Chapter 8 : Sightบ้านพักบนยอดเขาที่ตอนนี้ตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นอาหารหอมฟุ้งมากมาย ที่ผกามาศและปิ่นมุกช่วยกันทำอยู่ในครัวที่แยกออกมาจากตัวบ้าน โดยมีหนูน้อยปริชมนคอยช่วยอยู่ห่างๆ“หมอฟ้า เป็นไงบ้างวันนี้ เหนื่อยมั้ยลูก” ผกามาศเอ่ยทัก เมื่อเห็นคุณหมอสาวเดินเข้ามาให้บ้าน“คุณป้า สวัสดีค่ะ กลิ่นหอมจังเลยนะคะเนี่ย”แกงเลียงในชามใหญ่ถูกสาวใช้ยกออกมาวางที่โต๊ะไม้กลม ตามด้วยไข่เจียวหมูสับที่คนอายุน้อยที่สุดในบ้านถือมันออกมา“พี่ฟ้า พี่ฟ้าไปไหนมาคะ หนูมนนึกว่าพี่ฟ้ากลับไปแล้วซะอีก” ปริชมนเอ่ย จนปลายฟ้าต้องยกจานไข่เจียวออกจากมือน้อยๆ ของเธอไปถือเองเพราะกลัวเธอจะดีใจจนทำอาหารหกไปเสียก่อน“พี่ฟ้าไปทำงานมาค่ะ หนูมนไปโรงเรียนมาใช่มั้ยคะ สนุกมั้ยลูก” คุณหมอสาวพูดพร้อมกับวางจานไข่เจียวลง ก่อนจะย่อตัวลงไปคุยกับหนูน้อยที่ยืนอยู่แค่เอวของเธอ“สนุกค่ะ วันนี้หนูมนได้สติกเกอร์ด้วย คุณครูให้ค่ะ หนูมนตอบคำถามได้” ปริชมนเอ่ยพร้อมกับยกเสื้อให้ปลายฟ้าได้เห็นสติกเกอร์รูปการ์ตูนมากมายติดอยู่ตรงอก“โอ้โหห หนูมนเก่งจังเลยค่ะ”“ตอนเด็กๆ พี่ฟ้าเคยได้สติกเกอร์มั้ยคะ” ปริชมนถามด้วยความสงสัย เธอรู้ว่าก่อนจะเป็นผู้ใหญ่จะต้องเป็นเด็กเหมือนเธอมาก่อน จึงถามออกไปก่อนจะเห็นรอยยิ้มพิมพ์ใจบนใบหน้าของพี่สาวคนสวยตรงหน้า“เคยสิคะ แต่ตอนพี่ฟ้าเด็กๆ สติกเกอร์ยังมีแค่รูปดาวสีๆ อยู่เลย ไม่มีรูปการ์ตูนเหมือนสมัยนี้หรอกค่ะ”“ดาวที่มีสีชมพู สีฟ้า สีเหลืองใช่มั้ยคะ หนูมนเคยเห็นคุณครูเก็บเอาไว้ในตู้”“ใช่ค่ะ”“แล้วตอนเด็กๆ พี่ฟ้ามีพี่น้องมั้ยคะ เพื่อนหนูมนมีพี่น้องกันเกือบหมดเลย...แต่หนูมนไม่มี” หนูน้อยถามด้วยเสียงตื่นเต้นก่อนจะเปลี่ยนเป็นเศร้านิดๆ จนคุณหมอสาวสังเกตได้ มือเรียวยกขึ้นไปวางบนหัวของคนช่างถามก่อนจะส่ายไปมาเบาๆ อย่างเอ็นดู เธอเดาว่าแม่ของหนูน้อยคนนี้คงจะไม่อยู่แล้ว เพราะเห็นรูปขาวดำของหญิงสาวตั้งอยู่ในห้องพระข้างห้องที่เธอใช้หลับนอนเมื่อคืน“มีค่ะ พี่ฟ้ามีพี่ชายและก็น้องสาว”“โหหห สามคนเลยเหรอคะ เยอะจัง” มือน้อยๆ ชี้ขึ้นจากหนึ่งเป็นสอง จากสองเป็นสามอย่างที่คุณครูเคยสอน“ค่ะ เยอะไปจนปวดหัวเลยล่ะค่ะ”“พี่น้องของพี่ฟ้า ชื่ออะไรบ้างน้า ฟ้า...สายรุ้ง ก้อนเมฆหรือว่าชมพู ขาว ดำคะ”“เมฆ ฟ้า หมอกจ้ะ”“หนูมนทายถูกตั้งชื่อหนึ่งแหนะ เก่งจัง” ปริชมนเอ่ยชมตัวเองก่อนจะปรบมือน้อยๆ เข้าหากันตามประสาเด็ก“หนูมน ชวนพี่เขาคุยอะไรลูก กับข้าวเสร็จแล้วจ้ะหมอ มาทาน หนูมนมาทานเร็วลูก” ผกามาศเดินออกจากครัวพร้อมกับมีสาวใช้อย่างปิ่นมุกเดินถือจานชามตามหลังมาติดๆ ก่อนจะเห็นหลานสาวคุยนู้นโม้นี่อยู่กับคุณหมอสาวอย่างสนุกสนาน เกรงว่าจะคุยกันเพลินจนกับข้าวเย็นหมด เลยต้องรีบแยกออกจากกันโดยด่วน“อ้าว แล้วพ่อเลี้ยงล่ะคะ” ปลายฟ้าเอ่ยถามเมื่อนั่งลงที่โต๊ะกลมแล้วไม่เห็นเงาคนที่ลงทุนเดินไปตามเธอให้มาที่นี่ มีเพียงหินผา ผกามาศและปริชมนที่นั่งอยู่ข้างเธอเท่านั้น“พ่อวีไปหาปู่เขาน่ะหมอ มันบอกให้กินเลยไม่ต้องรอ” หินผาตอบขณะตักแกงเลียงราดไปที่ข้าวในจาน“ถนนใช้ได้แล้วเหรอคะลุง”“ยังหรอก ปู่เขาอยู่ข้างไร่นี้เอง ขับรถไปสิบนาทีก็ถึง มาๆ กินข้าวๆ”Sven Resortรถกระบะดำเข้าจอดเทียบท่าหน้าบ้านไม้ทรงมะนิลา ก่อนที่สาวใช้ในบ้านจะเปิดประตูออกมาต้อนรับหลานชายคนโตของบ้าน“สวัสดีค่ะคุณวี มาเย็นเลยนะคะวันนี้ คุณท่านอยู่ในสวนหลังบ้านน่ะค่ะ”“ขอบใจมากแวว ไปทำงานเถอะ” ปฐวีเอ่ยกับแววใจ สาวใช้ในบ้านที่อยู่กับพวกเขามาตั้งแต่สมัยรุ่นพ่อแม่ก่อนจะเดินอ้อมไปทางหลังบ้านที่เขาเคยอาศัยอยู่มาก่อนตั้งแต่เล็กๆ ตั้งแต่จำความได้เขาก็ย้ายมาอยู่ที่นี้แล้ว ที่ๆ พ่อของเขาซื้อเอาไว้ติดกับที่ของแม่ เนื่องจากต้นตระกูลของทรายขวัญเป็นคนทางเหนือ ทำให้มีที่ทางหลงเหลือเอาไว้ถึงลูกหลานอย่างเขาสวนเขียวขจีเนื่องจากได้รับการดูแลอย่างดีโดยคนสวนที่มีหน้าที่จัดแต่งสวนของทางรีสอร์ตที่อยู่ทางด้านหน้ารวมทั้งบ้านหลังนี้ด้วย ถัดจากสวนก็จะมีลำธารเล็กๆ เอาไว้ฟังเสียงน้ำไหลเผื่อผ่อนคลายอารมณ์ของผู้อาศัยม้าหินอ่อนที่วางอยู่ใกล้กับลำธารมีชายชราผมหงอกนั่งมองน้ำไหลอย่างสงบนิ่ง พร้อมกับไม้เท้าคู่ใจที่ถือติดมาเกือบยี่สิบปี ก่อนที่จะหันมาเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดินตรงเข้ามาหา แม้ร่างกายจะชราภาพไปมากด้วยวัยแปดสิบปีแต่นัยน์ตาคู่นั้นยังมีความมุ่งมั่น เด็ดเดี่ยว และเข้มแข็งแฝงอยู่ เหมือนเช่นเดียวกับตอนที่ท่านยังหนุ่มๆถ้าหากพิภพยังมีชีวิตอยู่และจับมายืนเรียงกันสามคนสามรุ่น เป็นใครก็จะบอกว่าคล้ายกันอย่างกับแกะ ถอดแบบกันออกมาเหมือนโคลนนิ่ง โดยเฉพาะดวงตาโตคมเข้มแบบคนเชื้อสายแขก แต่จะต่างจากคนอื่นตรงที่ ปฐวีมีผิวขาวเหลืองเหมือนผู้เป็นแม่อย่างทรายขวัญ ผิดจากพิภพผู้เป็นพ่อที่ผิวจะออกแทนหน่อย“ลมอะไรพาเหาะมาล่ะเจ้าวี”“ผมขอโทษนะครับปู่ที่ไม่ค่อยได้มาเยี่ยม งานผมเยอะจริงๆ ครับ” ปฐวีให้เหตุผลกับชายชราตรงหน้า ก่อนที่พิศาลจะพยักหน้าอย่างเข้าใจ“เอาเถอะ แล้วนี่น้องชายเราเขาหายหัวไปไหนแล้วล่ะ บอกว่าออกไปทำธุระตั้งแต่สายๆ ดูสิป่านนี้ยังไม่กลับเข้าบ้านมาเลย” พิศาลบ่น ถึงจะอายุมากแล้วแต่ก็ยังพูดได้ยาวหลายประโยคแม้จะใช้พลังงานเยอะอยู่พอสมควร“ปู่ทานอะไรหรือยังครับ” ปฐวีเอ่ยถาม ขณะพยุงพิศาลกลับเข้าบ้านไม้“กินแล้วล่ะ” เขาตอบกลับแค่นั้นถึงจะผ่านมาหลายปี เกินครึ่งชีวิตของปฐวี ที่ที่คนเป็นปู่ไม่เคยสนใจ ถามไถ่เรื่องของเขาเท่ากับน้องชายต่างมารดาอย่างปฐพี นานทีปีหนจะได้ยินประโยคห่วงใยจากพิศาล แต่ก่อนเขาอาจจะน้อยใจแต่พอเขาเริ่มโตเป็นหนุ่ม จะว่าชินก็คงใช่ บวกกับเข้าใจอยู่กลายๆ ว่าปฐพีไม่เหลือใครนอกจากพิศาล ต่างจากเขาที่ยังมีทั้งลุงป้า แถมยังมีลูกสาวตัวน้อยอย่างปริชมน ที่รายนั้นไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็ดูจะสนใจไม่หมดทุกอย่าง“ผมว่าจะเอาใบชาไปแปรรูปเป็นเครื่องหอม ปู่คิดว่ายังไงบ้างครับ” เมื่อส่งคนเป็นปู่ถึงโซฟาแล้ว หลานชายคนโตจึงเอ่ยถามความเห็นกับคนมากประสบการณ์“ก็ดีนะ ใช้ประโยชน์ได้ เพิ่มรายได้ด้วย”“ครับ แต่ผมยังไม่ได้ศึกษาเรื่องนี้สักเท่าไหร่ ปู่พอจะรู้จักโรงงาน หรือบริษัทที่รับผลิตเครื่องหอมบ้างมั้ยครับ”“อื้ม จะว่าไปมีอยู่บริษัทหนึ่ง ปู่เคยให้เขาทำเครื่องหอมให้รีสอร์ตของเราอยู่ แต่มันก็หลายปีแล้วนะ ไม่แน่ใจว่ายังเปิดอยู่มั้ย”“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมจะลองไปหาดู ชื่อบริษัทอะไรครับปู่” ปฐวีเอ่ยพร้อมกับเอื้อมไปหยิบกระดาษโน้ตและปากกาที่วางเอาไว้อยู่บนโต๊ะวงรีข้างหน้าเขา“Anika Fragrance”