บทนำ
ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ผิวสีเข้มนอนอาบแดดอยู่บนเรือสำราญขนาดเล็กลำใหม่ที่เพิ่งซื้อมา เสียงหญิงสาวและเพื่อนภายในเรือยังครื้นเครงจากแอลกอฮอล์และเล่นพนัน
ท้องฟ้าที่ภูเก็ตสวยเสมอไม่ว่าเขาจะมากี่ครั้ง ชายหนุ่มลูกครึ่งผิวสีมักโหยหาทะเลตลอดเวลาจนต้องเจียดเวลาแม้เพียงน้อยนิดให้ร่างของเขาจุ่มลงในผืนน้ำเค็มอันกว้างใหญ่สุดลูกตา
“มานอนทำอะไรคนเดียว”
กลิ่นยาสูบแบบดั่งเดิมโชยมาก่อนที่ตัวชายฉกรรจ์วัยสี่สิบห้าจะนั่งลงด้านข้าง สวมเสื้อเชิ้ตเปิดกระดุม กางเกงขาสั้นสำหรับการลงเรือเล่น เอนกายนอนคู่กับเขาตรงกาบเรือด้านหน้า
“อาบแดด”
“ฮึ คิดว่าจะเชื่อหรือไง คนอย่างนายพสุธาถ้าลองได้อยู่คนเดียวคงคิดวางแผนทำอะไรสักอย่าง ซี้ดดด”
เสียงดูดยามวนดังขึ้น นัยน์ตาสีฟ้ามองกลุ่มควันสีขาวลอยคลุ้งตรงหน้าพรางยิ้มมุมปาก ทัดทองไม่เคยลืมกำพรืดตัวเอง ยังสูบยามวนราคาถูกเหมือนเดิม
“เมื่อไรจะเปลี่ยนไปสูบอย่างอื่น ตอนนี้มีเงินมากขนาดนี้จะสูบอะไรก็ได้”
ทัดทองเอี้ยวหน้ามองพสุธา ร่างสูงใหญ่เอนกายนอนอาบแดดสวมแว่นกันแดด มองไม่เห็นดวงตาสีฟ้าจัดว่าคิดอะไรอยู่
“มันเป็นเพียงอย่างเดียวที่ทำให้ฉันรู้ตัวว่าตัวเองเป็นใคร”
ร่างแกร่งนิ่งขึ้ง การเดินทางนับสิบปีใกล้สิ้นสุด เขาต้องกลับบ้านเพื่อไปจัดการบางอย่าง สิ่งที่เขาได้สัญญากับตัวเองไว้เมื่อเจ็ดปีก่อน
“ผมจะกลับบ้าน”
ทัดทองยังจ้องหน้า พวกเขาสองคนมักเป็นเช่นนี้เสมอตั้งแต่รู้จักกันบนเรือนรกและพากันไปตั้งต้นชีวิตใหม่ เขาเป็นหนี้พสุธามากมาย แต่ชายหนุ่มอายุน้อยกว่าบอกแค่ว่าให้เรียกว่าการคืนหนี้ชีวิต
“บ้านไหน”
“ฟาร์มที่สุราษฎร์”
ทัดทองเบือนหน้ากลับไปยังท้องทะเล มีเรื่องราวเกิดขึ้นกับพวกเขาสองคนมากมายเมื่อทั้งคู่กลับขึ้นฝั่งอีกครั้งเมื่อเจ็ดปีก่อน ยังจำรสชาติความข่มขื่นยามกลับบ้านไปเจอเมียสวมเขา แต่งงานกับชายอื่นไปแล้ว และลูกสาวของเขาก็เลือกอยู่กับแม่
ส่วนพสุธา ไม่พูดอะไรมากนัก เขารู้เพียงแค่ว่าเด็กสาวคนนั้นแต่งงานไปแล้วเช่นกัน มันจะไปเหลืออะไรถ้าชายหนุ่มคนหนึ่งได้หายหน้าไปจากชีวิตสาวคนหนึ่งเป็นเวลานาน อย่างว่ามันถึงได้มีสำนวน สามวันจากนารีเป็นอื่น[1]
“อะไรที่มันผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไป ฉันอยากจะเตือนนายแค่นี้”
“ผมรู้ดีว่ากำลังทำอะไรอยู่พี่ทัด”
“เออ ฉันรู้ว่านายน่ะมันเก่ง ไม่งั้นเราไม่ได้ขึ้นมาจุดนี้ได้หรอก”
พสุธาลอบยิ้มกับคำพูดประชดประชันของทัดทอง
“พี่ยังจำวันที่ผมตามพี่ไปที่บ้านได้ไหม”
“เฮ้อ จำได้สิ นายน่ะยังกับลูกหมา หน้าตาดูไม่ได้เลยไอ้แทน”
“ฮ่า ฮ่า ผมว่าพี่ยิ่งกว่าอีกนะ วันที่ผมไปถึงพี่กำลังหน้ามืดต่อยไอ้หมอนั่นเกือบจมดิน ดีที่ผมไปคว้ามือพี่ได้ทัน”
“ฮึ พูดขึ้นมาทำไมเรื่องเก่าเก็บ”
“ผมต้องกลับไปจัดการบางอย่าง และต้องพาแม่ออกมาอยู่ด้วยกัน”
ทัดทองมองหน้าหนุ่มรุ่นน้องนิ่ง นับจากวันที่พสุธาพาเขาระหกระเหินไปหาบ้านของคนที่คาดว่าอาจเป็นพ่อของพสุธา สิ่งนั้นกลับพลิกชีวิตของพวกเขาทั้งคู่
พ่อของพสุธาเสียชีวิตไปนานแล้วตั้งแต่พสุธาเกิดใหม่ ๆ จึงไม่มีใครรู้ว่าวิลเลี่ยม แบล็ค แอบไปมีลูกชาย เขายังจำสีหน้าปู่ของพสุธาได้ดี เพียงเห็นหน้าเด็กหนุ่มครั้งแรกถึงกับร้องไห้ทรุดตัวลงพื้น
“งั้นเราจะไปด้วยกัน”
“มันต้องแบบนั้นอยู่แล้วพี่ทัด ก็ผมจ้างพี่มาเป็นบอดี้การ์ด”
พสุธายิ้มกว้างเอี้ยวหน้ามองทัดทองที่หน้าบึ้งใส่ก่อนที่ร่างแกร่งจะโดนสาวร่างอวบอิ่มโถมเข้าใส่
“แอบมาคุยอะไรกันคะ”
มือสีเข้มรัดรอบลำตัวร่างอวบ ดันเธอลงมาแนบกายแล้วจูบดูดดื่มอย่างไม่อายทัดทอง พวกเขาสองคนยังมีอะไรต้องอายกันอีกในเมื่อทุกอย่างแบ่งปันกันมาเนิ่นนานจนเป็นเรื่องปกติรวมไปถึงผู้หญิง
“เบื่อแล้วเหรอครับ”
“ยังค่ะ แต่อยากให้แทนไปร่วมวงด้วยต่างหาก”
“แต่ผมอยากทำอย่างอื่นมากกว่าครับ”
หญิงสาวซบหน้าลงหัวเราะคิกคักทำแสร้งจับมือของชายหนุ่มที่เริ่มซุกซนล้วงไปทั่วตัว
“งั้นเราเข้าไปในเคบินดีไหมคะ”
หญิงสาวลุกขึ้นดึงชายหนุ่มให้ลุกตาม พสุธาเหลือบมองทัดทองที่ยังนอนมองทะเลอย่างไม่สนใจ เขาก้มศีรษะเดินลอดประตูห้องโดยสารเนื่องจากความสูงร่วมร้อยเก้าสิบเซนติเมตร มีคนปาร์ตี้อยู่ห้าหกคน แล้วเขาก็คว้าข้อมือหญิงสาวอีกคนที่ร่างเล็กกว่า ผมดำสนิทหน้าหวานไปด้วย
จากนั้นเขาก็ปล่อยให้ทุกสิ่งทุกอย่างเคลื่อนไหวอยู่รอบกาย สาวคนแรกโน้มศีรษะอยู่ตรงกายแกร่งด้านล่าง ส่วนอีกคนที่เขาคว้ามาด้วย จูบเธอด้วยอาการมึนเมาจากห้วงอารมณ์ที่คุกรุ่นตั้งแต่คุยกับทัดทอง
ผมสีดำตัดสั้น ร่างเล็กดูบอบบาง ผิวอ่อนนุ่มยามเขาลูบไล้ไปทั่วร่าง เช่นเคยที่เขาจะเลือกหญิงสาวคล้ายเธอคนนั้นมาด้วยเสมอ จนเขายังแปลกใจกับรสนิยมของตัวเอง ต้องแบบนี้เท่านั้นถึงทำให้เขาสุขสุดยอด
ขณะที่สาวอีกคนขึ้นคร่อมโยกกายขึ้นลง สิ่งที่เขาทำคือการมองสาวอีกคนและนึกภาพไปว่าคือเธอคนนั้น คนที่เขาเปล่งเสียงเรียกชื่อเธออยู่ข้างในยามปลดปล่อยธารสวาทออกมา
[1] ปรากฏในโคลงโลกนิติสำนวนพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเดชาดิศร