ผมอยากได้เลขาของพี่1

1495 Words
หนึ่งปีผ่านไป ............. ผมถูกเรียกตัวกลับบ้านอย่างเร่งด่วนหลังจากไม่ได้กลับบ้านถึงหนึ่งปีเต็ม เพราะภาพลักษณ์ที่เป็นหนุ่มเพลย์บอย เที่ยวเก่ง ไม่จริงจัง จึงทำให้ครอบครัวเป็นห่วงและต้องการให้ผมปรับปรุงตัว ถึงแม้ตัวงานที่ผ่านมาจะการันตีว่าฝีมือการบริหารงานของผมพัฒนาขึ้นอย่างมากแล้ว แต่ภาพลักษณ์ของผมในตอนนี้กลับไม่เป็นที่ชื่นชอบของครอบครัวอย่างมากโดยเฉพาะแม่ที่โทรตามให้ผมกลับบ้านอยู่ทุกวัน “มาได้สักทีนะเจ้าลูกชายตัวดี จำทางกลับบ้านได้แล้วหรือยังไง” เสียงแม่ที่บ่นขึ้นทันทีที่เห็นผมเดินเข้ามาในบ้าน “ก็กลับมาแล้วนี่ครับ” ผมเดินเข้าไปกอดแม่แล้วหอมแก้มเอาใจท่าน “ไม่ต้องมาทำเป็นเอาใจ เดี๋ยวนี้ชักจะเอาใหญ่ อยู่ทางโน้นก็ทำตัวเป็นพวกเพลย์บอย ลอยไปลอยมาทำตัวเสเพลไม่น่าเชื่อถือ ได้ข่าวว่าออกเที่ยวแทบทุกคืน เค้าพูดกันว่ายังไงนะ พี่สาวเราบอกกับแม่ว่าอะไรนะ อ้อคิดออกแล้ว ‘ล่าแต้ม’ เก็บผู้หญิง แกต้องเลิกนิสัยพวกนั้นเลยนะ แม่ขอสั่ง” ผมอมยิ้ม เพราะแผนการที่ผมวางไว้กำลังเริ่มต้นแล้ว สามเดือนก่อน ผมได้รับข่าวจากนักสืบที่ผมให้ตามสืบเรื่องของกีรติ ข้อมูลที่ได้ยังคงเหมือนเดิม วันทำงานเธอยังคงตามติดพี่สาวผมดังเงา วันหยุดก็ไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนสาวของตัวเอง ส่วนใหญ่ก็จะไปกินข้าวหรือไม่ก็ไปซื้อเสื้อผ้ารองเท้ากระเป๋าอะไรพวกนั้นที่ผู้หญิงส่วนใหญ่ชอบทำกัน ข้อมูลของเธอพวกนี้ผมรับรู้มามากซะจนจำได้หมดแล้วว่าเธอชอบกินอะไร ชอบดูหนังแนวไหน รู้แม้กระทั่งเสื้อผ้าที่เธอใส่คือแบรนด์อะไร ข้อมูลส่วนใหญ่ของกีรติไม่เกี่ยวข้องกับผู้ชายคนนั้นเลยสักนิด ผมเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าเธอจะติดต่อกับผู้ชายคนนั้นอยู่อีกหรือเปล่า และทางเดียวที่ผมจะรู้ได้คือผมจะต้องให้เธออยู่ใกล้ๆผม ผมถึงจะมั่นใจว่าเธอไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ชายคนนั้นอีกต่อไปแล้ว และที่สำคัญคือเรื่องความสัมพันธ์ของเธอกับพี่สาวผม ผมอยากแน่ใจว่าเธอไม่ได้หลอกลวงพี่สาวผม พี่ทิวาก็ช่างชอบแกล้งผมคอยแต่จะส่งภาพคู่แบบสนิทสนมแนบชิดมาให้ผมดูแทบจะทุกวัน ผมเบื่อและเอือมระอากับการกระทำของพี่สาวเต็มทีแล้ว ผมจึงเริ่มคิดแผนนี้ขึ้นมา แผนการดึงตัวเลขาคนเก่งของพี่มาเป็นเลขาผม มาช่วยปรับภาพลักษณ์เพลย์บอยผู้แสนจะเสเพลที่แม่ผมเพิ่งจะกล่าวหาผมไปยังไงล่ะ “แม่ก็พูดเกินไป ไปเอาข่าวพวกนั้นมาจากไหน ผมไม่ได้ล่าแต้มสักหน่อย” ผมโอบประคองแม่ให้เดินมานั่งคุยกันในห้องรับแขก เดินมาก็เห็นพ่อนั่งอ่านข่าวเศรษฐกิจอยู่ ดูเหมือนพ่อจะไม่ได้สนใจเรื่องของผมสักเท่าไหร่ “ใช้ชีวิตลูกผู้ชายคุ้มค่าเหลือเกินนะ เรื่องทำให้แม่กังวลใจนี่ถนัดเหลือเกิน ” พ่อเหน็บผมไม่จริงจังนัก ดูก็รู้ว่าแกล้งพูดเอาใจแม่เท่านั้น “ก็ผมเป็นลูกชายนี่ จะให้ทำงานทั้งวันแล้วกลับไปนอนจำศีลที่ห้องหลังเลิกงานแบบนั้นเหรอครับ เครียดแย่เลยนะแม่” ผมยังคงอ้อนแม่ไม่หยุด “ก็หาแฟนสักคน แล้วก็แต่งงาน อายุเราก็ไม่น้อยแล้วนะ” “แม่อย่าข้ามลำดับขั้นสิครับ พี่ทิวาเกิดก่อนผมก็ต้องแต่งก่อนผมสิ” ผมรีบเอาพี่สาวมาอ้างทันที เรื่องมีแฟนเป็นตัวเป็นตนผมไม่อยากสนใจ ยิ่งเรื่องแต่งงานยิ่งไม่เคยคิดถึง “ใครบอกว่าข้าม แม่เองก็พูดกับทิวาอยู่บ่อยๆ พี่ก็ไม่เคยจะปฏิเสธแม่เหมือนแกเลย” “พี่ไม่ปฏิเสธเหรอครับ เป็นไปได้ยังไง” ผมงงกับคำบอกเล่าของแม่ พี่แสดงออกชัดเจนว่าชอบกีรติ พ่อแม่ไม่รู้อย่างนั้นเหรอ “เม้าท์ทิวาอยู่เหรอคะแม่” พี่ทิวาเดินลงมาจากชั้นบนแล้วนั่งลงข้างแม่ “เม้าท์อะไรกัน แม่กำลังอบรมทิวเขาเรื่องที่ทิวาบอกกับแม่ยังไงล่ะ” “เรื่องเก็บแต้มนั่นเหรอคะ” “ใช่เลย เรื่องนั่นล่ะ” “แล้วแม่จะทำยังไงคะ” “ย้ายกลับมา อย่างน้อยก็อยู่ในสายตาแม่ ให้แม่ได้อบรม” “ไม่นะแม่ งานผมทางนั้นยุ่งมากนะ จะย้ายได้ยังไง” “ถ้าไม่ย้ายก็ต้องเลิกนิสัยแย่ๆพวกนั้นซะ” “เลิกไม่ได้หรอกค่ะแม่ นิสัยเสียๆแบบนี้” “เรื่องนี้ก็ไม่ได้กระทบกับงานที่ผมทำสักหน่อย ใช่ไหมครับพ่อ” “อืม” “อย่าเข้าข้างลูกเชียวนะ” “ผมก็แค่พูดตามความจริงเท่านั้น” “ความจริงอะไร ลูกทำตัวแย่ขนาดนี้ยังจะให้ท้ายกันอีกเหรอ” “แม่ครับ แม่ แม่ ใจเย็นก่อน เอาแบบนี้ดีไหมครับ หาผู้ช่วยมาดูแลผมก็ได้นี่” “นิสัยแบบนี้ใครจะดูแลไหว แม่เรียกตัวกลับมาดีที่สุดแล้วค่ะ” “ถ้าผมกลับมาพี่จะไปทำงานแทนตำแหน่งผมไหมล่ะ ถ้าพี่ไปผมโอเคนะ” “ไม่ได้!” เสียงของพ่อและแม่ของเราเอ่ยขึ้นพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย พ่อกับแม่หวงพี่ทิวายิ่งกว่าอะไร เรื่องจะให้ไปอยู่ไซต์คุมงานข้ามจังหวัดเลิกคิดได้เลย ไม่ใช่ว่าพี่สาวผมเป็นพวกรักสบายลำบากไม่เป็นหรืออะไร แต่เพราะพวกท่านรักและเป็นห่วงพี่ทิวาที่เป็นลูกสาวมากเกินไปนั่นเอง ท่านกลัวพี่สาวผมจะลำบากจึงพยายามมอบหมายงานที่สำนักงานใหญ่ในกรุงเทพให้พี่สาวบริหารแทน ตอนแรกพี่ทิวาก็เกเรอยู่มากเพราะอยากทำงานหลากหลายรูปแบบ พี่เคยไปประจำไซต์งานต่างจังหวัดอยู่เกือบปี ด้วยความเป็นห่วงแม่ก็ตามไปดูแลพี่ทิวา จนพี่สาวทนเห็นแม่ลำบากไม่ไหว ไหนจะผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งหญิงและชายที่เกรงใจภรรยาผู้บริหารสูงสุดนั่นอีก ด้วยเหตุผลอีกมากมาย พี่ทิวาจึงยอมแพ้ต่อความรักที่มากล้นของพ่อแม่ในที่สุด และยอมกลับมาทำงานบริหารประจำที่สำนักงานใหญ่ในกรุงเทพแทน พ่อแม่พอใจมากกับการตัดสินใจของพี่ ตอนที่ผมบอกจะขอไปทำงานต่างจังหวัด พี่สาวก็ดูจะอิจฉาผมอยู่หน่อยๆ แต่ด้วยความเป็นมืออาชีพพี่ก็ยอมให้ผมมาทำงานที่ต่างจังหวัดแต่โดยดี “เรื่องนี้พี่ไม่ติด พี่ทำงานที่ไหนก็ได้” พี่ทิวาอมยิ้มกับอาการหวงลูกสาวของพ่อแม่ที่เริ่มจะทำงานอีกครั้งแล้วสวมกอดแม่อย่างประจบเอาใจ ทำให้แม่มีสีหน้าดีขึ้นที่ลูกสาวแสดงออกถึงการเอาใจท่าน “กลับมาอยู่บ้านซะทิวเขา แม่ขอสั่ง” แม่ไม่ยอมลงให้ผมเลยสักนิดทั้งที่เริ่มใจเย็นลงบ้างแล้ว “หาผู้ช่วยให้ลูกแล้วกันคุณ เรื่องงานไม่ได้มีปัญหาอะไร มีแค่พฤติกรรมส่วนตัวที่ต้องปรับปรุงเท่านั้น คุณก็แค่หาผู้ช่วยให้คอยดูแลเรื่องส่วนตัวอะไรพวกนั้นก็น่าจะดีขึ้นนะ” เป็นพ่อที่เข้าใจผมและเข้าข้างผมเสมอ “เอาแบบนั้นก็ได้ค่ะ คนที่จะมาดูแลลูกชายเราจะต้องเป็นคนที่ไว้ใจได้ ใจเย็น ละเอียดและรอบคอบ คุณว่าให้คุณวันดี เลขาคุณมาดูแลลูกเราดีไหมคะ” “คุณวันดีอายุเยอะแล้วนะครับแม่ ถึงคุณสมบัติของคุณวันดีจะเพียบพร้อมตามที่แม่ต้องการ แต่คุณวันดีติดตามผมไปทำงานข้ามจังหวัดไม่ไหวหรอกครับ” “จริงของลูก คุณวันดีถึงจะเก่งทุกด้าน แต่จะให้ไปลำบากติดตามลูกไปทำงานแบบนั้นคงลำบากเกินไป เปลี่ยนคนใหม่ดีกว่า ใครกันนะที่อายุไม่มาก ทำงานละเอียดเรียบร้อย คุณช่วยคิดหน่อยสิคะ” “เปิดรับสมัครใหม่ก็ได้นี่คะแม่ คนว่างงานออกเยอะ อาจจะมีคนที่มีความสามารถมีความอดทนสูงและทำงานร่วมกับลูกชายจอมเสเพลของแม่ได้ก็ได้นะคะ” “รับคนใหม่เหรอ เอาแบบนั้นก็ได้ พรุ่งนี้ทิวาแจ้งฝ่ายบุคคลเรื่องรับสมัครเลขาให้ทิวเขาทีนะลูก บอกว่าขอด่วนที่สุดเลย” “ไม่ต้องรับคนใหม่หรอกครับ คนที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่คุณแม่ต้องการมีอยู่หนึ่งคนพอดี และผมก็อยากได้คนนี้” “ใครกัน ไหนลองพูดมาสิ แม่จะลองคิดดู”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD