bc

เลขาสถานะเมีย

book_age18+
4.9K
FOLLOW
30.1K
READ
HE
boss
bxg
lighthearted
brilliant
office/work place
secrets
assistant
like
intro-logo
Blurb

รักวุ่นๆ ของท่านรองประธานกับเลขาสาว

เตชน์ ตันติวัฒน์ VS ข้าว พาขวัญ

++++++++++++++++++++

“เดี๋ยวค่ะท่านรองฯ”

ดวงตาคู่คมหลุบมองมือบางที่ข้อมือเขาแวบหนึ่ง ก่อนตวัดสายตาขึ้นมองเลขาฯ สาวพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นสูง

“เอ่อ... ไหนบอกว่าหิวไงคะ ท่านรองฯ ยังไม่ทานข้าวสักคำ จะกลับแล้วเหรอ” ช่วยไม่ได้ที่แก้มนวลจะซับสีระเรื่อ เมื่อเขาหมุนข้อมือเป็นฝ่ายมาจับมือเธอไว้แทน

“ที่รั้งผมไว้ เป็นห่วงผมหรือไม่อยากให้ผมกลับกันแน่” ถามเสียงทุ้ม จ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่สวยอย่างค้นคว้าหาคำตอบ ด้วยเชื่อทฤษฎีที่ว่าดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ

พาขวัญยอมรับกับตัวเองอย่างตรงไปตรงมาว่าทั้งสองอย่าง แต่จะให้เธอยอมรับกับเตชน์ตรงๆ ตอนนี้เลยไม่ได้ มันเร็วเกินไป

เมื่อพบว่ากำแพงล้อมใจได้พังทลายลงมาอย่างราบคาบและพบว่าเสน่ห์ของเตชน์เป็นอุปสรรคที่จะก่อมันขึ้นมาอีกครั้ง เธอเองก็ต้องการเวลาเพื่อพิสูจน์คำพูดและการกระทำของเขา

บอกตรงๆ เธอไม่อยากลิ้มรสความเจ็บปวดอีกแล้ว

ดังนั้นการเฉไฉคือทางออกที่ดีที่สุดในตอนนี้ แต่ไม่ทันที่พาขวัญจะชวนเปลี่ยนเรื่อง เสียงทุ้มของเตชน์ก็ดังขึ้นเสียก่อน

“ผมรู้คำตอบแล้วข้าว” พูดจบใบหน้าหล่อเหลาก็โน้มลงต่ำ จุดหมายคือริมฝีปากอวบอิ่มสีระเรื่อ แต่หญิงสาวกลับไหวตัวทัน เบี่ยงหน้าหลบได้อย่างฉิวเฉียด ทำให้ปากหยักพลาดเป้าปัดไปโดนแก้มนุ่ม

“แค่จูบ ไม่ได้เหรอ” กระซิบถามด้วยน้ำเสียงกระเส่าเว้าวอน ทำพาขวัญสับสนไม่น้อย รับรู้ได้ถึงการสั่นไหวของร่างกาย แต่ก็ยังน้อยกว่าหัวใจที่ไหวโยกอย่างรุนแรง

นั่นสิ แค่จูบไม่ได้เหรอ แค่จูบเองนะ ให้เขาได้ไหม...

หากไม่ทันจะตอบรับหรือปฏิเสธ ริมฝีปากรุ่มร้อนก็แนบสนิทลงมาที่ริมฝีปากอิ่มระเรื่อ ดูดรวบริมฝีปากอ่อนนุ่มอย่างเรียกร้องหนักสลับเบา แรงปรารถนาของเขาทำลายต่อมต่อต้านของเธอจนแน่นิ่ง ท้ายที่สุดพาขวัญก็ยอมเผยอปากรับจูบลึกซึ้งของเตชน์อย่างหวามไหว

เวลาล่วงไปนานเท่าไรไม่รู้ แต่ชายหนุ่มรู้ดีว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ถ้ายังปล่อยให้เวลาเดินต่อไปเรื่อยๆ ยอมรับว่าไม่กล้าแลก ผู้หญิงอย่างพาขวัญต้องใช้เวลา นั่นทำให้เขาต้องหักห้ามใจอย่างหนักเพราะไม่อยากทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจที่เธอมีให้เขาในระดับหนึ่งลดลงเหลือศูนย์ จึงถอนริมฝีปากออกอย่างตัดใจ ทั้งที่มั่นใจว่ายังไปต่อได้จนสุดทาง

“ทานข้าวกันเถอะ” เตชน์กระตุกข้อมือบางให้นั่งลง หยิบรีโมตทีวีเปิดรายการมวยปล้ำ ใช้ภาพดิบเถื่อนตรงหน้าดับความร้อนรุ่มในใจ ก่อนจะตักข้าวเข้าปากทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ต่างจากพาขวัญที่ได้แต่นั่งมองเขาทานข้าวตาปริบๆ พลางคิด

ได้คืบแล้วจะไม่เอาศอกหน่อยเหรอ

chap-preview
Free preview
บทนำ
“อีข้าวทางนี้” เสียงแหลมระดับแปดสิบเดซิเบล ไม่ทำให้พาขวัญที่กำลังสอดส่ายสายตาหากลุ่มเพื่อนสนิทท่ามกลางแสงวิบวับของไฟดิสโก้ได้ยิน แต่เป็นเสื้อสีเขียวสะท้อนแสงของคนเรียกต่างหากที่สะดุดตา และเป็นเข็มทิศให้ร่างแบบบางเดินลึกเข้าไปยังโซนวีไอพีด้านใน “โทษทีนังนุ ทุกคน พอดีฉันต้องเข้าประชุมแทนเจ้านายที่ติดธุระด่วน กว่าจะออกจากบริษัทก็เกือบค่ำแล้ว ไหนจะฝ่ารถติดไปอาบน้ำแต่งตัวที่คอนโดฯ แล้วไหนจะฝ่ารถติดมาที่นี่อีก” พาขวัญรีบขอโทษขอโพยเพื่อนเป็นอันดับแรกหลังหย่อนสะโพกผายลงบนโซฟาบุหนังอย่างดี สีหน้าและแววตาของคนพูดฉายชัดว่ารู้สึกผิด ประกอบกับรู้นิสัยใจคอของเพื่อนชะนีนางนี้ดีว่าเป็นคนตรงเวลามากแค่ไหน ถ้าไม่เกิดเหตุสุดวิสัยขึ้น คำว่าสายก็จะไม่มีในพจนานุกรมของพาขวัญ เจ้าของวันเกิดอย่างภานุจึงรีบโบกไม้โบกมือไม่ถือสา “แค่แกมาได้ ฉันก็ดีใจมากแล้วย่ะ และดีใจหนักมากเมื่อเห็นว่าแกสลัดชุดเลขาฯ ป้าๆ ทิ้งไป แล้วใส่ชุดยั่วๆ มางานวันเกิดฉันแทน” พาขวัญค้อนขวับให้กับคำพูดนั้น “ถึงช่วงนี้งานฉันจะยุ่งมาก” หญิงสาวลากเสียงยาว บอกให้เพื่อนทุกคนรู้ว่าตลอดทั้งสัปดาห์เธอยุ่งมากจริงๆ “แต่ก็ยังมีเวลาอ่านไลน์กลุ่มย่ะ” จริงอยู่ว่าธีมงานฉลองวันคล้ายวันเกิดปีที่ยี่สิบห้าของภานุ ซึ่งเจ้าหล่อนได้ส่งข้อความบอกไปทางไลน์กลุ่ม เธอเพิ่งได้เปิดอ่านไปเมื่อสองวันก่อน โดยย้ำให้เพื่อนชะนีทุกคนที่ผ่านการเทรนออกกำลังกายและเรียนลดไขมันกับตัวเองใส่เดรสยั่วๆ ส่วนสีเอาที่ทุกคนถนัด เพื่อมาถ่ายรูปอัปลงเฟสบุ๊กและอินสตราแกรมเรียกยอดไลก์และเป็นการโปรโมตผลงานไปในตัว สำหรับพาขวัญไม่มีปัญหา ชุดแบบนี้เธอใส่บ่อยยามออกมาแฮงเอาต์กับเพื่อนๆ จึงมีติดตู้อยู่หลายตัวและหลากหลายแบบ ไม่จำเป็นต้องไปหาซื้อให้เสียเวลา แต่ไม่เคยสักครั้งที่จะใส่ไปงานเลี้ยงบริษัทหรือแม้แต่ออกไปตรวจงานหรือพบลูกค้ากับเจ้านาย และเพราะว่าได้สร้างโลกเอาไว้สองใบ ทำให้เธอถูกเพื่อนร่วมงานตั้งฉายาให้ว่าเลขาฯ แม่ชี แต่นั่นไม่ร้ายเท่าฉายาสมศรี 422R เลขาฯ โรบอตที่เจ้านายหนุ่มตั้งให้เธอ! ดังนั้นการที่เธอแต่งตัวป้าๆ แล้วจะทำให้เธอรอดพ้นจากพวกเสือ สิงห์ กระทิงเปลี่ยวในที่ทำงาน เลขาฯ มากฉายาอย่างพาขวัญจึงแกล้งหลับหูหลับตาทำเป็นไม่ได้ยินเสียงนินทาว่าร้ายเหล่านั้น รวมถึงคำพูดเหน็บแนมของเจ้านายหนุ่มตัวดีด้วย หญิงสาวรอให้เพื่อนๆ หยุดหัวเราะหลังจากที่เธอโต้ตอบออกไป ก่อนจะควักกล่องของขวัญวันเกิดในกระเป๋าสะพายยื่นให้กับภานุเพื่อนรัก “สุขสันต์วันเกิดนะนุ ขอให้แกมีความสุขมากๆ เรื่องสุขภาพฉันไม่ห่วงแก เพราะแกเป็นเทรนเนอร์ย่อมให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อยู่แล้ว แต่จะขอให้แกเฮงๆ รวยๆ และขอให้อิทธิฤทธิ์ด้ายแดง ส่งให้แกได้หลัวสมใจในปีนี้นะเพื่อนเลิฟ” เจ้าของวันเกิดฟังคำอวยพรด้วยความซาบซึ้งใจ หากไม่วายหยอกเพื่อนสาวให้กลอกตาเล่น “กล่องแบบนี้หวังว่าจะเป็นปาเต็ก ฟิลิปป์” “อย่างแกแค่แอปเปิลวอตช์ก็หรูแล้วนังนุ” เพื่อนชะนีนางหนึ่งพูดดับฝัน ทำให้เจ้าตัวค้อนปะหลับปะเหลือก พาขวัญเห็นแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ ก่อนคะยั้นคะยอให้ภานุแกะกล่องของขวัญ “แกแกะเลยสิ บางทีอาจจะร้อยเก้าเก้า ขายบนทางเท้าหน้าที่ทำงานฉันก็ได้” “ว้ายแม่! เลขาฯ เงินเดือนสูงอย่างแกเนี่ยนะจะซื้อของขวัญวันเกิดให้เพื่อนร้อยเก้าเก้า” พูดพร้อมทำท่าตกอกตกใจด้วยจริตสาวสองสวนทางกับร่างกายกำยำบึกบึนของเจ้าหล่อน เรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนได้อีกครั้ง ไม่เว้นแม้แต่พาขวัญ “ก็เดือนนี้กรอบไงแก พ่อโทร.มายืมเงินเป็นค่าผ่าตัดย่า” “อีกแล้วเหรออีข้าว” ภานุถามด้วยน้ำเสียงเจ็บแค้นแทนเพื่อนรัก “อือ ช่างเถอะ อย่าพูดให้เสียบรรยากาศเลยดีกว่า” คนที่รู้ตื้นลึกหนาบางเกี่ยวกับชีวิตของเพื่อนรักอย่างพาขวัญดีรีบพยักหน้า “โอเคๆ ไม่พูดก็ไม่พูด ฉันแกะของขวัญดีกว่า” คำพูดนั้นทำให้พาขวัญกลับมายิ้มได้อีกครั้ง “ตอนแรกหวังปาเต็ก พออีแจงพูดว่าแอปเปิลวอตช์ก็หรูแล้ว ฉันก็ได้แต่แอบปลอบใจตัวเองก็ได้วะ พอรู้ว่าอีข้าวกรอบไปอีก ณ จุดจุดนี้ร้อยเก้าเก้ากูก็เอาแล้วค่ะ” ทุกคนหัวเราะคิกขึ้นมาอีกครั้งกับคำบ่นที่ไม่จริงจังนักของภานุ ด้วยรู้ดีว่าถึงแม้ภานุจะชวดของขวัญราคาแพง แต่ก็มีกำลังซื้อข้าวของพวกนี้โดยไม่สนว่าตัวเลขในบัญชีจะลดเหลือเท่าไร ส่วนที่พูดออกไปแบบนั้นก็เพื่อที่จะสร้างสีสันและเปลี่ยนบรรยากาศให้กลับมาครึกครื้นอีกครั้งเท่านั้นเอง “ว้าย! โรแล็กซ์จ้าแม่” ถึงแม้จะมีกำลังซื้อ แต่พอภานุรู้ว่าของขวัญที่ได้จากเพื่อนรักเป็นนาฬิกาแบรนด์หรูก็อดที่จะกรีดร้องด้วยความดีใจไม่ได้ “ไหนบอกว่ากรอบไงยะ” พูดพลางค้อนยิ้มๆ เพราะในใจยังไม่สร่างความตื้นตันระคนดีใจ หากไม่ใช่เพราะว่าได้ของหรู แต่การได้รับของมีค่าราคาแพงจากพาขวัญย่อมสะท้อนให้เห็นว่าคนให้ได้ผ่านจุดตกต่ำของชีวิตมาแล้ว แม้ตอนนี้ทั้งเธอและพาขวัญจะห่างไกลจากคำว่ารวย แต่ก็มีกำลังซื้อของมีค่าเก็บสะสมไว้เปลี่ยนเป็นตัวเงิน ในยามที่ชีวิตกลับมาพลิกหงายพลิกคว่ำอีกครั้ง ตามสัจธรรมที่ว่าชีวิตคนเราไม่แน่ไม่นอน วันหนึ่งเธอหรือพาขวัญอาจจะตกงานเพราะถูกเลิกจ้างกลางคัน แต่ที่แน่นอนคือไม่อดตาย “โบนัสครึ่งปีออกพอดี” พาขวัญว่ายิ้มๆ อันที่จริงเธออยากซื้อข้าวของราคาแพงมากกว่านี้ให้ภานุด้วยซ้ำ เป็นการตอบแทนที่อีกฝ่ายให้การช่วยเหลือและมอบมิตรภาพดีๆ ให้กับเธอมาตลอด แต่อย่างที่บอกไปว่าเธอเพิ่งโอนค่าผ่าตัดย่าให้คนเป็นพ่อไปเมื่อไม่กี่วันก่อน ย้อนกลับไปตอนที่เรียนจบมัธยมปลายเธอสอบติดมหาวิทยาลัยดังในกรุงเทพฯ พร้อมกับภานุที่อยู่โรงเรียนมัธยมเดียวกันแต่คนละห้อง พอรู้ว่าเธอจะขอสละสิทธิ์ ด้วยข้อจำกัดบางอย่าง อีกฝ่ายก็โวยวายเสียงดังทันที ทั้งที่ตอนนั้นก็ใช่ว่าจะสนิทสนมกันมาก อีกทั้งยังพูดให้คิดว่าคนเราอย่าเพิ่งถอดใจ ในขณะที่ยังไม่ดิ้นรนหรือพยายามให้มากพอ หลังจากวันนั้นภานุก็แนะนำให้เธอทำเรื่องขอกู้ยืมเงินเพื่อการศึกษาอย่างที่เจ้าตัวเคยขอมาตลอดสามปีที่เรียนมัธยมปลาย ซึ่งเธอมารู้ทีหลังว่าสถานะทางบ้านของภานุย่ำแย่กว่าเธอเสียอีก กระทั่งได้เข้ามาเรียนในกรุงเทพฯ สมความตั้งใจ ถึงได้รู้ว่ามันไม่ง่าย... ไม่ง่ายเลยสักนิดเดียวสำหรับเด็กที่ขาดการสนับสนุนจากครอบครัว เมื่อมีค่าใช้จ่ายจิปาถะเข้ามาในแต่ละวัน ทั้งที่ค่าห้องก็ช่วยกันแชร์คนละครึ่งหรือแม้แต่อาหารก็แบ่งกันกินแล้ว เมื่อชักหน้าไม่ถึงหลัง สุดท้ายเด็กบ้านนอกสองคนก็กอดคอกันร้องห่มร้องไห้ ตัดพ้อชีวิต หากไม่นานก็คิดได้ว่าไม่มีประโยชน์ ก่อนชวนกันพูดปลอบใจว่าเราจะไม่ย่อท้อหรือยอมแพ้ เป็นการเติมกำลังใจให้กันและกัน กระทั่งได้บทสรุปว่าเธอทั้งสองต้องทำงานพร้อมกับเรียนไปด้วย สามวันต่อมาภานุและเธอก็ได้เข้าทำงานที่ยิมแห่งหนึ่งไม่ไกลจากมหาวิทยาลัย จากนั้นความเป็นอยู่ของเธอทั้งสองก็ดีขึ้น แต่ก็ใช่ว่าจะใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่ายได้ แค่ชักหน้าถึงหลังให้ได้ในแต่ละเดือนเท่านี้นับว่าบุญแล้ว เธอและภานุทำงานที่นี่จนกระทั่งเรียนจบปริญญาตรี ด้วยสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำจึงยังไม่คิดเปลี่ยนงานใหม่ ภานุใช้ประสบการณ์ครูพักลักจำจนได้อัปตำแหน่งงานจากเด็กเช็ดถูเครื่องออกกำลังกายมาเป็นเทรนเนอร์คนใหม่ของยิมเงินเดือนขยับขึ้นแต่ก็ไม่ได้มากมายอะไร แต่เจ้าตัวก็พอใจไม่น้อยดีกว่าลาออกแล้วไปเดินย่ำฝุ่น เช่นเดียวกับเธอที่ยังคงทำงานในยิมแต่เป็นตำแหน่งเดิมคือแผนกต้อนรับลูกค้า เพิ่มเติมคือได้เป็นหัวหน้างาน เงินเดือนที่ได้ก็เท่ากับเรตเด็กจบใหม่ แต่ปัจจุบันนี้กลับตรงกันข้ามภานุกลายเป็นเทรนเนอร์ชื่อดังเมื่อเปิดรับลูกค้าเรียนลดไขมันทางออนไลน์ มีทั้งดารา นางแบบที่อยู่ในสภาวะหลังคลอดหรือต้องการฟิตหุ่นเพื่อถ่ายละครและถ่ายแบบ ที่ไม่อาจสลัดไขมันหน้าท้อง ต้นขาและก้นออกไปได้ด้วยตัวเอง ไม่เว้นแม้แต่ลูกค้าทั่วไปที่มีหุ่นอ้วนฉุที่อยากมีหุ่นเหมือนดารา นางแบบในดวงใจ ภานุก็สามารถปั้นหุ่นใหม่ให้กับสาวๆ เหล่านั้นได้ราวกับเสกด้วยเวทมนตร์คาถา เนื่องจากบางคนลดมาเป็นปีๆ นอกจากน้ำหนักจะไม่ลดแล้วกลับเพิ่มขึ้นมาซะงั้น จนเริ่มถอดใจ ก่อนจะเยียวยาสภาพจิตใจด้วยชานมไข่มุก ปิ้งย่างและชาบู แต่พอลงคอสเรียนออนไลน์กับภานุเท่านั้นแหละ แค่หนึ่งเดือนก็เปลี่ยนไซซ์กางเกงกันทุกคน พอปากต่อปาก บวกกับรีวิวที่แชร์ลงโซเชียลเป็นกระแสขึ้นมา จากภานุที่เป็นเทรนเนอร์ธรรมดาคนหนึ่งก็กลายเป็นเทรนเนอร์ชื่อดังในบัดดล ในขณะที่เธอจับพลัดจับผลูได้งานใหม่และจุดเริ่มต้นในอาชีพเลขาฯ ของเธอก็เกิดจากยิมแห่งนี้ เมื่อลูกค้าวีไอพีที่เพิ่งเข้ามาเป็นเมมเบอร์ได้ไม่นานเห็นหน่วยก้านในการทำงานของเธอแล้ว ก็เอ่ยทาบทามให้ไปเป็นเลขาฯ ของผู้บริหารบริษัทยักษ์ใหญ่ของเมืองไทย ด้วยข้อเสนอสุดเร้าใจ นั่นคือเงินเดือนที่เธอจะได้รับสูงกว่าที่นี่อยู่หลายเท่า แล้วไหนจะสวัสดิการเลอเลิศที่อีกฝ่ายเสนอมา มีคอนโดฯ หรูให้อยู่ มีรถประจำตำแหน่งให้ขับ เป็นที่ล่อตาล่อใจยิ่งนัก อีกทั้งยังได้รับเสียงสนับสนุนจากภานุ เธอจึงไม่ลังเลที่จะเปลี่ยนงาน แม้จะอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์บางอย่างที่อีกฝ่ายตั้งมาก็ตาม... ‘เจ้านายของเธอมีคู่หมายแล้ว ถ้าไม่อยากตกงานก็ห้ามมีใจให้กับเจ้านายเด็ดขาด!’ สำหรับผู้หญิงคนอื่นอาจจะเป็นเรื่องยาก ที่จะห้ามใจไม่ให้หวั่นไหวไปกับรูปลักษณ์ชนิดที่ว่าครบเครื่องราวกับว่าเตชน์ ตันติวัฒน์ เป็นลูกรักของพระเจ้า แต่สำหรับเธอเขาก็แค่ลูกกวาดสีสวย กินแล้วอ้วนฉุ แถมฟันผุอีกต่างหาก มีแต่โทษกับโทษ หาประโยชน์อะไรไม่ได้เลย! ดังนั้นกฎที่ว่าจึงเป็นเรื่องง่ายสำหรับเธอ “เอ๊ะ! อีข้าว นั่นเจ้านายหล่อนนี่” เสียงแหลมของภานุได้ทำลายภวังค์ของพาขวัญแตกกระเจิง หญิงสาวเลิกคิ้วสูงเป็นการตั้งคำถามเพราะจมอยู่กับความคิดของตัวเองอยู่นาน บวกกับเสียงเพลงดังกระหึ่มในจังหวะเร้าใจ ทำให้เธอจับใจความที่เพื่อนพูดไม่ได้ “เจ้านายหล่อน” พอภานุย้ำให้อีกครั้งพร้อมกับบุ้ยปาก พาขวัญก็หันขวับไปมองก่อนจะกัดฟันกรอดเมื่อพบว่าเป็นเจ้านายหนุ่มที่ทิ้งให้เธอเผชิญกับความกดดันในที่ประชุมตั้งนานสองนาน ในขณะที่เขาออกมานั่งดื่มกับเพื่อนอย่างสบายใจเฉิบ มันใช่เรื่องไหม! “นี่เหรอเจ้านายนังข้าว หล่ออะ อยากได้” แจงจิตพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น หญิงสาวเพิ่งย้ายกลับมาอยู่เมืองไทยเป็นการถาวรได้สามอาทิตย์ จึงไม่เคยเห็นตัวเป็นๆ ของเจ้านายของเพื่อน ได้ยินแต่เสียงลือเสียงเล่าอ้างว่าเตชน์ตัวจริงหล่อและมีออร่ายิ่งกว่าดารานายแบบตัวท็อปของเมืองไทย อีกทั้งสายตาที่ใช้มองเจ้านายหนุ่มของเพื่อนวิบวับพอๆ กับไฟดิสโก้ ภานุเห็นแล้วก็รีบดับฝันเพื่อนรักทันที “อะ แฮ่ม แล้วหลัวฝรั่งที่หอบหิ้วมาจากซิดนีย์เก็บไว้ที่ไหนยะ” อีกฝ่ายค้อนปะหลับปะเหลือกเมื่อถูกขัดคอ เรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนได้อีกครั้ง ยกเว้นก็แต่พาขวัญ “ไม่ไปทักทายเจ้านายแกหน่อยเหรออีข้าว” คนเป็นเลขาฯ ส่ายหัวดิกทันที “แกลืมไปแล้วหรือไงนุ ที่ทำงานกับตอนนี้ ฉันเหมือนคนละคน อีกอย่างฉันก็ไม่อยากให้เขารู้จักฉันในมุมนี้ด้วย” พอนึกอะไรขึ้นได้ภานุก็พยักหน้า พูดถึงเตชน์เขาเป็นคนหล่อรวยมากก็จริง แต่ไม่ใช่ผู้ชายประเภทที่พาขวัญจะฝากหัวใจไว้ได้ เขาเจ้าชู้ ควงดารา นางแบบไม่ซ้ำหน้าและอายุการใช้งานของแต่ละนางก็สั้นจนน่าใจหาย ดังนั้นจากที่คิดจะเชียร์โดยไม่สนคำเตือนของรัญญาก็เปลี่ยนใจไม่สนับสนุน ใครบ้างอยากเห็นเพื่อนรักอกหักซ้ำซ้อน... เมื่อสาวๆ แทะโลมเตชน์ผ่านสายตาจนหนำใจ ทั้งหมดก็หันมาสนใจเครื่องดื่มและกับแกล้มตรงหน้า แต่ก็มีบ้างที่แอบชำเลืองไปมองเพราะลบความหล่อเหลาของเตชน์ออกไปจากส่วนของความจำไม่ได้ ภานุยังคงทำหน้าที่สร้างเสียงหัวเราะให้กับเพื่อนๆ ในกลุ่ม โดยมีแจงจิตเป็นลูกคู่เหมือนครั้งอยู่มหา’ลัย ยิ่งเมาก็ยิ่งมีเรื่องสนุกๆ ขุดขึ้นมาเมาท์มอยและงัดมุกตลกขึ้นมาสู้จนหัวเราะท้องคัดท้องแข็งไปตามๆ กัน

editor-pick
Dreame-Editor's pick

bc

เมื่อฉันแอบรักซุปตาร์นายเอกซีรีส์วาย

read
13.4K
bc

Relazione เจ้าหัวใจสายใยรัก

read
4.0K
bc

เล่ห์รักนายหัว

read
6.5K
bc

สะใภ้ขัดดอก

read
38.9K
bc

สวาทรักใต้เพลิงแค้น

read
13.7K
bc

ลุ้นรักสลับใจ

read
1K
bc

หวงรักเมียเด็ก

read
1K

Scan code to download app

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook