นี่เขาถูกเมินอย่างนั้นหรือ คนอย่างอาร์ชดยุคโรแกน ถูกสตรีผู้หนึ่งเมินอย่างไม่มีทีท่าว่าจะสนใจใยดี?
แมดเดนเดินตามเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลไปในทันที เขาเอื้อมมือไปจับแขนของนางเอาไว้
“ขอโทษด้วยเลดี้ พอดีข้าไม่ชินกับการถูกเมินสักเท่าไหร่”
แคลร์ตกใจเล็กน้อยกับการกระทำที่แสนใกล้ชิดเกินไปของชายเบื้องหน้า เธอถอยหลังออกมาเพื่อเว้นระยะห่างให้พอดิบพอดี และดูเหมือนลีน่าจะเข้าใจความอึดอัดของคุณหนูของเธอ สาวใช้จึงใช้ตัวเองขวางความใกล้ชิดนั้นเอาไว้
“ขออภัยด้วยค่ะท่านอาร์ชดยุคแห่งโรแกน ทว่าการกระทำของท่านที่เข้าใกล้เลดี้ที่ยังไม่ผ่านพิธีการบรรลุนิติภาวะนั้นถือเป็นการกระทำที่ไม่ควรสักเท่าไหร่”
สาวใช้ผู้นี้ก็รู้จักเขานี่ แมดเดนเลิกคิ้วมองหน้าของสาวใช้ผู้นั้นก่อนที่เขาจะกลั้นหัวเราะในลำคอ
“ในเมื่อเจ้าล่วงรู้ว่าข้าเป็นใครเช่นนั้นในยามนี้เจ้าควรจะหาที่เงียบๆ ให้ข้าและคุณหนูของเจ้าได้พูดคุยทำความรู้จัก..ข้าไม่เคยเห็นหน้าเลดี้ท่านนี้มาก่อนเลย..”
ลีน่าปรายตามองหน้าของคุณหนูแคลร์ก่อนที่เธอจะพยายามเอาร่างกายของตัวเองเพื่อบดบังสายตาที่อาร์ชดยุคผู้นี้กำลังสอดส่องและจ้องมองไปยังคุณหนูผู้งดงามของเธอ
“คุณหนูพึ่งจะเดินทางมาจากต่างเมืองค่ะ และเรากำลังจะกลับกันแล้ว”
แมดเดนส่งยิ้มให้กับแคลร์ เขาจับมือของเธออย่างถือวิสาสะก่อนจะจุมพิตลงไปบนหลังฝ่ามือเพื่อเป็นการทักทาย
จริงอยู่ที่ชายผู้นี้ช่างงดงาม เขามีความงามและใบหน้าที่สมบูรณ์แบบในแบบที่แคลร์ไม่เคยพบเจอมาก่อน หากเป็นสตรีอื่นอาจจะหลงใหลเขาในทันทีแต่กับเธอไม่ใช่ เธอพบเจอชนเผ่าเบดูอินที่ได้ชื่อว่ามีใบหน้าที่หล่อเหลาดุจพระเจ้าทรงปั้น เพราะอย่างนั้นทำให้เธอมีภูมิต้านทานเรื่องใบหน้าที่หล่อเหลาพอสมควร
เธอถูกเลี้ยงมาให้บูชาความรักก็จริง แต่แคลร์ไม่คิดจะตกหลุมรักใครเพียงเพราะเห็นหน้าของเขาหรอกนะ
“เอาไว้ข้าจะไปหาเจ้าอย่างเป็นทางการ..”
แคลร์ส่งยิ้มให้กับอาร์ชดยุคโรแกน เธอได้ยินลีน่าเรียกขานเขาด้วยชื่อนั้น และเมื่อรู้ว่าชายเบื้องหน้าคือชนชั้นสูงแคลร์ก็ย่อตัวลงเพื่อทำความเคารพตามมารยาท
เธอไม่ได้กล่าวคำใดเพื่อให้บทสนทนามันจบลงเพียงเท่านั้น แต่ทว่ายิ่งสตรีเบื้องหน้าไม่กล่าวคำใดออกมามันยิ่งทำให้คนที่เคยชินกับความได้ดั่งใจอย่างแมดเดนหงุดหงิด
ใช่แล้วเขากำลังหงุดหงิดจนอยากฆ่าใครสักคน..ดวงตาสีทับทิมมองสตรีที่หมายตาเอาไว้เดินห่างออกไปเรื่อยๆ เขามองที่ฝ่ามือของตัวเองก่อนจะจุมพิตลงไปในฝ่ามือเมื่อกลิ่นหอมอ่อนๆ ของเธอยังคงติดตรึงอยู่บนฝ่ามือของเขา
“ข้าเป็นพวกอยากได้อะไรแล้วต้องได้ด้วยสิ..แบบนี้ก็ดีเหมือนกันเพราะอะไรที่ได้มาง่ายๆ มันน่าเบื่อ”
ลีน่าพาแคลร์เข้ามาในร้านเครื่องประดับ
“คุณหนูคะ หวังว่าคงไม่ได้ตกหลุมรักท่านอาร์ชดยุคผู้นั้นหรอกใช่ไหม?”
แคลร์มองหน้าลีน่าก่อนจะหัวเราะเต็มเสียงอย่างตลกขบขัน
“ข้าไม่ได้เป็นพวกตกหลุมรักใครง่ายๆ ด้วยหน้าตาหรอกค่ะลีน่า อีกอย่างชายผู้นั้นถึงจะงดงามจนอยากจะละสายตาแต่รอบๆ ตัวเขามันบ่งบอกกับข้าว่าเขาช่างอันตราย..”
ลีน่าถอนหายใจอย่างโล่งอก
“อาร์ชดยุคเป็นบุตรชายคนที่สามของท่านหญิงทารีน่าค่ะ ด้วยความที่เป็นบุตรชายที่เกิดจากดยุคแห่งทารอนทำให้ในบรรดาพี่น้องสามคนของเขา ท่านอาร์ชดยุคคือคนที่ไม่เหมือนใครมากที่สุด..พี่สาวคนแรกเป็นหญิงงามที่ไม่ว่าใครเห็นต่างอดที่จะตกตะลึงไม่ได้ ส่วนพี่ชายคนที่สองคือคาดินันโคด้าผู้สง่างาม ท่านโคด้าถอดแบบท่านกาเล็ตมาทุกระเบียบนิ้วเลย ส่วนท่านอาร์ชดยุค..ก็อย่างที่เห็นนอกจากเรื่องการต่อสู้ที่เก่งกาจแล้ว เรื่องสตรี..ก็เก่งกาจเช่นเดียวกันค่ะ เพราะอย่างนั้นคุณหนูจะต้องระวังท่านอาร์ชดยุคให้มากนะคะ”
แคลร์ไม่ได้สนใจกับคำเตือนของลีน่าสักเท่าไหร่นัก เพราะว่าเธอไม่คิดสนใจชายผู้เจิดจรัสราวกับแสงตะวันผู้นั้นอยู่แล้ว เขาร้อนแรงมากเสียจน ใครก็ตามที่เข้าไปใกล้จะต้องถูกแผดเผาจนสิ้นลมหายใจ..
เธอหันมาสนใจเครื่องประดับมากมายที่วางเอาไว้เบื้องหน้า แต่เมื่อพลิกดูราคาแคลร์ก็รีบวางมันเอาไว้ที่เดิม
“อา..ลีน่า ข้าคิดว่าเราออกมานานพอสมควรแล้ว ควรจะเดินทางกลับ..”
ลีน่าขมวดคิ้วเล็กน้อย
“แต่คุณหนูยังไม่ได้เครื่องประดับสักชิ้นเลยนะคะ หากชอบชิ้นไหนสามารถเลือกซื้อได้เลย..”
“ลีน่า ข้าพอจะมีอยู่บ้าง..เครื่องประดับพวกนี้มันหรูหรามากเกินกว่าลูกชาวนาอย่างข้าจะสวมใส่”
ต่อให้ซื้อไปเธอก็ไม่ได้ใส่ไปไหนอยู่ดี และเมื่อแคลร์ปฏิเสธเสียงแข็ง ลีน่าก็ไม่มีความกล้ามากพอที่จะขัดใจเจ้านายของเธอเพราะอย่างนั้นลีน่าจึงพาคุณหนูของเธอกลับคฤหาสน์ดาเวลเลีย
และเมื่อรถม้าจอดที่ด้านหน้าคฤหาสน์ เมื่อแคลร์เดินลงมาจากรถม้าเธอก็พบเจอกับชายผู้หนึ่งที่มายืนรอต้อนรับเธอ เขามีเส้นผมสีดำและมีสีผิวสีน้ำผึ้งที่เป็นเอกลักษณ์ของชาวเบดูอิน แน่นอนที่สุดใบหน้าของเขามันช่าง..สวยงามในแบบที่แคลร์เผลอจ้องหน้าเขาอย่างไม่รู้ตัว
“นี่ท่านเคาน์อาราเดียค่ะ ท่านมาคอยช่วยงานในคฤหาสน์ดาเวลเลียเป็นประจำ ท่านดยุคและท่านดัชเชสรับท่านเคาน์มาเป็นบุตรบุญธรรมเมื่อสิบแปดปีก่อน”
แคลร์ยกชายกระโปรงพร้อมๆ กับย่อตัวลงเพื่อทำความเคารพชายเบื้องหน้า
“ไม่ต้องมากพิธีครับ ข้าจะมาสอนงานคุณหนูนับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป..”
“..มะ..หมายความว่ายังไงกันคะ?”
สอนงานอย่างนั้นหรือ จะมาสอนงานเธอทำไมกัน?
“เรื่องนั้น..คุณหนูควรจะฟังจากท่านดัชเชสมากกว่าข้า เข้าไปด้านในกันเถอะครับท่านดยุคและท่านดัชเชสรอคอยคุณหนูอยู่”
แคลร์เดินเข้าไปด้านในด้วยฝีเท้าที่ไม่มั่นคง เธอกวาดสายตามองรถม้าคันเก่าที่นั่งมากับท่านแม่แต่ก็ไม่พบเจอ
“แคลร์มานั่งตรงนี้สิ”
ดัชเชสพยักหน้าเพื่อเรียกแคลร์ไปนั่งข้างๆ เธอ บนใบหน้าของหญิงชรานั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้มแต่แคลร์คิดว่าเธอเห็นคราบน้ำตาจางๆ บนใบหน้านั้น
“หนูทำให้ท่านยายรอรึเปล่าคะ แล้วท่านแม่..ไปไหน?”
“ดาวีเลียกลับไปแล้ว แต่ก่อนที่นางจะกลับไปนางฝากจดหมายฉบับนี้ให้หลานด้วย”
ท่านตาส่งจดหมายให้แก่แคลร์ และเมื่อเธอเปิดอ่าน ด้านในนั้นคือลายมือของท่านแม่ไม่ผิดแน่
“ลูกรัก แม่ไม่ได้ตั้งใจจะทิ้งลูกเอาไว้ แต่ลูกรู้ใช่ไหมว่าท่านตาและท่านยายสุขภาพไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก แคลร์ลูกรัก ลูกช่วยดูแลท่านตาและท่านยายในส่วนที่แม่ทำไม่ได้แทนแม่หน่อยได้ไหม แม่รู้ว่านี่คือคำขอที่มากเกินไปแต่ลูกจะมีชีวิตที่ดีในฐานะเลดี้ดาเวลเลีย..หากลูกคิดถึงก็ส่งจดหมายมาหาแม่ได้ตลอดเลยนะลูกรัก แม่เองก็จะคอยส่งจดหมายถึงลูกเหมือนกัน อภัยให้แม่คนนี้ด้วยนะแคลร์”