บทที่1 สูญเสีย
"ฮือๆ"
คนร่างเล็กแต่งตัวในชุดเก่ามอซอ ร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่หน้าโลงของบุพการีทั้งสอง เธอชื่อปรรณพัชร์ เด็กสาวยากจนที่เพิ่งเรียนจบมัธยมปลายที่ต่างจังหวัด สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักอย่างไม่มีวันหวนกลับมา
ท่านทั้งสองถูกรถชน ขณะที่ขับมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างไปร่วมแสดงความยินดี ในวันงานปัจฉิมนิเทศที่โรงเรียน
วันที่เธอเรียนจบคือวันที่เจ็บปวดที่สุดในชีวิต ปรรณพัชร์เอาแต่โทษตัวเอง รู้สึกผิดกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้น ถ้าท่านไม่ไปวันนั้น คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
บิดามารดาของเธอเป็นคนบ้านนอก ขับรถไม่เก่ง ชีวิตลำบากมาตลอด ทำงานรับจ้างหาเงินเลี้ยงดูเธอกับพี่สาว
พอพี่เรียนจบก็ไปทำงานหาเงินที่กรุงเทพฯ ไม่ได้เรียนต่อ เพราะอยากหาเงินส่งเสียให้เธอได้เรียน อยากหาเงินมาให้พ่อกับแม่ได้สุขสบาย
"ปราณ" มือเล็กวางลงบนบ่าสั่นเทา ปรรณพัชร์ปาดน้ำตาแล้วหันไปมอง เธอโผเข้ากอดพี่สาวเอาไว้แล้วร้องไห้ออกมาอย่างหนัก
"พ่อกับแม่ไม่อยู่แล้ว ฮือ ๆ ปราณจะอยู่กับใครพี่ปลา ฮือ ๆ ปราณผิดเอง พ่อกับแม่ตายเพราะปราณ"
"มันไม่ใช่ความผิดของน้องเลย ฮึก! ไม่มีใครอยากให้มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น"
ปารวี ร้องไห้ออกมาไม่ต่างกัน ทั้งที่จะมาปลอบผู้เป็นน้องให้เข้มแข็ง กลับเป็นเธอที่อ่อนแอ เธอเป็นพี่สาวเพียงคนเดียวของปรรณพัชร์ เธอต้องเป็นเสาหลักให้น้องสาว เธอทำงานหนักส่งเสียให้น้องเรียน จนกระทั่งเธอจบมัธยมปลาย
มอเตอร์ไซค์ที่ได้มา ก็เป็นเงินที่เก็บออมที่พี่สาวส่งมาให้ พอมีรถขับสบายขึ้นมาหน่อย ครอบครัวก็เกิดเรื่องขึ้น สิ่งที่เกิดขึ้นเธอไม่ได้โทษน้องหรือโทษใคร ทุกอย่างมันเป็นอุบัติเหตุที่ไม่มีใครอยากให้มันเกิดขึ้น ส่วนคู่กรณีขับรถหนี แจ้งความไปก็ไม่มีอะไรคืบหน้า
"ฮือ ๆ ปราณขอโทษนะพี่ปลา"
"มันไม่ใช่ความผิดของน้อง อย่าโทษตัวเอง" ปารวีลูบศีรษะทุยเล็กของน้องสาวเบา ๆ "เสร็จงานศพพ่อกับแม่ ปราณไปอยู่กรุงเทพกับพี่ พี่จะส่งเสียปราณเรียนต่อเอง"
"ปราณไม่เรียนหรอกค่ะ ฮึก ปราณจะเรียนต่อไปทำไม ให้ปราณได้ทำงานหาเงินช่วยพี่ดีกว่า"
"ปราณต้องเรียนต่อ พี่จะส่งเสียปราณเรียนเอง" ปารวีข่มใจเอาไว้ แล้วปาดน้ำตาให้น้องสาว "พี่จะทำให้พ่อกับแม่ได้เห็น ว่าพี่ดูแลน้องได้ พ่อกับแม่จะต้องภูมิใจ ที่ได้เห็นน้องรับปริญญา"
"พี่ปลา ฮือ ๆ"
"อย่าร้อง ปราณต้องเข้มแข็ง พ่อกับแม่มองมา ท่านจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง ท่านไม่ได้ไปไหน ท่านยังอยู่ในหัวใจของเราสองคน"
"...."
"รับปากกับพี่นะ ว่าปราณจะเข้มแข็ง"
"ค่ะ" ปรรณพัชร์พยักหน้า แล้วกอดพี่สาวของตัวเอง
****
หลังจากที่งานศพพ่อกับแม่เสร็จสิ้นไปฉันกับพี่สาวก็เตรียมข้าวของ ฉันไม่ได้มีข้าวของอะไรมาก มีเสื้อผ้าไม่กี่ชิ้นแล้วก็กระเป๋ากับตุ๊กตา
พี่สาวของฉันเก็บเสื้อผ้าให้ประมาณ 3-4 ชุด ส่วนเสื้อผ้าตัวอื่น ๆ ก็ให้เก็บเอาไว้ที่บ้าน บ้านที่ฉันอาศัยอยู่มาตั้งแต่เด็ก เป็นบ้านทรงหมาแหงน มีสังกะสีผุ ๆ มุงเอาไว้ มันใช้หลบแดดได้ แต่ไม่สามารถใช้หลบฝน
เวลาฝนตกหนักบ้านก็จะรั่ว เวลาลมกรรโชกแรง แม่ก็จะพาฉันหมุดไปอยู่ที่ใต้แคร่ เพราะกลัวหลังคาบ้านจะพังหล่นมาทับ หรือไม้ก็กลัวสังกะสีหลุด แล้วปลิวมาปาดคอ
ส่วนฝาบ้านก็ถูกมุงด้วยสังกะสีเช่นกัน มันผุและเก่ามาก แต่บ้านหลังนี้ ฉันก็อยู่กับครอบครัวมาตั้งแต่เล็กจนกระทั่งโต
ชีวิตที่ผ่านมา ครอบครัวของฉันยากจน ใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก แต่ในความยากลำบากนั้น มันกลับมีแต่ความอบอุ่น พ่อกับแม่พยายามทำงานทุกอย่าง เพื่อหาเงินมาเลี้ยงดูฉันกับพี่ ส่วนพี่สาวของฉันก็รักฉันมาก ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ฉันได้เรียนหนังสือ
ฉันเคยวาดฝันเอาไว้ว่า ฉันอยากเรียนสูง ๆ มีงานดี ๆ ทำ จะได้มีเงินส่งเสียครอบครัว ให้พ่อกับแม่ได้สุขสบาย แต่ตอนนี้พวกท่านไม่อยู่แล้ว คนที่ฉันจะดูแลเป็นคนต่อไป นั่นก็คือพี่สาวของฉัน คนที่ดีกับฉันเสมอมา พี่ปลาเป็นญาติคนสุดท้าย คนเดียวที่ฉันเหลืออยู่
"ชุดมันเก่ามากแล้ว เดี๋ยวพี่จะซื้อให้ใหม่" พี่ปลาพูดแล้วพับเสื้อเก่า ๆ ของฉันใส่กระสอบเอาไว้ อย่าถามว่าทำไมไม่ใส่กล่องหรือใส่ตู้ บ้านฉันจนแค่พับใส่กระสอบมันก็ดีมากแล้ว
"ไม่ต้องหรอกค่ะพี่ปลา ชุดมันยังใส่ได้อยู่ ปราณไม่อยากให้พี่ต้องสิ้นเปลือง" ฉันพูดอย่างเกรงใจ พี่สาวฉันทำงานเป็นเด็กปั๊ม เงินเดือนน้อยนิด หาเงินได้แต่ล่ะเดือน ก็ส่งมาบ้านเกือบหมด ส่งมาเพื่อให้พ่อแม่ซื้อข้าวสาร เสียค่าน้ำค่าไฟ ส่งมาให้ฉันได้เรียน
"สิ้นเปลืองอะไรกัน ชุดที่ปราณใส่อยู่มันเก่าแล้ว"
"มันเก่าก็ใส่ได้ ปราณไม่อยากจะรบกวนเงินของพี่"
"รบกวนอะไรกัน เราเป็นพี่น้องกันมีอะไรก็ต้องช่วยเหลือกัน ตอนนี้พี่อาจจะช่วยปราณ ดูแลปราณ แต่หลังจากที่ปราณเรียนจบ มีการมีงานดี ๆ ทำ ปราณอาจจะได้เป็นคนดูแลพี่ก็ได้"
"ถ้าวันนั้นมาถึง ปราณสัญญาเลยค่ะ ว่าปรานจะดูแลพี่ปลาเป็นอย่างดี" ฉันพูดอย่างมาดมั่น ฉันจะตั้งใจเรียน ฉันจะพาพี่สาวก้าวข้ามความยากลำบาก ที่เจอมาตลอดชีวิตเอง
"อื้อ!" พี่สาวของฉันพยักหน้ายิ้มอ่อน ๆ ให้ฉัน ในขณะที่ฉันก็ยิ้มตอบพี่สาวเช่นกัน มันเป็นรอยยิ้มครั้งแรกหลังจากที่เสียพ่อกับแม่ไป
ฉันกับพี่ฝากบ้านเอาไว้กับคุณยายข้างบ้าน ฝากให้ท่านช่วยดูให้ ฉันไม่ได้กลัวใครจะหยิบจับอะไรไป เเต่อยากจะให้ช่วยดูแล เผื่อมีขี้เมาขี้ยามาพี้ยาที่บ้าน
ฉันนั่งรถทัวร์หยิบรูปเก่า ๆ ของพ่อกับแม่ออกมาดู แล้วร้องไห้ออกมา ตอนนี้อาจจะยังทำใจไม่ได้ แต่ฉันเชื่อว่าภายภาคฉันจะทำใจ แล้วก้าวข้ามความเจ็บปวดเป็นผู้ใหญ่ที่เติบโตได้
ผ่านไปหกชั่วโมง รถก็แล่นไปถึงเมืองใหญ่ ฉันมองถนนมองแสงสีในเมืองใหญ่ด้วยความตื่นเต้น ฉันไม่เคยมาที่นี่ เป็นครั้งแรกที่ฉันได้มา
"ดูทำหน้าสิ" พี่ปลาหัวเราะเบา ๆ กับความบ้านนอกของฉัน
"ปราณเคยเห็น ตอนไปแอบดูทีวีของป้าชะมัย แต่มันนานมากแล้ว ปราณไม่คิดว่ามันจะสวยขนาดนี้" พี่ปลาทำหน้าเศร้าลงเล็กน้อย เมื่อได้ยินว่าฉันไปแอบดูทีวีป้าชะมัย
ตอนนั้นฉันยังเด็กมาก บ้านฉันไม่มีทีวี ฉันจึงไปแอบดูทีวีที่ดูฝาบ้านแก ป้าชะมัยแกเอาไม้ทิ่มตาฉัน จนตาแทบบอด รักษาตาอยู่เป็นเดือน ๆ พ่อโกรธมาก แต่ทำอะไรไม่ได้ คนจน ๆ อย่างพวกเราจะทำอะไรได้ นอกจากก้มหน้ารับมัน
"ต่อไปนี้ ปราณจะมีทีวีดูทุกวัน ก่อนที่พ่อกับแม่จะเสีย พี่ไปซื้อทีวีจากร้านซ่อมมา กะว่าได้กลับจะเอาไปฝาก แต่เสียดายที่ท่านไม่ได้ดู"
"...." ฉันไม่ได้พูดต่อ แต่ความรู้สึกมันจุกในอก ฉันกับพี่สาวเข้าใจความรู้สึกของกันและกัน ฉันจึงเลือกที่จะยื่นมือไปกุมมือพี่ปลาแล้วบีบเบา ๆ เพื่อปลอบใจ
+++++++