ตอนที่ 2 บรรณาการจักรพรรดิมาร (2)

2179 Words
ตอนที่ 2 บรรณาการจักรพรรดิมาร (2)  ยังไม่ใช่ตอนนี้ ให้นางได้มีโอกาสพูดสักประโยคได้หรือไม่ ให้นางสอบถามสักคำว่าเขามีนามว่าอะไร นางส่ายหน้าพยายามดิ้นรนสุดแรง ไม่ยินยอมพร้อมใจเป็นอย่างยิ่ง ยามนี้นางได้แต่สะอึกสะอื้น ทว่าจุมพิตแผ่วเบาราวกับแมลงปอแตะผิวน้ำที่คอยซับน้ำตานั้น ราวกับว่ามีความอ่อนโยนอยู่ในที ใจของนางสั่นไหวน้อยๆ ความหวาดกลัวค่อยๆ เหือดหาย มือสากของเขาลากสัมผัสไปทั่วทั้งกาย ปลุกเร้ากระแสความร้อนให้แล่นปราด เลือดลมสูบฉีดพลุ่งพล่าน คล้ายใส่ใจคล้ายไม่ใส่ใจ นางไม่เคยต้องมือชายใดมาก่อน ไม่เคยเจอการกระทำหยามเหยียดถึงเพียงนี้ ได้แต่ดิ้นรนร้อนใจ กระทั่งอีกฝ่ายโน้มกายเปลือยเปล่าทาบทับ บดเบียดริมฝีปากลงมาอีกครั้ง การบุกรุกที่อ่อนโยนระคนร้อนแรงทำให้นางหมดเรี่ยวหมดแรงและแทบหายใจไม่ออก เขามิได้กล่าววาจาอันใดอีก แม้จะทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ทว่ากลับมิได้รุนแรงกับนางแม้แต่นิด ปลายนิ้วเกี่ยวกระหวัดรัดรึงมือของนาง ประสานทับอย่างแนบสนิท กลิ่นหอมจากตัวเขาทำให้ใจของนางเต้นแรง ยามนี้แม้จะอยากดิ้นรนขัดขืน ทว่าความปรารถนาอันดำมืดในใจกำลังร้องเรียกสัมผัสบางอย่างจากเขา ย้อนแย้งกันเสียจนนางสับสน ยามนี้นางได้แต่ภาวนาในใจ หากท่านเป็นร่มไม้ใหญ่ที่ข้าสามารถพึ่งพิงได้ โปรดทะนุถนอมหญิงโง่งมอย่างข้าด้วยเถิด หม่านหงเบือนหน้าหนีพยายามอ้าปากหายใจ ทว่าเรียวลิ้นแกร่งกลับแทรกผ่านเข้ามารัดรึงลิ้นเล็กของนางได้อีกครั้ง สัมผัสจากเขาทำให้นางสั่นสะท้าน จะว่ารังเกียจสัมผัสหยาบช้านี้ นางก็บอกมิได้ ทว่ากลิ่นหอมจากตัวเขาทำให้จิตใจของนางสงบลง ราวกับต้องมนตร์พิสดารอย่างไรอย่างนั้น มือสากเคลื่อนเข้ามากอบกุมยอดเขาหิมะที่เปลือยเปล่าของนาง และแตะสัมผัสล่วงล้ำส่วนสัดที่ไม่เคยต้องมือชายใด กระแสความร้อนพลันแล่นปราดไปทั่วทั้งร่าง นางบิดเร่าอย่างอับจนหนทาง ในใจยังมีความละล้าละลังอยู่บ้างราวกับแมวขี้ขลาด ขณะเดียวกันก็พยายามข่มกลั้นความกระสันในใจ “อา...” นางหน้าแดงก่ำ อับอายที่เผลอส่งเสียงน่าเกลียดออกมาเมื่อถูกสัมผัสจนบังเกิดความเสียวซ่านไปทั้งกาย หากแต่น้ำตาที่รินไหลออกมา ไม่รู้ว่ามาเพราะเหตุใด เศร้าใจ เสียใจ ยินดี? หากทั้งหกภพมีอันดับเรื่องตลก หนึ่งในนั้นจะต้องเป็นเรื่องของนางอย่างแน่นอน องค์หญิงแห่งเก้าชั้นฟ้าผู้หยิ่งผยองต้องมาเสียน้ำตาเกือบเจ็ดวันเจ็ดคืนเพียงเพราะมีชะตาอาภัพในโลกมนุษย์ น้ำตาของนางหลั่งรินตั้งแต่ยามที่ทราบว่าบิดาบังเกิดเกล้าในชาตินี้ยอมขายนางให้ราชันมาร ไม่ว่าจะเป็นภรรยาของจักรพรรดิมารเยียนจิ่งหรือตกเป็นของคนผู้นี้ ก็หาได้แตกต่างกันไม่ ชะตากรรมของนางมิใช่ของนางมาตั้งแต่ต้นแล้ว เพียงคิดว่าโอกาสในการลืมตาตื่นขึ้นมาพบกับเช้าอันมืดมน จะเป็นผู้ใดก็ไม่ต่างกัน ชะตากรรมอันน่าอดสู่เช่นนี้ เกิดมาจากการที่นางขัดขวางบุพเพระหว่างเทพบรรพกาลทั้งสององค์หรืออย่างไร “เจ้าดื่มสุรามงคลไปแล้ว สมควรกลายเป็นภรรยาของข้าแต่เพียงผู้เดียว หากเทียบกับปู่ของเจ้า นับว่าเขาชั่วช้ากว่ามาก หากเจ้ามองว่าข้าเลวร้าย จงรู้ไว้ว่าปู่ของเจ้าเลวร้ายยิ่งกว่า” ชายหนุ่มมองท่าทางน่าสมเพชของนาง หัวใจพลันอ่อนยวบ หญิงงามใต้ร่างหลั่งน้ำตาราวกับจะขาดใจตายได้ทุกเมื่อ เสียงพูดของเขาจึงอ่อนโยนเป็นพิเศษ ต่างกับร่างกายที่ค่อยๆ ล่วงล้ำเข้าหานางอย่างมุ่งมั่น ขณะที่ร่างของนางถูกล่วงล้ำ ความเจ็บปวดราวกับถูกล้อเกวียนบดทับทำให้นางเกือบสิ้นสติ หากแต่นางยังสามารถตรวจจับข้อความที่เขาพูดไว้ ท่านปู่หรือ? ท่านปู่ของนางในภพมนุษย์ตายไปนานแล้ว เหตุใดคนผู้นี้จึงพูดถึงเขาอีก หรือจะเป็นเทียนจวิน? เช่นนั้นคนผู้นี้มีความแค้นอันใดกับเขา ถึงขั้นต้องกระทำกับนางเช่นนี้ หากแต่นางพูดไม่ได้ “...” หรือว่าเขาหมายถึง... “ไม่นานเจ้าก็จะเข้าใจ” เขาคาดเดาท่าทางของหญิงสาวเสียงทุ้มมีเสน่ห์จึงกระซิบข้างหูนาง ขณะเดียวกันเมื่อเห็นว่านางเข้ากับเขาได้แล้วจึงเริ่มออกแรง ความรู้สึกแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นในร่างกายทำให้นางทำอะไรไม่ถูก หม่านหงเอื้อมแขนกอดคอเขาโดยไม่รู้ตัว ร่างทั้งร่างคล้ายถูกโยนสู่กองเพลิงที่ไม่มีวันดับ ในที่สุดก็ไม่สามารถควบคุมเสียงแหบพร่าในลำคอได้อีกต่อไป ปรากฏว่าเมื่อมนุษย์เสพสังวาส ร่างกายเป็นเหมือนเทียนเหลวที่ไร้รูปร่าง นางไม่สามารถควบคุมความรู้สึกของตนเองได้อีกต่อไป กลายเป็นเหมือนสัตว์ป่าที่มีเพียงสัญชาตญาณเท่านั้น ชายหนุ่มใช้ปลายนิ้วซับน้ำตาให้นาง ดวงตาอ่อนแสงลงเล็กน้อย แม้วาจาจะแข็งกระด้างปานใด ทว่าหากนางยังคงมองเห็น เขาคงไม่อาจทนการกระทำอันหยาบช้าของตนได้เช่นกัน ยามนี้ดวงตาของสตรีใต้ร่างมืดบอด เขาจึงไม่จำเป็นต้องซ่อนเร้นแววตาทั้งหมด ไม่ต้องซ่อนสีหน้าละอายแก่ใจ ไม่ต้องซ่อนความรู้สึกที่เก็บไว้มาเนิ่นนาน แม้ว่าจะเตรียมใจตั้งแต่ออกจากเมืองเฟิงหยางแล้ว ทว่าสัมผัสหยาบกร้านบนกายทำให้นางรู้สึกประหนึ่งตนเองเป็นหญิงคณิกาในหอนางโลม ไม่อาจเรียกร้องขอความปรานี แต่ก็ไม่อาจบอกว่าสิ่งนี้ไม่ทำให้นางเผลอไผล กลิ่นกายบนตัวเขาทำให้นางผ่อนคลายเป็นอย่างยิ่ง ยิ่งสูดดมก็ยิ่งเสพติด เสียงอันไพเราะของเขาราวกับกระดิ่งเทวะที่ดึงดูดวิญญาณผู้คน ทำให้นางไม่เป็นตัวของตัวเอง ทว่าร่างกายไม่รักดีของนางยิ่งถูกสัมผัสก็ยิ่งบิดเร่า ราวกับร่างกายนี้มิใช่ของนางเอง หม่านหงสัมผัสได้ถึงความชื้นบนใบหน้า ทว่านางไม่มีสติพอจะคิดอะไร เมื่อคนผู้นั้นก้มกระซิบข้างหูเสียงแผ่วราวกับคำปลอบประโลมเพียงหนึ่งเดียว “คืนนี้คือคืนเข้าหอของเรา ในแดนประจิมแห่งนี้ นอกจากจักรพรรดิมารแล้วก็มีเพียงข้าที่ปิดหูปิดตาฟ้าดินได้” นางชะงักไป นี่เขากำลังหยิบยื่นกรงขังใหม่ให้นางหรือ “จดจำจิตใจที่สงบนี้ไว้ วันใดที่เจ้าโกรธข้า...แค้นข้า...วันนั้นเกินครึ่งใจของเจ้าก็อาจเป็นของข้าไปแล้ว” เขาเอ่ยอย่างลำพอง นางครุ่นคิดในสิ่งที่เขากล่าว ความเครียดเกร็งในใจคลายลงโดยไม่รู้ตัว ในจังหวะที่นางพลั้งเผลอ เรียวขางามถูกก็เกี่ยวขึ้น หม่านหงครางต่ำในลำคอ ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ได้คลายลงไปนานแล้ว ทว่าการเคลื่อนไหวของเขากำลังตอกย้ำว่าในที่สุด เทพธิดาแห่งเก้าชั้นฟ้าได้ถูกเหยียบย่ำด้วยฝีมือของบุรุษแปลกหน้าไปเสียแล้ว มารดาสอนสั่งให้นางรักนวลสงวนตัว เก็บสิ่งล้ำค่านี้ไว้ให้บุรุษที่นางเสน่หา หากแต่ตัวนางไม่มีสิทธิ์เสน่หาผู้ใด เมื่อบิดาในภพนี้ของนางเพียงเอ่ยปากยกนางให้กับจักรพรรดิมาร นางก็ทราบแล้วว่าตนเองต้องมอบกายให้บุรุษอื่นที่ตนเองมิได้ปรารถนา ในยามนี้ช่างน่าขันนักบุรุษนี้มิใช่คนที่นางต้องมอบกายให้ ทว่ากลับทำให้นางรู้สึกว่าเขาเป็นที่พึ่งเพียงหนึ่งเดียวในยามที่โดดเดี่ยว เกี้ยวเจ้าสาวที่เหลือแต่เพียงเจ้าสาวอันไร้ค่า ถูกชายผู้หนึ่งเอ่ยเสนอเงื่อนไขพิสดารให้ ราวกับเป็นการเปลี่ยนกรงขังใหม่ เหมือนจะต่อต้าน ทว่าส่วนลึกในใจกลับโหยหา กลีบปากพลันบิดเป็นรอยยิ้มขื่นขม ร่างกายตอบสนองไปตามสัมผัสของเขา ความกระสันรัญจวนทำให้นางหลงลืมความน้อยเนื้อต่ำใจทั้งหมด แท้จริงแล้ว...ไม่ว่าจะถูกคนผู้นี้ย่ำยีหรือรอดพ้นจนไปพบหน้าจักรพรรดิมาร อย่างไรนางก็ไม่สามารถหนีพ้นชะตากรรมนี้ได้ ชายคนนี้...หากท่านปู่นางทำให้เขาโกรธเคือง เช่นนั้นนางจะใช้ร่างกายในภพมนุษย์นี้สนองความแค้นของเขา ด้วยความคิดนั้นทำให้นางไม่รู้เลยว่าแท้จริงแล้วส่วนลึกในใจของนางกลับโหยหาใครสักคน ใครสักคนที่ปิดหูปิดตาฟ้าดินได้ เมื่อคิดได้เช่นนั้น หม่านหงก็มิได้ขัดขืน อีกฝ่ายชะงักด้วยเพราะรู้สึกแปลกใจ หากแต่มิได้หยุดยั้งการเคลื่อนไหวแต่อย่างใด เขาขยับกายอย่างเร่งเร้า ปลุกระดมความกระสันรัญจวนในตัวนางจนขมวดเกร็งไปทั่วทั้งร่าง เมื่อความรู้สึกพุ่งทะยานจนสุดปลายฟ้า นางและเขาต่างก็ตอบรับซึ่งกันและกันอย่างพอเหมาะพอเจาะ เขาถอดถอนกายออกหลังจากเสร็จสิ้น ไอเย็นทำให้นางสะท้านเยือก เขาโยนผ้าห่มผืนหนึ่งคลุมกายเปลือยเปล่าอันชอกช้ำของนาง เวลาต่อมาเสียงผิวเนื้อเสียดสีกับอาภรณ์ดังขึ้น คนผู้นั้นคงกำลังสวมอาภรณ์กระมัง หม่านหงตัวสั่นสะท้านเมื่อไออุ่นก่อนหน้าหายไป... สัมผัสทางกาย แท้จริงแล้วกลับทรมานถึงเพียงนี้เชียวหรือ นางคิดเพียงว่าขอเพียงยินยอมโอนอ่อนผ่อนปรนก็จะไม่เจ็บปวด ทว่ากลับคิดผิด นางข่มกลั้นก้อนสะอื้นในอก กึ่งกลางกายปวดระบมจนทานทนไม่ไหว ไม่เคยคิดว่าชีวิตนี้จะต้องกลายเป็นเครื่องระบายอารมณ์ของบุรุษผู้หนึ่งโดยที่นางไม่เคยเรียนรู้มันมาก่อนเลย “พรุ่งนี้ข้าจะมาอีก” เขากล่าวก่อนย่ำเท้าจากไป เย็นชายิ่งนัก ปรากฏว่าชีวิตที่ไม่ใช่ชีวิตของตน ไม่ว่าอยู่ในภพไหน ช่างน่าสมเพชเสียจริง ครั้นเสียงฝีเท้าเงียบลง นางจึงสามารถประคองตัวขึ้นนั่งได้ ความร้าวระบมตอกย้ำว่านางเพิ่งผ่านอะไรมา สัมผัสอันรัญจวนใจทำให้นางอยากทำลายสังขารนี้เสีย ทันใดนั้นจึงพยายามคลำหาสิ่งของที่แหลมคม ทว่ากลับไม่มีอะไรที่จะช่วยในนางสมปรารถนาได้ นางพยายามเอื้อมออกไปนอกเตียง กลับคว้าได้แต่เพียงอากาศ ท้ายที่สุดก็กลิ้งหลุนๆ ลงบนพื้น เพิ่งรู้ถึงความตกต่ำอย่างที่สุดก็ยามนี้ ร่างเปลือยเปล่านอนกองบนพื้นหินเย็นเฉียบ ร้องไห้สะอื้นจนตัวโยน ทันใดนั้นเมื่อได้ยินเสียงสะอื้น นางจึงรู้ตัวว่าในที่สุดก็เปล่งเสียงได้แล้ว นางกอดตัวเอง ความต้องการส่วนลึกกำลังกระซิบกระซาบ แม้ว่าจะเจ็บปวด หากแต่ความสุขสมอันมืดมิดกลับทำให้นางลำคอแห้งผาก พลันรู้สึกว่าสัมผัสทางกายระหว่างบุรุษและสตรีเป็นความหอมหวานที่รวดร้าวถึงเพียงนี้ แต่เพราะเหตุใดเขาจึงไม่ยอมให้นางพูดแม้สักครึ่งตำ แม้การสานสัมพันธ์เมื่อครู่เขาคล้ายจะอ่อนโยนลง นางกลับรู้สึกวูบโหวงเมื่อคิดว่าตนเองไม่มีสิทธิ์ใดเลย มีแต่เขาที่สามารถตักตวงจากนางได้ ช่างไม่ยุติธรรม ความไม่เท่าเทียมของโลกใบนี้ช่างโหดร้าย เพียงเพราะเป็นสตรีหรอกหรือ นางจึงไม่มีสิทธิ์เรียกหาสิ่งใด กลายเป็นดั่งตุ๊กตาผ้าตัวหนึ่ง ผู้ใดจะโยนไปที่ใดก็ได้ ครั้นคิดถึงชะตากรรมที่ผ่านมา นางล้วนไม่สามารถขีดเส้นชีวิตของตนได้ เป็นเซียนก็ดี เป็นมนุษย์ก็ดี เหตุใดจึงจต้องตกอยู่ภายใต้อำนาจของบุรุษด้วย “ว้าย...แม่นาง!” เสียงหวีดร้องของสตรีดังขึ้น สาวใช้ของเขาเห็นว่านางตกเตียงจึงรีบเข้ามาช่วยประคอง พวกนางมิได้ไต่ถามอันใด แต่พาหม่านหงไปล้างตัวในบ่อน้ำร้อน ความปวดร้าวจึงทำให้นางคลายความเจ็บปวดขึ้นบ้าง หลังจากล้างเนื้อล้างตัวเสร็จ สาวใช้จึงประคองนางกลับไปที่เตียง กลิ่นอาหารหอมกรุ่นโชยมาต้องนาสิก ทว่านางกลับไม่มีความอยากอาหารเลยแม้แต่น้อย “แม่นาง กินอะไรก่อนเจ้าค่ะ ข้าจะป้อนท่านเอง” “ข้าไม่หิว” นางปฏิเสธ “พาข้าไปที่เตียงได้หรือไม่” “เจ้าค่ะ” ความเมื่อยล้าจากการเดินทาง และการถูกคนผู้นั้นเคี่ยวกรำอย่างหนักทำให้นางรู้สึกเหนื่อยล้าเป็นอย่างยิ่ง เมื่อศีรษะหนุนบนหมอน สติของนางก็พลันหลุดลอย หวังเพียงว่าเมื่อลืมตาขึ้นมาเรื่องที่เกิดขึ้นจะกลายเป็นเพียงความฝัน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD