1...เจ้าหนี้หน้าเลือด
1…เจ้าหนี้หน้าเลือด
ขอรัก พักตร์เพียงจันทร์ นั่งนิ่งราวกับรูปปั้นเมื่อได้ฟังมารดาพูด ‘บ้านและที่ดินถูกธนาคารยึด’ และเธอต้องไปเป็นผู้หญิงของผู้ชายคนหนึ่งเพื่อชำระหนี้ให้มารดาหรืออีกนัยหนึ่งคือนางบำเรอนั่นเอง
“หนูจะไม่ได้เรียนหรือคะแม่”
“ใช่” ผู้เป็นมารดาพยักหน้าไม่กล้าสบตาบุตรสาว
“ถ้าหนูไม่ยอม”
“แม่ก็ไม่มีเงินใช้หนี้ เขาอาจเอาแม่เข้าคุกก็ได้” ตอบเสียงแผ่ว
ขอรักกลืนน้ำลายแทบไม่พ้นคอขอบตาร้อนผ่าวพูดอะไรไม่ออก ถ้อยคำทั้งหมดจุกอยู่ที่ลำคอ
“แม่ขอโทษที่ต้องทำแบบนี้กับหนู แต่แม่ไม่มีทางออก หนี้สินมีตั้งแต่ก่อนที่พ่อของหนูจะเสียชีวิตแม่ต้องหยิบยืมเขามาใช้หนี้”
“ค่ะ หนูเข้าใจ” น้ำตาหยดหนึ่งไหลกระทบหลังมือที่วางประสานกันบนตัก
“หมูหวาน” คุณดวงเดือนจับมือที่วางประสานกันบนตักของบุตรสาวบีบเบาๆ ก่อนจะดึงร่างเล็กเข้ามากอดและลูบศีรษะพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงสั่นระริกว่า
“แม่ขอโทษนะลูก แม่ขอโทษ”
“เรามีหนี้ที่ต้องจ่ายให้เขาอีกเท่าไหร่คะแม่”
“สองล้าน”
สองล้าน ใจจะขาดรอนๆ “ค่ะ หนูตกลง”
และแล้วเด็กสาววัยสิบแปดปีก็ต้องพรากจากอกผู้เป็นมารดาด้วยน้ำตานองตาในเย็นวันต่อมา
“แม่ขา” ขอรักหันรีหันขวางมองผู้เป็นมารดา
“หมูหวาน ขึ้นรถเถอะลูก”
“แล้วหนูจะได้เจอแม่อีกไหมคะ”
“ได้เจอสิ แล้วแม่จะโทรหานะลูก”
“แม่ขา” น้ำเสียงโอดครวญสั่นระริกเคล้าเสียงสะอื้น เธอไม่อยากไป
“หมูหวาน หนูต้องเข้มแข็งนะลูก เราไม่มีทางเลือกอีก
ไม่กี่วันบ้านนี้ก็จะเป็นของคนอื่น” ผู้เป็นมารดาดันร่างเล็กของบุตรสาวให้เดินไปที่รถซึ่งมาจอดรออยู่
“แม่” เด็กสาวถูกดันให้ก้าวเข้าไปในรถซึ่งคนขับเปิดประตูรอไว้ เธอชะโงกหน้าน้ำตานองมองมารดาผ่านกระจกรถซึ่งค่อยๆ เลื่อนปิดในที่สุด
รถคันใหญ่จะพาเธอไปไหน ขอรักจับมือที่สั่นระริกเอาไว้แน่นด้วยความหวาดกลัวจนกระทั่งถึงที่หมาย
“นี่คือห้องของหนู” สตรีร่างอวบที่ถูกแนะนำว่าเป็นแม่บ้านใหญ่ของที่นี่ไขประตูห้องให้ หลังจากนั้นเสียงปิดประตูก็ดังขึ้นเด็กสาวถูกทิ้งให้ยืนเคว้งคว้างเพียงลำพังภายในห้องใหญ่ชั้นล่างของบ้านเกียรติพินิจพงศ์
เป็นเวลาเย็นมากแล้วที่ขอรักเดินทางมาถึงบ้านเกียรติพินิจพงศ์ เมื่อจัดเสื้อผ้าเข้าตู้เสร็จความมืดก็ปกคลุมทั่วบริเวณบ้าน เด็กสาวรีบปิดหน้าต่างสำรวจประตูว่าล็อกหนาแน่นดีแล้วก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าอาบน้ำอย่างรวดเร็ว โชคดีที่ก่อนจากบ้านเธอจัดการเรื่องปากท้องมาเรียบร้อยแล้วจึงไม่รู้สึกหิวเมื่ออาบน้ำเสร็จก็ปีนขึ้นเตียงและหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาแสนหยดเพื่อนสนิททันที
“ฮัลโหล หมูหวาน ว่าไงแก พรุ่งนี้เจอกันกี่โมง”
“ฉันไปไม่ได้แล้วล่ะแก”
“ทำไมล่ะ พรุ่งนี้ไม่ว่างเหรอ งั้นค่อยไปวันอื่นมีเวลาอีกตั้ง
หลายวัน”
“วันไหนก็ไม่ไป ไปไม่ได้” น้ำเสียงสั่นเครือ
“ทำไม มีอะไรเหรอ แกเป็นอะไรบอกเราสิหมูหวาน”
“เรา...เรา”
“เป็นอะไร บอกเรามาเดี๋ยวนี้นะ”
“เรา...เอ่อ...แค่นี้ก่อนนะกวาง”
“เฮ้ย! เดี๋ยวสิแก”
เสียงไขประตูทำให้ขอรักผวา เด็กสาวซ่อนโทรศัพท์ไว้ใต้หมอนและกดสวิทซ์ไฟขับไล่ความมืดภายในห้อง
“คราวหน้าคราวหลังถ้าฉันยังไม่กลับไม่ต้องล็อกประตู”
ผู้ชายร่างสูงยืนจังก้าอยู่หน้าห้อง เขาก้าวเข้ามาด้านในพร้อมกับล็อกประตูและสะบัดเสื้อคลุมหลุดจากกายเข้าประชิดร่างเด็กสาวในทันที เขาทำทุกอย่างได้เร็วมากจนผู้ที่อ่อนวัยกว่าแทบไม่ทันได้กะพริบตาเสียด้วยซ้ำเพราะมัวแต่ยืนงง
“คะ...คุณ”
“เผด็จศึก เรียกฉันว่าคุณเบิ้ล”
“ค่ะ คุณเบิ้ล” เด็กสาวยืนตัวสั่นอยู่ในอ้อมแขนแข็งแรง
เผด็จศึกดันร่างเล็กให้นอนลงบนเตียงแล้วก้าวขึ้นคร่อม ชายหนุ่มจับปลายคางเธอไว้แล้วก็กดนิ้วหัวแม่มือลงบนกลีบปากล่างขยี้เบาๆ จนแดงก่ำ ขอรักตัวแข็งทื่อดวงตากลมโตเบิกกว้างขณะกัดกระพุ้งแก้มจนเจ็บ
“เธอรู้ดีแล้วนะ ว่าต้องทำอะไรบ้าง”
ไม่รู้ ตอนนี้รู้อย่างเดียวว่ากลัว กลัวจนฉี่จะราดอยู่แล้ว เด็กสาวอ้อนวอนน้ำเสียงสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว
“ฉะ...ฉัน...เพิ่งมาถึง ฉันขอเวลา”
“ฉันให้เวลาแม่เธอมานานมากพอแล้ว”
“ฉัน...” ฟันกระทบกันกึกๆ
“ไม่ต้องกลัว แค่อย่าขัดใจฉันเท่านั้นเป็นพอ ฉันจะไม่รุนแรงกับเธอ”
ดวงตากลมโตที่เบิกกว้างค่อยลดลงต่ำ นั่น...มัน ทำไม น่ากลัวอย่างนั้นล่ะ โอย...จะเป็นลม กลัวสุดขีดเป็นเช่นไรขอรักเพิ่งเจอกับตัวเองเป็นครั้งแรกในชีวิตสาว เธอกลัวราวกับกลัวผีก็ไม่ปาน
‘แกร๊ ดูนี่สิ’
‘อี๊ ไม่เอาไม่ดู น่าเกลียด ปิดเดี๋ยวนี้นะ’
‘น่าเกลียดตรงไหน น่าดูจะตาย งานดีไม่มีที่ติ’
กวางหรือแสนหยดเพื่อนสนิทชอบเปิดภาพผู้ชายหล่อล่ำเปลือยกายให้เธอดูแต่เธอไม่เคยกล้าดูแม้แต่ครั้งเดียว ขอรักเป็นเด็กสาวที่มีนิสัยขี้อาย น่ารักนุ่มนิ่ม และหัวเก่าราวกับสตรียุคโบราณ ไม่เคยคบหากับเพศตรงข้าม ผู้ชายทุกคนจะล่าถอยไปเองเมื่อเจอความเย็นชาของเธอ มารดาไม่ได้อบรมให้มีนิสัยเช่นนี้แต่มีติดตัวมาแต่กำเนิด
‘เหมือนดอกไม้ปลอม สวยแต่ไร้กลิ่น’
ใครคนหนึ่งว่าไว้และใครคนนั้นคงเป็นผู้ชายคนใดคนหนึ่งที่ถูกความเย็นชาของขอรักขับไล่เขาให้ไกลห่าง
ขอรักหลับตาปี๋แล้วทันใดนั้นก็ผวาเฮือกลืมตาโพลงเมื่อเสื้อนอนถูกกระชากออกจากตัว
“ขอดูหน่อย”
“ไม่” มือหนึ่งปิดหน้าอกอีกมือจับขอบกางเกงเอาไว้แน่น
“เธอเป็นบ้าอะไร หยุดดิ้นเสียที รำคาญ!”
เสียงปานฟ้าผ่าดังมาจากร่างเปลือยของชายที่คร่อมอยู่เหนือกายเด็กสาวขอรักชะงักกึกดวงตาดุดันคู่นั้นทำให้เธอมือไม้อ่อนแรง เธอไม่ได้บ้าแต่เธอกลัว เด็กสาวเบะปากใกล้จะร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตาไหลออกมาเพราะคำพูดของชายผู้เป็นเจ้าหนี้นั้นกระแทกใจ
“เธอถูกแม่ส่งมาชำระหนี้แทนเงินนะ เตือนตัวเองเอาไว้ด้วย อย่าพิรี้พิไรให้ฉันหงุดหงิดรำคาญ ถ้าฉันส่งตัวเธอกลับไปแม่เธอนั่นแหละจะเดือดร้อน”
ใช่...เป็นความจริง แต่คนมันกลัวนะให้เวลากันบ้างสิ
เพศสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นกับคนแปลกหน้าย่อมเป็นสิ่งที่ น่ากลัวสำหรับลูกผู้หญิงทุกคนและคงไม่มีใครที่ไม่กลัว แม้จะรู้จักสนิทสนมกันเป็นอย่างดีก็ยังอดกลัวไม่ได้หากเป็นครั้งแรกของผู้หญิงคนนั้น ขอรักก็เช่นกัน
“ถ้าแม่เธอส่งเธอไปขายซ่อง นั่นแหละน่ากลัว”
แล้วคิดว่าตัวเองไม่น่ากลัวหรือไง ก็เป็นผู้ชายเหมือนกันเพียงแต่ซื้อบริการผูกขาดไม่ใช้ผู้หญิงร่วมกับใคร
“เธอให้บริการฉันเพียงคนเดียว แต่หากอยู่ในซ่องต้องให้บริการผู้ชายมากกว่าหนึ่งคน”
รู้ใจเธอไปอีก นอกจากเป็นเจ้าหนี้แล้วยังเป็นหมอดูไม่ใช่สิเป็นพ่อมดอีกต่างหาก แต่เขาควรจะรู้ด้วยว่าเธอกลัวและควรเห็นใจกันหน่อยดีไหมอย่าเป็นเจ้าหนี้หน้าเลือดนักเลย
“ฉันใจดีที่สุดแล้ว เพราะผู้ชายที่ไปซื้อบริการก็มีหลายประเภทแต่ละคนนิสัยไม่เหมือนกัน หากโชคร้ายเธอก็จะได้เจอกับผู้ชายโรคจิตชอบที่จะเห็นผู้หญิงเจ็บปวดขณะร่วมเพศ เธอรับไหวรึไง”
โอ๊ย...จะยังไงไม่ว่าผู้ชายคนไหนเธอก็กลัว