บทที่7 ย้อนความทรงจำอันเจ็บปวด
รุ่งอรุณแห่งวันใหม่
แสงอาทิตย์แรกของวันสาดส่องลอดผ่านบานหน้าต่าง กระทบลงบนใบหน้าอ่อนเยาว์ของณิริน หญิงสาวค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้น ความรู้สึกปวดเมื่อยแผ่ซ่านทั่วร่างทำให้เธอระลึกถึงค่ำคืนที่ผ่านมา เธอหันไปมองรอบตัว ทว่าไม่มีวี่แววของชายหนุ่มผู้เพิ่งกลายเป็นสามีของเธอ
แต่ก่อนที่เธอจะตั้งคำถาม เสียงอุทานหลุดออกมาเบาๆ เมื่อเธอเห็นคราบสีแดงบนที่นอน
"ว้าย! เลือด!"
ด้วยความตกใจ ณิรินรีบลุกขึ้นตรวจดูตัวเอง และพบว่ามันไม่ใช่สิ่งที่เธอกังวล แต่เป็นประจำเดือนของเธอเอง เธอหน้าแดงขึ้นมาทันที
'ตายแล้ว! แล้วจะหาผ้าอนามัยจากไหนในยุคนี้กันล่ะเนี่ย...' เธอนึกถึงหนิงเซี่ย ภูตสาวผู้ดูแลเธออย่างใกล้ชิด แล้วรีบเรียกด้วยเสียงตื่นตระหนก
"หนิงเซี่ย! หนิงเซี่ย!"
เสียงเรียกดังไปถึงห้องครัวที่หนิงเซี่ยกำลังเตรียมอาหารเช้าให้นายตัวเองกับหลิงหลง เมื่อได้ยินเสียงพระชายาเรียก เธอรีบละมือจากงานทันที
“พี่หลิงหลง ข้าขออนุญาตนำน้ำไปส่งพระชายาก่อนนะเจ้าคะ”
“ไปเถิด ดูแลนางให้ดีล่ะ”
---
หนิงเซี่ยก้าวเข้าสู่ห้องนอนอย่างนอบน้อม
“ขออนุญาตเจ้าค่ะ พระชายา”
“เข้ามาเลย หนิงเซี่ย ฉันมีเรื่องฉุกเฉิน!”
เมื่อได้ฟังณิรินพูดถึงอาการของเธอ หนิงเซี่ยยิ้มบางๆ ราวกับทุกอย่างอยู่ในความควบคุม ก่อนจะเสกสิ่งที่ดูแปลกตาแต่คุ้นเคยสำหรับณิริน ผ้าอนามัยแบบแผ่นของยุคปัจจุบัน พร้อมกับเสื้อผ้าชุดใหม่
“ลองใช้สิ่งนี้ดูนะเจ้าคะ หากมันเต็มแผ่นแล้ว วางไว้เฉยๆ มันจะหายไปเอง”
“โอ้พระเจ้า...” ณิรินพูดด้วยความตกตะลึงในสิ่งที่เธอเห็น
หนิงเซี่ยช่วยจัดการทุกอย่าง รวมถึงผ้าปูเตียงที่เปื้อนเลือด ก่อนจะช่วยเตรียมน้ำอุ่นสำหรับอาบในห้องอาบน้ำด้านข้าง
“พระชายา โปรดอย่าแช่น้ำนานนะเจ้าคะ อาบพอสดชื่นจะดีกว่า”
---
หลังจากจัดการตัวเองเรียบร้อย ณิรินกลับมานั่งที่เตียง แต่เสียงทุ้มต่ำที่ดังขึ้นจากทางประตูทำให้เธอสะดุ้ง
"เจ้าไปไหนมา?"
หยางหมิงยืนอยู่ตรงนั้น ดวงตาคมมองเธอด้วยความเป็นห่วง เธอรีบลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวตอบ
“ข้าเพียงไปอาบน้ำเจ้าค่ะ”
ชายหนุ่มมองเธออย่างสำรวจ เมื่อเห็นใบหน้าที่ซีดเซียว เขาก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
"เจ้าไม่สบายหรือ? ให้ข้าสั่งต้มยามาให้ดีหรือไม่?"
ณิรินส่ายหน้าเล็กน้อย แม้เธอจะปวดท้องจากอาการที่มาพร้อมกับประจำเดือน แต่ก็ไม่อยากสร้างความกังวลให้เขา
"ไม่ต้องหรอกเจ้าค่ะ ข้าเพียงต้องการพักผ่อน"
หยางหมิงพยักหน้า ก่อนจะสั่งการให้หลิงหลงนำยามาเตรียมไว้ให้เธอ เขาหันกลับมาประคองเธอให้เดินไปยังโต๊ะอาหารด้วยตัวเอง
“เจ้านั่งเถิด ข้าจะดูแลเจ้าเอง”
---
ขณะที่นั่งทานอาหาร ณิรินเผลอนึกย้อนกลับไปถึงอดีตอันแสนเจ็บปวด ครั้งหนึ่งเธอเคยเป็นเพียงคนที่ไม่มีใครต้องการ ถูกบูลลี่ ถูกดูแคลน และต้องต่อสู้ด้วยตัวเองเสมอ เธอเงยหน้าขึ้นมองชายตรงหน้า และรู้สึกถึงความแตกต่างอย่างสิ้นเชิง
ณ มหาวิทยาลัยอันกว้างใหญ่แห่งหนึ่งในเมืองหลวง
ภายใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ ณิริน เด็กสาวรูปร่างอวบอ้วน น้ำหนักราว 200 กิโลกรัม นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้สีขาว อากาศเย็นสบายที่ลมพัดใบไม้ไหวเบาๆ ทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลาย ณิรินกำลังเพลิดเพลินกับไอศกรีมช็อกโกแลตในมือ อีกข้างถือถุงลูกชิ้นร้อนๆ จากร้านหน้ามหาวิทยาลัย ข้างๆ ยังมีแก้วชานมไข่มุกของโปรดเธอ
“นี่! ยัยณิริน! อ้วนขนาดนี้แล้วยังจะกินอีก!” เสียงแหลมๆ ดังขึ้น พร้อมร่างบางของโรส เพื่อนร่วมคณะที่มีท่าทีไม่ค่อยเป็นมิตร โรสยืนกอดอก ผมดำสลวยพลิ้วไหวตามแรงลม ใบหน้าจิ้มลิ้มมองณิรินด้วยสายตาเหยียดหยาม
ณิรินถอนหายใจ เธอไม่ได้อยากมีปัญหา แต่ก็ไม่คิดจะยอมให้ใครมาดูถูกง่ายๆ
“ฉันแค่กินข้าวของฉัน แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเธอ ท้องของฉัน ไม่ใช่เธอ!”
คำพูดของณิรินทำให้โรสไม่พอใจ เธอยื่นมือไปแย่งถุงลูกชิ้นจากมือณิรินอย่างหน้าด้านๆ
“นี่! อยากกินก็บอกดีๆ ก็ได้ ฉันแบ่งให้ก็ได้นะ” ณิรินเอื้อมมือไปคว้าถุงลูกชิ้นกลับ แต่โรสกลับดึงไว้แน่น ทั้งสองสาวยื้อแย่งกันไปมา ท่ามกลางสายตาของนักศึกษาคนอื่นที่เริ่มหันมามอง สุดท้ายโรสก็แสร้งเซถอยหลังไปชนกับเก้าอี้จนล้มลง เธอร้องออกมาด้วยเสียงดังลั่น
“โอ๊ย! แกผลักฉัน!” เสียงของโรสดังพอที่จะดึงดูดความสนใจของนักศึกษาชายกลุ่มหนึ่งที่ยืนอยู่ใกล้ๆ พวกเขารีบวิ่งเข้ามาหาโรสทันที คนหนึ่งในนั้นถึงกับผลักณิรินออกไปจนเธอเซล้มลง
“ทำไมเธอทำแบบนี้กับโรส!” หนึ่งในเด็กหนุ่มพูดเสียงเข้ม
ณิรินเงยหน้าขึ้นมองด้วยความอึ้ง เธอยังไม่ทันได้แก้ตัว เด็กหนุ่มเหล่านั้นก็ห้อมล้อมโรส ราวกับเธอเป็นเจ้าหญิงที่ต้องได้รับการปกป้อง พวกเขาช่วยพยุงโรสขึ้น เช็ดเศษฝุ่นบนเสื้อผ้าของเธอ และถามไถ่อาการด้วยความห่วงใย
ณิรินนั่งนิ่งอยู่บนพื้น น้ำตาที่กลั้นไว้อย่างยากลำบากกำลังจะไหลออกมา แต่ทันใดนั้น อัน เพื่อนสาวคนเดียวของเธอ และมานพ รุ่นพี่ที่เธอเคารพนับถือเหมือนพี่ชายแท้ๆ ก็เดินเข้ามาหลังจากซื้อของเสร็จพอดี ทั้งสองเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดจากที่ไกลๆ และรีบวิ่งมานานกว่าจะถึง จึงไม่ต้องถามอะไรมาก
“ณิริน เธอเป็นอะไรไหม?” อันถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ก่อนจะช่วยพยุงเธอขึ้น
มานพมองไปทางโรสและกลุ่มเด็กหนุ่มด้วยแววตานิ่งเรียบ แต่กลับแฝงความกดดันจนพวกเขาชะงัก โรสแสร้งมองไปทางอื่นเหมือนไม่สนใจ แต่สีหน้าก็ยังเผยความไม่พอใจ
“ไม่เป็นไรค่ะ...” ณิรินตอบเบาๆ พยายามกลั้นน้ำตา
มานพประคองเธอด้วยความมั่นคง ราวกับจะบอกว่าเธอไม่ได้อยู่คนเดียว ก่อนจะพาเธอและอันกลับไปที่ห้องเรียนโดยไม่พูดอะไร
ณ ห้องเรียน
เมื่อถึงที่นั่ง ณิรินเงยหน้าขึ้นมองมานพที่กำลังจะกลับไปยังคณะของตัวเอง เธอรู้สึกอบอุ่นในใจ แม้ชีวิตของเธอจะมีแต่เรื่องให้เหนื่อยใจ แต่เขาก็เป็นหนึ่งในคนที่อยู่เคียงข้างเธอเสมอ
“ขอบคุณนะคะ พี่นพ” เธอพูดเบาๆ แต่จริงใจ
มานพเพียงพยักหน้าก่อนจะยิ้มเล็กน้อยแล้วเดินจากไป เหลือเพียงณิรินและอันที่นั่งอยู่ด้วยกัน
“เธอไม่ต้องไปสนใจโรสหรอกนะ ณิริน คนแบบนั้นไม่มีค่าพอให้เธอเสียเวลา” อันพูดขึ้น
ณิรินยิ้มบางๆ แม้ในใจจะยังเจ็บ แต่เธอก็รู้ว่าอย่างน้อยยังมีคนที่เห็นคุณค่าของเธออยู่