ปัง!!
ประตูไม้บานใหญ่ฟาดปิดต่อหน้าต่อตาแล้วเสียงกุกกักอีกฝั่งของประตูก็ดังอยู่สักพักก่อนทุกอย่างจะเงียบสนิทลง แพรพรรณยกมือปาดน้ำตาทิ้งก่อนจะพยายามลุกไปทุบรัวๆ ตะโกนเรียกเจ้าของบ้านที่จับเธอมาขังในห้องที่มืดมิดและเยือกเย็นเหน็บหนาวจับใจ
หญิงสาวตะโกนขอร้องอ้อนวอนขอให้เขาเปิด เธอยินดีจ่ายด้วยเงินที่มีและจะไม่แจ้งความเพียงแต่เขายอมคืนอิสรภาพให้
แพรพรรณเหมือนคนบ้าที่ตะโกนพูดอยู่คนเดียวโดยไร้เสียงใดๆ ตอบกลับยอมรับข้อเสนอของเธอ
ขอร้อง....
ปังๆๆ
ปล่อยฉันไปเถอะนะ...
ฮื้อ...อ...อ
สาวน้อยเลื้อยตัวลงอย่างหมดกำลังทิ้งก้นนั่งพิงประตูอย่างคนหมดสิ้นหนทาง เธอกอดขาตัวเองร้องไห้ระบายมันออกมาราวกับคนคลั่งที่ไม่สามารถควบคุมสติตัวเองได้
เวลาผ่านไปเนิ่นนานเท่าไรก็ไม่รู้ก่อนที่เธอจะหลับลงในท่านั่งกอดเข่าท่าเดิม และมันคงนานมากพอให้ความเมื่อยล้าอ่อนเพลียจากการเดินทางด้วยเครื่องบินชั้นประหยัดจางคลายลง
เพราะหูที่แนบกับพื้นได้ยินเสียงฝีเท้าหนักๆ เดินกระแทกส้นตรงเข้ามาใกล้มากขึ้นทุกที ทุกที
.
.
.
ผ่าง...ง
แสงสว่างจ้าๆ ต้องตาเมื่อประตูเปิดออกอีกครั้ง ส่วนคนที่นั่งอยู่ด้านในสะดุ้งตื่นและกลัว
ออกมา!!
อึ๊ก!!
ใบหน้าขาวซี้ดและตาบวมแดงคือหลักฐานชั้นดี มันบ่งบอกว่าเธอคนนี้ผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักหน่วงสุดแสนจะบรรยาย
สำหรับแพรพรรณแล้วถ้าไม่รวมตอนที่พ่อพาไปปล่อยที่โรงเรียนประจำนี้คือครั้งที่สองที่ร้องไห้อย่างบ้าคลั่งเอาเป็นเอาตาย
ออกมาเซ้!!
น้ำเสียงทุ้มต่ำตะโกนลั่นบ้านใต้ถุนสูงที่ตั้งตระหง่านโดดเดี่ยวอยู่กลางป่า หัวใจฟังร่วงไปอยู่ปลายเท้าด้วยความหวาดกลัวแบบสุดๆ
และอีกครั้งที่น้ำตาหญิงสาวไหลนองหน้า
โธ่เว้ย!!
เจ้าของเดินหายไปห้องข้างๆ และเดินกลับมาอีกครั้งพร้อมมีดพร้ายาวเป็นคืบ แพรพรรณเห็นตามนั้นก็กระทดตูดถอยหลังสุดชีวิต ไม่นะ! เธอยังไม่อยากตาย เธอยังไม่ได้ทดแทนบุญพ่อและพี่เลี้ยงอรุณแม้แต่น้อย
พรึ่บ!
เชือกที่มัดมือแล้วเท้าขาดกระจุยจากคมมีดและเขาก็ให้มันชี้หน้าออกคำสั่งเธอด้วยสายตาเชือดเฉือนไม่ต่างกับมีดในมือ
“รึอยากจะลองดี”
ค่ะๆ
แพรพรรณแทบจะกระโจนพุ่งตัวออกจากห้องด้วยความเร็ว เพื่อรักษาชีวิตของตัวเอง
“คุณต้องการอะไร”
"เข้าไป"
ห้ะ! ?
เจ้าของบ้านชี้มือไปยังอีกห้องคือห้องครัว แพรพรรณอุปมาอุปไมยไปเองว่าเขาคงหิวและต้องการให้เธอทำอะไรสักอย่างให้เขากินนั่นเอง
ห้องครัวที่เหมือนใหม่ สะอาดสะอ้านอุปกรณ์ทุกชิ้นดูทันสมัยเหมือนแม่บ้านบ้านนี้ต้องรักการทำอาหารน่าดู ถ้าตอนนี้เธอไม่ได้ถูกลักพาตัวมาก็คงจะตื่นตาตื่นใจกับห้องนี้ด้วยประกายตามัน แต่เธอต้องเร่งหานั่นหานี้มาทำอาหารให้เจ้าของบ้านกินก่อนที่เขาจะโมโหไปมากกว่าเดิม
[10นาทีผ่านไป]
ข้าวผัดไข่และเบคอนทอดกรอบส่งกลิ่นหอมไปถึงคนที่นั่งรอ ชายหนุ่มหน้าดุคนนั้นจ้องแพรพรรณไม่ว่างตา ไม่ว่าเธอจะทำอะไรอยู่ก็ไม่สามารถหลุดรอดสายตาพญาเหยี่ยวได้เลย
“เอาไปเก็บที่เดิม”
อ้าว...ค่ะ! ?
“ฉันหมายถึงมีด” แพรพรรณเดินยกจานข้ามผัดหอมๆ มาเสิร์ฟให้ถึงโต๊ะแต่เมื่อโดนไล่ให้เอาไปเก็บก็งง สรุปสุดท้ายเจ้าของบ้านเขาหมายมีดปลอกที่ซ่อนไว้ในกระเป๋ากางเกงยีน
อุตส่าห์คิดว่ามันจะเป็นอาวุธป้องกันตัวยามฉุกเฉินได้
“รึเธอมั่นใจว่าสู้ฉันได้ ก็ลองดู” คนพูดเสตาไปที่มีดพร้าเล่มเดิมที่วางอยู่ไม่ไกล สุดท้ายแพรพรรณก็ต้องยอมทำตามแต่โดยดี
แน่นอนว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ กับมีดปลอกอันเล็กจิ๊ดเดียวจะไปสู้คนร่างยักษ์กับมีดยาวเท่าศอกได้อย่างไรกัน
จ๊อก...ก...ก
เสียงท้องร้องครวญครางดังไปยังอีกคนที่นั่งฟาดข้าวผัดอย่างรวดเร็ว กว่าเจ้าของบ้านจะนึกขึ้นได้ว่าไม่ควรไว้ใจนักโทษสาวคนนี้ข้าวผัดเบคอนก็พร่องไปเกินครึ่งเสียแล้ว
“แล้วทำไมไม่กิน”
มะ มะ ไม่หิว....ค่ะ
“ใส่อะไรลงไป ถามว่าใส่อะไรลงไป”
อย่านะ!!
คนตัวใหญ่ลุกพรวดจากเก้าอี้เดินใส่เธอเหมือนจะหาเรื่อง แพรพรรณถอยหลังเต็มอัตราจนหลังเธอติดกับกำแพงไร้ทางหนีรอด
“คิดจะวางยาฉันเหรอ!”
“เปล่าคะเปล่า”
“งั้นก็กิน!”
ค่ะๆ
มือบางขาวซี้ดและสั่นรับจานข้าวมาถือในมือ เธอต้องพิสูจน์ว่าอาหารจานนี้สะอาดและปล่อยภัย
อ้ำ!
วินาทีที่อาหารสัมผัสลิ้นเธอก็ค่อยๆ เคี้ยวแล้วกลืนและเติมลงกระเพาะตัวเองโดยเร็ว ใช่ว่าเขาหิวคนเดียวซะเมื่อไร
“อีกคำ!”
ไม่รู้อะไรดลใจให้เจ้าของบ้านคิดว่าอาหารที่ทานมีสิ่งปนเปื้อน ของสดทั้งหมดก็อยู่ในตู้เย็นตัวเองแท้ๆ
“อะไร! ? ”
“ฉันกินแล้ว”
“แล้วฉันต้องกินของเหลือต่อจากเธอเหรอ ช้อนนี้เธอก็เอาเข้าปากตัวเองแล้ว”
?
แพรพรรณหดแขนที่ยื่นจานข้าวให้เขาแล้วก้มมองดู เธอก็ใช้ช้อนที่เขากินไปแล้วเหมือนกัน จากนั้นความคิดประหลาดๆ ที่เด้งขึ้นมา
ถ้าเห็นหญิงชายกินอะไรด้วยช้อนต่อจากกันได้แสดงว่านั่นแหละเป็นแฟนกันชัวร์
“เก็บกวาดมันซะ” !!
ค...ค่ะ!
ใบหน้าแต่ละคนเห่อร้อนขึ้นมา แล้วฝ่ายชายก็เป็นคนชักสีหน้าเข้มตวาดเสียงดังใส่ก่อนจะเดินหนีไปอีกทาง ส่วนคนหน้าแดงซ่านกับความคิดบ้าๆ นั่นแดงยิ่งกว่าลูกตำลึง
“คิดว่าฉันพามาเที่ยวชมนกชมไม้รึไง ลงมา!!”
ยามสายที่ไม่รู้ว่ากี่โมงแพรพรรณเดินลงจากบ้านตามเสียงที่ตะโกนตามตัว
ทิวทัศน์เบื้องหน้าคือป่า ต้นไม้และภูเขารอบๆ ตัว มีถนนเส้นเล็กๆ ทอดยาวไกลสุดลูกหูลูกตา
ถ้าไม่รู้เส้นทางมีหวังเดินเข้าป่าที่ลึกยิ่งกว่าเดิม
“คุณจะพาฉันไปไหน”
“ขึ้นรถ”
“ค่ะ! จะพาฉันไปไหน”
ขึ้นรถ!!
อีกครั้งที่คนหน้าดุจับเธอยัดลงกับเบาะและปิดประตู ถ้าแพรพรรณเก็บแขนเก็บขาไม่ทับรับรองโดนประตูหนีบขาดแน่นอน คนอะไรไม่มีความอ่อนโยนเสียบ้าง
ปรื้น...
เมื่อคนขับกระโดดขึ้นประจำที่ของตนเองแล้วก็กดเหยียบคันเร่งมิดตีนออกจาจุดจอดไปอย่างรวดเร็ว
ผู้โดยสารสาวต้องคว้าเข็มขัดนิรภัยมาคาดป้องกันตัวเองไว้ เธอไม่ขอตายเคียงข้างผู้ชายคนนี้เด็ดขาด