชายเขาก็โรคจิตวันไหนไม่โดนแม่ด่าคงไม่มีความสุขก็เลยหาเรื่องให้โดนด่าทุกวัน “คุยอะไรกันอยู่คะ” เสียงหวานใสดังขึ้นขัดจังหวะการสนทนาที่กำลังเริ่มเคร่งเครียด “สวัสดีค่ะคุณลุงคุณป้า” รักแท้ยกมือไหว้คุณหมอทั้งสอง แล้วโปรยยิ้มให้น้องสาวคนโปรด โดยแกล้งมองไม่เห็นชายหนุ่มอีกคนที่กำลังนั่งทำหน้าหงิก “พี่ฟ่างไปกินข้าวด้วยกันไหม หนูสอบติดแพทย์ล่ะ” รุ่งฉัตรเกาะแขนพี่สาวข้างบ้านยิ้มอวดหน้าบานจนตาแทบปิด “ว้าว! สุดยอด ไปสิ ไปๆ” รักแท้ตื่นเต้นดีใจที่รุ่งฉัตรซึ่งเธอรักเหมือนน้องสาวสอบติดแพทย์สมดังใจปรารถนา “ลากคนนี้ไปด้วยสิ” คุณหมออรุณรักษ์บุ้ยใบ้ไปที่ลูกชายหัวดื้อทันที “อ้าว ทำไมล่ะโต ไม่ไปด้วยกันหรอกหรือ” “ขี้เกียจ” “ไม่เอา อย่าขี้เกียจ ไปฉลองให้น้องหน่อย ลุกๆ” รักแท้ดึงมือให้ร่างสูงใหญ่ลุกขึ้น ขณะที่อีกคนกลับขืนตัวไว้ดื้อเหมือนควายเห็นแล้วมันน่าหยิกให้เนื้อเขียวจริงๆ หญิงสาวได้แต่เข่นเขี้ยวอยู่ในใจจะลงไม้ลงมือเองก็เกรงใจพ่อแม่เขานั่งจ้องตาเป็นมันเสียขนาดนั้น คุณหมออรุณรักษ์สบตาภรรยาคนสวยแล้วยิ้มให้แก่กัน เชื่อเถอะลูกชายเขาไม่มีทางปฏิเสธ “อะไรวะ ก็บอกว่าง่วงจะนอน” “ค่อยกลับมานอนสิ นะๆ ไปด้วยกัน” “โว๊ะ! น่ารำคาญฉิบ...” “โต!!!” รักแท้ทำเสียงเข้ม มือเท้าสะเอว ใบหน้าเอาเรื่อง “โอเคๆ ไปก็ไป” ไม่ได้กลัวหรอก แต่ขี้เกียจมีเรื่องกับผู้หญิงมันน่าหงุดหงิดรำคาญใจ “ไปชุดนี้น่ะนะ” หญิงสาวเพ่งมองชุดบอลเก่าๆ จะไปเตะบอลหรือไปกินข้าวกับครอบครัวกันแน่ “เออสิวะ จะให้ไปก็อย่าเรื่องมาก” กะอีแค่ไปกินข้าวจะเรื่องมากอะไรนักหนาคนยิ่งง่วงๆ อยู่ด้วย “โต ขืนพูดอีกคำเดียวเป็นเรื่องแน่” รักแท้พูดแทบเป็นกระซิบลอดไรฟันออกไป “ขู่!!” “โตคิดว่าไงล่ะ” “ฝากไว้ก่อนเถอะ” สงครามคำรามเบาๆ อากัปกิริยาที่สงครามก้มลงไปเกือบชิดแก้มหญิงสาวดูเหมือนกำลังหยอกล้อจู๋จี๋กัน ทำให้คุณหมอพิสมัยถึงกับยิ้มแก้มปริ รักแท้ยิ้มกว้าง “ก็แค่นี้ ขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วรีบลงมา” “พ่อกับแม่พาน้องล่วงหน้าไปก่อนก็ได้ครับ เดี๋ยวผมแต่งตัวเสร็จจะตามไปกับฟ่าง” “จ้ะๆ แม่จะไปรอที่ร้านป้าซิ้มนะ” คุณหมอพิสมัยต้อนผัวและลูกขึ้นรถ รุ่งฉัตรอิดออดอยากไปกับพี่ชายเพราะอยากคุยกับรักแท้แต่โดนแม่ดึงให้ไปขึ้นรถด้วยกัน ข้าวฟ่างหรือรักแท้เรียนจบเภสัชฯเมื่อปีที่แล้วตอนนี้ทำงานที่โรงพยาบาลประจำจังหวัดและเปิดร้านขายยาแผนปัจจุบัน อายุยังน้อยแต่ขยันไม่เคยเที่ยวเตร่ทำให้คุณอรุณรักษ์และภรรยาให้ความเอ็นดูมาก ราวกับลูกสาวเลยทีเดียว ที่สำคัญต้นตระกูลของหญิงสาวเป็นผู้ดีเก่ามีเชื้อสายเจ้าพระยา พ่อหญิงสาวที่เสียชีวิตไปแล้วเป็นผู้ว่าราชการจังหวัด ส่วนแม่เป็นอาจารย์สอนในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง รักแท้ได้รับการอบรมสั่งสอนมาดี ไม่เคยประพฤติตัวออกนอกลู่นอกทางให้แม่หนักใจ จนกระทั่งเรียนจบมีงานทำ อาจารย์ชุติรักษ์แม่ของหญิงสาวหัวสมัยใหม่ไม่เหมือนแม่ของสงครามที่ตีกรอบให้ลูกจนขยับตัวแทบไม่ได้จึงต้องฉีกกรอบออกมา แต่อาจารย์ชุติรักษ์ก็ใช่ว่าจะปล่อยปละละเลยหรือตามใจลูก เพียงแต่เดินสายกลางตึงบ้างหย่อนบ้างไม่ให้ลูกรู้สึกอึดอัด และด้วยความที่เป็นลูกคนเดียวหญิงสาวจึงได้รับความรักความอบอุ่นเต็มที่ คุณหมอพิสมัยก็ให้ความรักกับลูกเต็มที่เหมือนกันแต่ด้วยวิธีที่ต่างกันกับอาจารย์ชุติรักษ์ ประกอบกับเวลาของงานที่ไม่ค่อยมีให้กับครอบครัว ลูกทั้งสองจึงขาดๆ เกินๆ เหมือนจะดีแต่ไม่เต็มร้อย สงครามนั้นเป็นผู้ชายเสียหายได้ไม่แปลกอะไรแต่น้องสาวของเขารุ่งฉัตรซึ่งอยู่ในช่วงวัยรุ่นนั้นต่างกัน “รีบขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าสิโต ฟ่างหิว” “ขึ้นไปด้วยกัน เลือกให้หน่อย” เขาดึงมือเล็กให้เดินตามไปแต่หญิงสาวขืนตัวเอาไว้ “อะไรกันโต มันหน้าที่ฟ่างหรือก็เปล่า” “อ้าว เดี๋ยวไม่ถูกใจฟ่างก็บ่นอีก รำคาญหู” “เสื้อยืดกางเกงยีนส์นั่นแหละ เสื้อยืดสีดำนะ ขึ้นไปเร็วๆ เข้า แล้วอย่าช้าล่ะ ขืนช้าฟ่างไม่รอจะขับรถไปเอง” “ขู่จัง โดนพี่ขู่บ้างจะหนาว” “โตมีอะไรจะขู่ฟ่าง” “ก็...” จริงสิ เอาอะไรไปขู่ สงครามเดินเกาหัวขึ้นไปด้านบน สิบนาทีไม่ขาดไม่เกิน สงครามจึงเดินย่ำเท้าลงมา ผู้ชายอะไรโคตรหล่อดูดี รักแท้อดที่จะมองร่างใหญ่ของผู้ชายที่เดินเข้ามาใกล้ไม่ได้ หล่อกระจาย เสื้อยืดสีดำตัดกับผิวขาวแนบลำตัวเน้นให้เห็นกล้ามเนื้อยามที่เขาเคลื่อนไหว ท่อนล่างอยู่ในกางเกงยีนส์รัดรูปขาเดฟช่วงขายาวเพรียวทำให้ดูดี ว้าว! เท่เสียไม่มี ไม่ต้องหว่านเสน่ห์ สาวๆ ก็ติดตรึม “จ้องจะกินพี่เหรอ ขึ้นรถ” เขาเอามือวางบนหัวหญิงสาวดึงเธอเข้ามาใกล้แล้วก้มลงหอมบนหัวเบาๆ จากนั้นก็กอดคอเธอเดินไปขึ้นรถ สงครามไม่เคยทำต่อหน้าผู้ใหญ่ ส่วนใหญ่เขาทำเมื่ออยู่กันเพียงลำพัง รักแท้ไม่ว่าอะไรเพราะเขาทำด้วยความเอ็นดูมากกว่าเหมือนที่ทำกับรุ่งฉัตร แต่ถ้าหอมแก้มนั้นไม่ได้ “จะบ้าเหรอโต ก็แค่มองว่าเสื้อตัวนี้ที่ฟ่างเคยซื้อให้ป่ะ ทำไมไม่เคยเห็นโตใส่” แก้ตัวแก้เขินไป “ฟ่างซื้อให้เป็นสิบ จะใส่ทันไหมถามตัวเองดูเถอะ” “จริงด้วยสิ นี่...ไปร้านป้าซิ้มนะโตอย่าออกนอกเส้นทางอีกล่ะ ทุกคนรอเราอยู่” เคยโดนมาแล้ว พ่อกับแม่เขานัดไปร้านหนึ่งแต่เขาพาเธอไปอีกร้านหนึ่งซะงั้น ถ้าเขาเป็นลูกชายเธอนะ เธอจะตีให้ก้นลายทั้งที่โตเป็นหนุ่มแล้วนี่แหละ จะได้หายซ่าส์                              

Great novels start here

Download by scanning the QR code to get countless free stories and daily updated books

Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD