เจ้ามันคือปีศาจ!

1768 Words
วันเวลาผ่านไปสามปี ดาราสาวในร่างเด็กเริ่มพูดได้บ้างแต่ก็ไม่อาจกล่าวออกมาได้ตามใจนึก การใช้ชีวิตของนางในทุกๆวันยังคงต้องหลบสายตาของผู้อื่นอยู่เสมอเพราะสีดวงตาที่แปลกประหลาด บ่อยครั้งที่มีคนมาเยี่ยมเยียนนางกับท่านยาย เจียวหนิงอันจะทำเป็นนอนหลับทุกครั้งไปเพราะไม่อยากให้ใครถามหรือใครมองว่าแปลกแยกที่สำคัญคือนางไม่อยากจะรับรู้เรื่องราวชีวิตของใครก็ตามที่ผ่านเข้ามาให้เห็นในหัวสมองน้อยๆของนางอันนี้ เจียวหนิงอันรู้ดีว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายแต่นางก็ต้องทำ...ทุกเรื่องคงต้องรอให้นางเติบใหญ่มากกว่านี้อีกสักหน่อยเถิด วันเวลาผ่านไป สองยายหลานต่างก็อยู่ร่วมกันในกระท่อมปลายนาหลังน้อยๆอย่างมีความสุขจนเจียวหนิงอันอายุย่างเข้าหกหนาว วันนั้นมีเด็กหนุ่มอายุประมาณสิบห้าหนาวและแปดหนาววิ่งข้ามาหาแม่หมอเจียวจินผู้เป็นแม่หมอประจำแคว้นด้วยท่าทางเร่งรีบ “ท่านยายช่วยมารดาของข้าด้วย!!!!!” เสียงร้องขอความช่วยเหลือดังมาถึงด้านหน้าที่เจียวหนิงอันนั่งคัดอักษรอยู่โดยมีท่านยายเป็นผู้สอน “ช่วยด้วยขอรับ!!” แฮ่กๆๆ แฮ่กๆๆ เด็กสองคนในสายตาของเจียวหนิงอันช่างมี...นางรีบยกมือขึ้นกุมศรีษะและหลุบตาลงเมื่อภาพท่านแม่ของทั้งสองคนกำลังนอนดิ้นทุรนทุรายอย่างน่าสงสาร ตอนแรกเจียวหนิงอันไม่รู้ว่าทำไมเด็กสองคนนี้ถึงไม่ไปหาท่านหมอเพื่อรักษาโรคแทนที่จะมาหาท่านยาย..จนกระทั่ง “โอ๊ย!!” เมื่อทุกเรื่องราวของเด็กชายทั้งสองคนปะปนกันมั่วไปหมดทั้งเรื่องเลวร้ายและเรื่องดีหมุนวนอยู่อย่างนั้นเจียวหนิงอันถึงกับฟุบลงไปกับโต๊ะไม้ตรงหน้า ฟุ่บ!! “หนิงอัน!!” แม่หมอเจียวจินรีบเดินเข้าไปนั่งข้างๆหลานสาวอย่างตกใจ แม้แม่หมอจะรู้ว่าหลานสาวตนเองได้รับพรอันแสนวิเศษมา แต่นางยังไม่รู้ถึงความสามารถนั้นอย่างกระจ่างแจ้งเพราะเจียวหนิงอันยังคงไม่พูด หรือเพราะนางยังเล็ก แม่หมอจึงทำได้เพียงแค่รอเวลาที่นางจะพูด “ข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะท่านยาย ท่านไปช่วยพวกเขาเถิด” นางหลับตาลงอย่างไม่อยากจะมองผู้ใด เด็กหนุ่มอายุสิบห้ารีบเอ่ยทันที “แม่หมอ..ท่านแม่ข้าไม่สบายมาหลายวันแล้ว ท่านพ่อเชิญหมอหญิงมาตรวจดูอาการและทานยาตามที่นางสั่งแต่มาวันนี้ท่านแม่กลับมีอาการเจ็บปวดทุรนทุราย หมอหญิงกลับส่ายหน้าพร้อมบอกว่าท่านแม่ข้าไร้ทางรักษาแล้ว ท่านพ่อจึงให้ข้ามาตามท่าน” น้ำตาเอ่อคลอไปหมด เจียวหนิงอันตั้งสติเรียกท่านยาย ก่อนที่ท่านจะไปตรวจดูดวงชะตา “ท่านยายเจ้าขา ท่านป้าผู้นั้นไปนำของเซ่นไหว้บรรพชนของผู้อื่นมากิน นางจึงถูกคำสาปแช่งจากลูกหลานของคนในสกุล เพียงแค่ให้นางไปขอขมาไม่เกินสามวันนางจะหายจากโรคด้วยตนเองเจ้าค่ะ” เจียวหนิงอันยังคงฟุบอยู่กับโต๊ะและหลับตาตอบอยู่เช่นนั้น “เช่นนั้นรึ?” เป็นครั้งแรกที่แม่หมอเจียวจินได้รับคำแนะนำจากหลานสาว..หนิงอันอยู่แต่ในกระท่อมหาได้รู้จักคนพวกนั้นไม่ นางรู้ทั้งๆที่ไม่ได้ตรวจดวงชะตา คิดได้เพียงอย่างเดียวว่า… “เจ้าค่ะ” ที่เหลือก็คงให้ท่านยายตรวจดวงชะตาของนางเพิ่มเผื่อทุกอย่างจะดีขึ้น เด็กน้อยวัยเพียงหกหนาวเช่นนางหลับตานึกไปถึงทุ่งดอกไม้เพื่อปรับสภาพแล้วเงียบไปราวกับตัดบทสนทนา แม่หมอเจียวจินมองเด็กผู้ชายวัยแปดหนาวแล้วกล่าวคำ “ฝากเจ้าช่วยอยู่กับหลานสาวข้าสักครู่ ข้าจะไปดูแม่ของเจ้า” “ได้ขอรับ” เอียนจื่อ เด็กชายวัยแปดหนาวมองพี่ชายและท่านยายเดินห่างออกไป ราวกับอยากรู้เขาเรียกหลานสาวของแม่หมอ “คุณหนูเจียว” เห็นนางกระดิกนิ้วจึงเข้าใจว่านางรอฟังอยู่ “ที่เจ้ากล่าวนั้นเป็นจริงใช่หรือไม่” “ย่อมเป็นความจริง” เจียวหนิงอันเงยหน้าขึ้นมาจากการฟุบอยู่กับโต๊ะมองตรงไปยังเด็กชายมากวัยกว่าตรงหน้า ทันทีที่เอียนจื่อเห็นนางชัดๆเขาถึงกับตกใจ “เจ้า!!!..ตาเจ้า” แทนที่ดวงตากลมจะเป็นสีดำเหมือนคนทั่วไป มันกลับเป็นสีเขียวมรกต “เจ้าปีศาจ!!!” ถอยหลังออกห่าง “ปีศาจอย่างไร ข้าเป็นคนธรรมดาสามัญเช่นเดียวกับเจ้า” ภาพในอดีตของเด็กชายลอยวนเข้ามาให้นางได้รับรู้จนต้องจับศรีษะตนเองแล้วหลับตาอีกครั้ง “เพียงแต่ข้าได้รับพรจากสวรรค์มาชี้แนะทางสว่าง จึงมีนัยน์ตาเช่นนี้” โกหกคำโตแม้ว่ามันจะจริงหรือไม่จริงก็ตาม “จริงรึ!!!” “อืม…ชีวิตที่ผ่านมาของเจ้าช่างย่ำแย่ยิ่งนักหากเจ้าอายุครบสิบขวบปี บิดาของเจ้าจะขายเจ้าไปเป็นทาส” นี่คือสิ่งที่นางรู้แต่เด็กชายตรงหน้าจะเชื่อหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง “เจ้าโกหก!!!” “อีกไม่เกินสองวันพี่ชายเจ้าจะได้เข้าไปเป็นบ่าวใช้แรงงาน เบี้ยหวัดน้อยนิดเพียงพอต่อการเลี้ยงบิดากับมารดาเท่านั้น” “เจ้าปีศาจ!! โกหก” เอียนจื่อทำหน้าคล้ายจะร้องไห้ ทั้งๆที่ความจริงแล้วเมื่อสามวันก่อนมีเถ้าแก่จากเหมืองขุดพลอยมาติดต่อท่านพ่อเพื่อหาแรงงานชายไปทำงาน ชาวบ้านมากมายที่สู้ไหวต่างตอบตกลงทันทีพร้อมกับรับเบี้ยมาก่อนแล้ว เป็นดังเช่นนางกล่าวว่าพี่ชายเขาก็เป็นหนึ่งในแรงงานนั้น เด็กชายวิ่งหันหลังจากไปพร้อมรอยน้ำตา เจียวหนิงอันลืมตาขึ้นมองตามไป ชีวิตของเด็กชายไม่ค่อยดีนัก ที่บ้านยากจนมารดาชอบขุดคุ้ยเศษอาหาร ไม่เว้นแม้แต่ของแก้บน ของเซ่นไหว้มาให้ทุกคนในครอบครัวเพื่อยังชีพ บิดาเป็นคนไม่เอาไหนนอนรอเพียงโชคชะตาที่ไม่มีอยู่จริง แต่ทุกอย่างที่นางกล่าวเป็นเพียงการชี้แนะและอยู่ที่ว่าเขาจะเดินไปทางใดก็เท่านั้น ภาพอนาคตที่มากกว่านี้ในอีกสองปีนางยังคงมองไม่เห็นและไม่อยากจะมอง “คุณหนูเจียว พวกข้าอยู่ด้านหลังหากมีสิ่งใดให้ช่วยเหลือบอกได้ทุกเมื่อ” ทหารหญิงที่อยู่ด้วยกันกับแม่หมอตามคำสั่งของเจ้าเหนือหัวดังขึ้นด้านหลัง ทหารทุกคนในที่นี้รับรู้ว่าหลานสาวของแม่หมอมีความพิเศษไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่งแต่นั่นไม่ใช่หน้าที่ที่พวกเขาต้องรับรู้ “ไม่มีเจ้าค่ะท่านอาหญิง” นางหลีกเลี่ยงที่จะมองทุกคนที่มาเฝ้าอยู่รอบๆกระท่อมและสอบถามนางเพราะมันไม่เป็นผลดีกับตัวเอง…หากท่านยายกลับมานางคงต้องพูดอะไรบางอย่างแล้ว ‘เจ้าปีศาจ’ คำด่าทอนี้ยังคงดังก้องอยู่ในหัว ๑------------------------------๑ หนึ่งชั่วยามต่อมา (2ชั่วโมง) แม่หมอเจียวจินเดินทางกลับมาถึงกระท่อมด้วยตัวคนเดียว นางเข้าไปหาหลานสาวตัวน้อยที่นางรักที่สุด “หนิงเอ๋อร์” เจียวหนิงอันนั่งมองกระจกเงาที่สะท้อนภาพตัวเองออกมา ดวงตางดงามไม่คล้ายผู้ใดแต่กลับดูประหลาดในชาติภพนี้ นางหันมองท่านยายของตนเอง “ท่านยายเจ้าคะ” กอดเอวอวบของสตรีที่เลี้ยงดูตนเองมาอย่างดี “อยากบอกอะไรกับยายหรือไม่” เมื่อครู่ที่นางเดินทางไปบ้านของสตรีนางนั้นพร้อมกับตรวจวันเวลาตกฟาก จึงรู้ว่านางมีชีวิตที่ไม่ยืนยาวนักเพราะแอบลักกินขโมยกิน บาปกรรมหนักหนา ถึงแม้ครั้งนี้จะบอกให้นางไปขอขมาป้ายบรรพชนทุกป้ายแล้วหายจากการเจ็บปวด นางก็ยังไม่อาจจะพ้นเคราะห์กรรมอยู่ดี ที่ยังติดใจไม่ใช่เรื่องกรรมหนักของผู้อื่นแต่นางติดใจกับหลานสาวของตนเองมากกว่า หลานสาวที่ไม่เคยไปไกลเกินกว่าท้องนาแต่กลับรับรู้ว่าสตรีปวดท้องนั้นเคยไปทำสิ่งใด เจียวหนิงอันเงยหน้ามองท่านยาย นางรู้ว่าท่านยายหมายถึงเรื่องใดและนางคิดเอาไว้แล้วว่านางจะบอกความจริงทุกอย่าง “ข้าเห็นเรื่องราวของคนที่ข้าสบตาหรือรู้นามของพวกเขา” ท่านยายมีท่าทางตกใจ “จริงรึ?” ผู้ถูกถามผงกหัวขึ้นลง “และข้าจะปวดหัวทุกครั้งที่ภาพเหล่านั้นไหลวนเข้ามาในหัวข้า ทำอย่างไรดีเจ้าคะ?” อดีตดาราสาวในคราบเด็กน้อยถามหาความช่วยเหลือเพราะนางไม่รู้จะแก้ไขมันอย่างไรแล้ว ท่านยายลูบผมหลานสาวพร้อมกับครุ่นคิดถึงคำพูดของนาง “เช่นนั้นเจ้ารู้เรื่องราวของยายหรือไม่?” เจียวหนิงอันผงกศรีษะ “รู้ทุกเรื่อง รู้จนไม่เจ็บปวดสิ่งใดแล้วเจ้าค่ะ” เพราะท่านยายอยู่กับนางทุกวัน นานจนไม่มีสิ่งใดที่นางจะต้องรู้อีก ผู้ฟังยิ้มออกมาอ่อนๆ “แล้วรู้เรื่องในภายหน้าของตนเองหรือไม่” หนิงอันส่ายหน้า “นั่นคือเรื่องเดียวที่หลานไม่รู้เจ้าค่ะ” ดวงตาของสตรีวัยชราหลุบลงมองหลานอย่างเข้าใจ “เพราะมันคือชะตาเจ้า หากเจ้ารู้จะเรียกว่าชะตาได้อย่างไร” คำแนะนำจากท่านยายทำให้นางต้องคิดตาม ซึ่ง ‘มันก็จริง’ ซบหน้าลงกับหน้าท้องของท่านยาย “แล้วหลานจะทำอย่างไรต่อดีเจ้าคะ” “หลานควรฝึกฝน กำหนดจิตให้แยกแยะให้เป็น ฝึกกำหนดการปิดกั้นการหยั่งรู้เรื่องราวของผู้คนที่ผ่านเข้ามา และที่สำคัญ” มองหลานสาวแล้วนึกไปถึงเด็กชายอายุแปดหนาวที่วิ่งกลับบ้านของตนเองเมื่อครึ่งชั่วยามก่อนที่ปากจะร้องตะโกนดังลั่นว่าพบเจอปีศาจดวงตาสีเขียวมรกต “หลานควรปกปิดดวงตาอันงดงามนี้เสียก่อน”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD