บทที่2 เหตุการณ์ก่อนเกิดเหตุ
เด็กสาวสองคนเดินออกไปได้ไม่นานนัก
“เออ โอ๊ย! พี่หลิงหลง ข้าปวดท้องหนักน่ะ ข้าขอไปห้องน้ำก่อนนะ”
“จ้ะๆ ไปเถอะๆ ข้ารออยู่ตรงนี้นะ”
“เจ้าค่ะๆ” หนิงเซี่ยเดินไปยังห้องน้ำ พอปิดประตูปุ๊บ ร่างของเธอก็หายวาบไปปรากฏตรงหน้าห้องของณิริน เด็กสาวยกมือปล่อยพลังบางอย่างออกมาเพื่อทำให้ณิรินหลับสนิท จากนั้นเธอค่อยๆ เดินเข้าไปในห้อง
เธอยกมือขึ้นอีกครั้ง พลังจากฝ่ามือเปล่งแสงอ่อนๆ เปลี่ยนชุดของณิรินให้เป็นเสื้อผ้าสะอาดเรียบร้อย พร้อมรักษาแผลที่เต็มหลังของหญิงสาวจนรอยแดงจางหายไปอย่างน่าอัศจรรย์ เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น หนิงเซี่ยก็หายตัววาบกลับไปยังห้องน้ำอีกครั้ง
ครู่ต่อมา หนิงเซี่ยเปิดประตูห้องน้ำ วิ่งกลับมาหาหลิงหลงที่รออยู่ด้านนอก
“พี่หลิงหลง ข้ามาแล้ว!”
“เร็วๆ เข้า เราต้องรีบไปจัดอาหารให้ท่านอ๋องนะ”
“เจ้าค่ะ พี่หลิงหลง”
ร่างเล็กทั้งสองรีบเร่งเดินไปยังห้องครัว ทิ้งความเงียบไว้ในห้องของณิริน
---
ย้อนไปยังเหตุการณ์ก่อนจะทะลุมิติไปยังอดีต
ณ ศาลเจ้าแห่งหนึ่ง
"ท่านเทพเจ้าจิ้งจอกเจ้าคะ ข้าพเจ้า ณิริน รุ่งอรุณ ได้ยินว่าท่านศักดิ์สิทธิ์เรื่องเนื้อคู่ ขอให้ลูกได้เจอกับเนื้อคู่ด้วยเถิดเจ้าค่ะ สาธุๆ "
ณิรินปักธูปลงเบาๆ พร้อมวางสายด้ายแดงเส้นหนึ่งบนพาน อีกเส้นผูกไว้ที่ข้อมือของตัวเอง เธอนำผลไม้และขนมหลากชนิดมาวางบูชาที่หน้าโต๊ะ จากนั้นยืนนิ่งหลับตาภาวนา
เสียงกระซิบจากกลุ่มคนข้างๆ ลอยเข้ามา
“ดูสิ หน้าตากับหุ่นแบบนี้ก็ยังอยากแต่งงานอีก อ้วนก็อ้วน ไม่สำเหนียกตัวเองบ้างเลย”
ณิรินพยายามยิ้มเก็บความเจ็บปวดไว้ในใจ เธอหันหลังเดินออกจากศาลเจ้า ไปยังรถหรูที่จอดอยู่ใกล้ๆ
“โอ๊ย! แม่เจ้า นั่นมันรถราคาเป็นร้อยล้านเลยนะ!” เสียงอิจฉาและอุทานดังไล่หลัง ขณะที่ณิรินขึ้นรถแล้วขับออกไป
---
ย้อนสู่อดีตวัยมหาวิทยาลัย
วันสารภาพรักที่เจ็บปวดที่สุด
เด็กหนุ่มหุ่นหมีอ้วนตุ้ยคนหนึ่งกำลังยืนกินขนมอย่างมูมมาม ณิรินเดินเข้าไปหา พร้อมด้วยช็อกโกแลตในมือ
“พี่คะ...หนูชอบพี่ค่ะ” เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นๆ แก้มแดงระเรื่อ
ชายหนุ่มมองเธอครู่หนึ่งก่อนตอบ
“ทำไมน้องถึงชอบพี่ล่ะ?”
“เพราะพี่ชอบกินเหมือนหนูค่ะ”
เธอพูดพลางส่งยิ้มหวาน ชายหนุ่มรับช็อกโกแลตมา แต่คำตอบกลับทำให้หัวใจเธอแทบสลาย
“พี่จะเอาแค่ขนมนะ แต่พี่ไม่ชอบคนอ้วน พี่มีคนที่ชอบอยู่แล้ว ขอโทษที่ความหล่อของพี่ทำให้น้องผิดหวัง”
เขาเดินจากไป ทิ้งน้ำตาที่เอ่อคลอในดวงตาของณิริน เธอรีบหันหลังหนีไปเพื่อซ่อนความอับอาย
วันต่อมา
ในคาบวิชาเสริมของเด็กปีหนึ่ง ณิรินเดินเข้าไปในห้องโถงเพื่อหาที่นั่ง เธอสังเกตเห็นเด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาที่โบกมือเรียกเธอ
“นั่งตรงนี้สิครับ” เขายืนขึ้นยิ้มให้
“ขอบคุณค่ะ” หัวใจเธอเต้นรัว แต่เพียงครู่เดียว เขาก็เดินไปหาเด็กสาวสวยอีกคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม สายตาเขาจับจ้องที่เธออย่างอ่อนโยน
ณิรินก้มหน้าแน่นิ่ง กำมือไว้แน่นในความผิดหวังอีกครั้ง...
ชายวัยกลางคนในชุดสูทเดินเข้ามายังห้องโถงของมหาวิทยาลัยด้วยท่าทีสง่างาม นักศึกษาทุกคนหันมองเป็นจุดเดียว
“เอาล่ะ นักเรียน คาบที่แล้วเราเรียนกันถึงไหนแล้ว?” เสียงของอาจารย์ดังขึ้นดึงความสนใจกลับมาที่บทเรียน
ช่วงเวลาพักกลางวันในโรงอาหาร
โรงอาหารที่แน่นขนัดเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยและเสียงจานชามกระทบกัน ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาซึ่งเป็นที่หมายปองของสาวๆ เดินถือถาดอาหารตรงไปนั่งข้างดาวมหาลัยตามเคย ณิรินที่นั่งอยู่มุมหนึ่งของโรงอาหารสูดลมหายใจลึก มือข้างหนึ่งถือกล่องช็อกโกแลตไว้แน่นด้านหลัง ก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นเดินตรงไปหาเขาด้วยหัวใจที่เต้นแรง
“เธอๆ ...เราชอบเธอนะ” เสียงของเธอสั่นเล็กน้อย แต่เปี่ยมไปด้วยความกล้า
ทันใดนั้น เสียงเพื่อนผู้ชายของเขาก็ดังขึ้นพร้อมเสียงหัวเราะเยาะเย้ย
“เห้ย! มึงชอบแบบนี้เหรอวะ? ที่มึงให้เก้าอี้กับยัยนี่เมื่อเช้าน่ะ มึงคงชอบแน่ๆ เลยว่ะ ฮ่าๆๆ”
ชายหนุ่มหน้าหล่อหน้าเสีย รีบปัดกล่องช็อกโกแลตในมือณิรินร่วงลงพื้น
“เมื่อเช้าที่ฉันให้เก้าอี้เธอนั่งน่ะ ไม่ได้หมายความว่าฉันชอบเธอนะ! อีอ้วนเอ๊ย!” เขาตะคอกเสียงดังจนทุกคนในโรงอาหารหันมามอง
น้ำตาคลออยู่ในดวงตาของณิริน เสียงหัวเราะดังลั่นจากนักศึกษาบางคน บางคนมองเธอด้วยสายตาสงสาร รวมถึงดาวมหาวิทยาลัยที่นั่งอยู่ใกล้ๆ เธอเองก็อดรู้สึกเวทนาไม่ได้ ณิรินก้มหน้าวิ่งออกจากโรงอาหารไปทันที น้ำตาไหลอาบแก้มด้วยความอับอาย
หนึ่งสัปดาห์เต็ม ณิรินไม่กล้ามาเรียน ยังดีที่เธอมีเพื่อนสนิทที่คอยช่วยส่งงานและการบ้านให้เธออยู่เสมอ แต่เหตุการณ์นั้นยังคงฝังใจเธอจนถึงทุกวันนี้
---
ปัจจุบัน
ณ หลังร้านอาหาร "ณิริน" มีต้นไม้ล้อมรอบ พร้อมดอกไม้นานาพันธุ์ที่ปลูกอย่างประณีต ท่ามกลางกลีบสีสันเหล่านั้น มีเรือนเล็กหลังหนึ่งตั้งอยู่ ม่านบางสีขาวพลิ้วไหวตามแรงลมอ่อน ร่างอวบนั่งอยู่กลางโต๊ะอาหารซึ่งจัดอย่างสวยงาม
ณิรินนั่งรับประทานอาหารเช้าหลังจากไหว้ขอพรที่ศาลเจ้าเสร็จ แต่ภายในกลับว้าวุ่น ความรู้สึกแน่นอกจู่โจมเมื่อเธอเผลอนึกย้อนไปถึงอดีต ความเสียใจยังคงเกาะกุมหัวใจไม่คลาย ดวงตาร้อนผ่าว เธอยัดอาหารเข้าปากมากขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนต้องการกลืนความเจ็บปวดนั้นไปกับคำข้าว
เมื่ออิ่มจนไม่อาจฝืนต่อได้ เธอลุกขึ้น เดินออกไปใต้ต้นไม้ใหญ่ ที่นั่งประจำของเธอ เธอทรุดตัวลง หยิบหนังสือขึ้นมาเปิดดู ทว่าแววตากลับเหม่อลอย
คำพูดหนึ่งจากอดีตยังดังก้องอยู่ในใจ
“อีอ้วนเอ๊ย…”
เธอหลับตาแน่น กัดริมฝีปากเบา ๆ ราวกับหวังจะลบความทรงจำนั้นให้หลุดพ้นไปจากจิตใจ...