คำเตือนของน้องชาย

1787 Words
ผมนั่งอ่านรายงานผลการสืบของคนทั้งคู่อีกครั้งอย่างละเอียด ผู้ชายคนนั้นประวัติไม่ดี เธอเลยไม่เอาเขาอย่างนั้นใช่หรือเปล่า ถ้าเป็นผมผู้ชายแบบนี้ผมก็ไม่เอา ผมเก็บข้อมูลของผู้ชายคนนั้นเข้าซองตามเดิม แล้วเปิดอ่านข้อมูลของกีรติอีกครั้ง เธอเป็นผู้หญิงธรรมดามาก การใช้ชีวิตก็ไม่มีอะไรพิเศษ ในข้อมูลของเธอ นอกจากพ่อของเธอ ก็มีแค่ผมที่เป็นผู้ชายที่เธอพบบ่อยที่สุดเพราะทำงานที่เดียวกัน ไม่แปลกเลยที่เธอจะชอบผู้หญิงด้วยกัน แต่เมื่อคิดถึงตอนนี้ผมก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาที่คิดได้ว่าพี่สาวของผมกับเธออาจมีความสัมพันธ์กันลึกซึ้งไปแล้ว “พี่ทิวา ทำไมต้องชอบคนธรรมดาที่ชีวิตไม่มีสีสันแบบนั้นด้วยนะ” “นินทาอะไรพี่อยู่เหรอนายทิว” เป็นเสียงพี่สาวของผมที่ดังเข้ามาในห้อง ไม่มีเสียงเคาะประตูหรือสัญญาณใดที่บอกล่วงหน้าแต่อย่างใด “ไร้มารยาท ทำไมไม่เคาะประตู” “มารยาทจะมีให้เฉพาะกับคนที่สมควรได้รับเท่านั้น ลุกขึ้นเร็ว ไปทานข้าวกัน” “ไม่ไป” “ไปเถอะ พี่ให้ของขวัญจองห้องไว้แล้ว” “ไปกับ กีรติเหรอ” “ใช่สิ แล้วก็นายอีกคนไง เร็วๆเข้ารีบลุกเลย ของขวัญรอนานแล้ว” พี่ทิวาไม่พูดเปล่า ยังเดินมาฉุดแขนผมให้รีบลุกเดินตามเธอออกมาอย่างรีบร้อนอีกด้วย “เดี๋ยวก่อนพี่ ผมยังไม่เก็บโต๊ะเลยนะ ให้ผมปิดคอมก่อนสิ” ผมแกะมือกาวสุดเหนียวของพี่สาวออกแล้วจัดเรียงเอกสารตรงหน้า และปิดคอมพิวเตอร์ของผม เพราะวันนี้ผมจะไม่เข้ามาบริษัทแล้วยังไงล่ะ “โอ๊ย! เรื่องมาจริง เร็วๆเข้า ให้สาวรอนานไม่ดีนะน้องชาย” พี่ทิวานั่งลงยังเก้าอี้ข้างหน้าผม “สาวที่ไหนกัน พี่นี่ก็แปลก แทนที่จะไปกินข้าวกันสองคนจะเอาผมไปเป็นก้างทำไมไม่รู้” “ก้างบ้าก้างบออะไร เค้าเรียกทำความรู้จัก นายควรทำความคุ้นเคยกับของขวัญเอาไว้ ยังไงก็ต้องพบต้องทำงานด้วยกันบ่อยๆ” “ไม่บ่อยหรอก ผมขอคุณพ่อไปประจำไซต์งานที่ต่างจังหวัดแล้ว” “อะไรกัน! ทำไมพี่ไม่เคยรู้มาก่อนเลย นายไปอยู่ไซต์แบบนี้แล้วงานพี่ก็เยอะเหมือนเดิมสิ ถ้าจะทำอย่างนั้นนายจะกลับมาทำไม ถ้าไม่ได้มาช่วยแบ่งเบางานจากพี่ไปบ้างน่ะ” “ไปประจำไซต์แล้วก็ใช่ว่าจะเข้าบริษัทไม่ได้นี่ครับ ผมเป็นผู้ชายไปไหนมาไหนสะดวกอยู่แล้ว กินนอนที่ไหนก็ได้ สบายๆ อีกอย่างเทคโนโลยีสมัยนี้พัฒนามากแล้ว ประชุมทางไกลกันก็สะดวกมาก พี่จะกังวลทำไม” ผมโอบไหล่พี่สาวให้เดินออกมาพร้อมกันก็เห็นว่าเลขาพี่ยืนคอยพวกเราอยู่แล้ว เธอวางมาดนิ่งเฉยต่อหน้าผมผิดกับตอนที่อยู่กับพี่สาวผมเธอดูสดใสร่าเริงมาก ใช่สิ ก็เธอกำลังจับพี่สาวผมอยู่นี่ แล้วก็เหมือนจะสำเร็จซะด้วย แต่ตอนนี้ผมมาแล้ว อย่าหวังว่าเธอจะได้อะไรจากพี่สาวผมอีกต่อไปเลย ผมไม่ชอบเธอ ผมจะพยายามทำให้พวกเธอห่างกันและเลิกกันในที่สุด เรามาถึงร้านอาหารไทยที่พี่ผมชอบ เลขาพี่ยังทำหน้าที่ของตัวเองอย่างดี เธอดูแลเราทั้งคู่ดีมาก มากซะจนผมหมั่นไส้เลยล่ะ “คุณดูแลแค่เจ้านายคุณเถอะ ไม่ต้องสนใจผมหรอก” ผมบอกเธอ หลังจากที่เธอตักแกงส้มชะอมกุ้งให้ผม “ไม่ชอบแกงส้มแล้วเหรอ” พี่สาวมองหน้าผม ที่ผมไม่ยอมกินอาหารที่เลขาพี่ตักให้ “เปล่า ผมแค่ไม่ชินที่มีคนคอยดูแล” “ดิฉันขอโทษค่ะ” เธอขอโทษผมด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยไม่แสดงอารมณ์ เธอเป็นพวกหุ่นยนต์หรือไงนะ “นี่พี่ทิวา” “ว่าไง จะพูดก็พูดมา จะเรียกทำไม” “ไม่มีอะไรครับ ผมขอคิดอีกหน่อย แล้วจะบอกพี่อีกที” “จะมาพูดให้อยากรู้ทำไมกัน ถ้ายังไม่คิดจะบอก” พี่ทิววางช้อนลงแล้วนั่งมองหน้าผมอย่ารอคอยคำตอบ “ฮ่า ฮ่า ฮ่า ไม่ใช่เรื่องสำคัญหรอกน่า เลิกจ้องหน้าผมได้แล้ว” เมื่อเห็นว่าคงไม่ได้อะไรจากผม พี่ทิวาก็เริ่มกินข้าวอีกครั้ง สองคนผลัดกันตักอาหารให้กัน มองแล้วผมก็ได้แต่เซ็ง “ขวัญขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ” พี่สาวผมพยักหน้าให้เธอเล็กน้อย จากนั้นเธอก็ลุกออกไป ผมเลยตัดสินใจได้ว่าจะเตือนพี่สาวเรื่องของเธอ “พี่ ผมมีเรื่องจะบอก” ผมมองหน้าพี่สาวอย่างจริงจัง พี่เองก็มองผมอย่างสงสัย “พูดมาสิ” เธอวางช้อนส้อมในมือลงอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าผมจริงจังมาก “เลขาพี่คิดไม่ซื่อ” พี่หรี่ตามองผมอย่างจับผิด “นายพูดบ้าอะไร ของขวัญจะโกงบริษัทหรือไง” “ไม่ได้โกงบริษัท ทำไม เธอคิดจะโกงบริษัทเราเหรอ พี่ได้ข้อมูลมาจากไหน” “พูดเรื่องบ้าบออะไรเนี่ย ของขวัญไม่ได้จะโกงบริษัท แล้วก็ไม่มีแนวโน้มว่าจะทำด้วย เธอจะทำไปทำไม พี่ไม่เข้าใจที่นายพูดจริงๆนะ แล้วที่บอกว่าของขวัญคิดไม่ซื่อ เค้าคิดไม่ซื่อยังไง ไหนนายลองพูดมาซิ” “เธอไม่ได้ชอบพี่จริงๆ หรอก” “เอาความมั่นใจนี้มาจากไหน” “วันงานเลี้ยง ที่พี่ให้ผมไปตามเธอ ผมเห็นเธอทะเลาะกับผู้ชายคนหนึ่งอยู่ ผู้ชายคนนั้นบอกกับผมว่าเป็นสามีของเธอ” “ห๋า! สามี! นายฟังผิดหรือเปล่า คงมีเรื่องเข้าใจอะไรผิดแน่” สีหน้าของพี่ทิวาทำให้ผมรู้ว่าพี่ไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน เพราะพี่ดูตกใจมากจริงๆ “ผมได้ยินเต็มสองหูเลยนะ” “เรื่องนี้พี่จะคุยกับของขวัญเอง นายหยุดพูดได้แล้ว” “ผมพูดเรื่องจริงนะพี่ พี่ต้องเชื่อผม” “พอได้แล้วนายทิว เดี๋ยวของขวัญมาได้ยินเข้าจะเสียใจนะ” “ไม่เชื่อก็ตามใจ ระวังเลขาหน้าสวยของตัวเองไว้เถอะ” “มีเรื่องอะไรให้ต้องระวัง หยุดพูดได้แล้ว แล้วก็เลิกอคติกับคนสวยสักที ผู้หญิงไม่ได้เลวร้ายเหมือนกันหมดทุกคนหรอกนะ” “นอกจากแม่กับพี่ ผู้หญิงก็เหมือนกันหมดทุกคนนั่นแหละ” “นายนี่มันเกินเยียวยาจริงๆ” “ผมปกติดี ไม่ต้องเยียวยาอะไร” “ของขวัญมาแล้ว ทำหน้าให้มันดูดีหน่อย” “เรียบร้อยแล้วนะ กลับกันเถอะ ขอบคุณนะน้องชาย” ไวยิ่งกว่าจรวด พี่ทิวาไม่รอให้เลขานั่งด้วยซ้ำ เธอรีบคว้ามือเลขาคนสวยแล้วเดินจากไปทันที ผมได้แต่ส่ายหน้าเอี่ยมระอากับอาการหลงผู้หญิงของพี่สาวตัวเอง ไม่คิดว่าการที่ผมไปเรียนเมืองนอกไม่กี่ปีพี่สาวจะเปลี่ยนไปขนาดนี้ ต้องเป็นเพราะผู้หญิงคนนี้แน่นอนที่เปลี่ยนพี่ผมไปขนาดนี้ ผมเรียกพนักงานให้มาคิดเงินค่าอาหาร แล้วเดินทางกลับคอนโดทันที ‘ติ้งต่อง ติ้งต่อง ติ้งต่อง’ เสียงสัญญาณหน้าห้องเรียกความสนใจจากผมที่กำลังอ่านข้อมูลใหม่ที่นักสืบส่งมาให้ “นัดกันที่คลับไม่ใช่หรือไง” ผมเปิดประตูมาก็พบกับไอ้เหนือ เพื่อนสนิทที่เรียนด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก “กูยังไม่ได้เข้าโรงแรม เลยแวะมาหามึงก่อน จะได้ไปพร้อมกัน” “อืม” “นี่มึงยังตามสืบเค้าอยู่อีกเหรอวะ กูไม่เห็นว่ามึงจะได้อะไร” ไอ้เหนือหยิบเอกสารที่ผมเพิ่งอ่านก่อนหน้ามาพลิกอ่านเล็กน้อย แล้วทิ้งลงบนโต๊ะอย่างไม่เห็นความสำคัญ “ได้แน่ กูเชื่อว่าไม่นานกูต้องได้อะไรจากเรื่องนี้ ยังไงพี่สาวกูต้องได้รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่คนดีอย่างที่คิด” ผมมองหน้าเพื่อนอย่างไม่สบอารมณ์ ไอ้เหนือไม่เห็นด้วยที่ผมตามสืบเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเลขาพี่กับผู้ชายของเธอ “เธอสวยมากนะ ระวังจะเข้าตัว หึ หึ หึ” ไอ้เหนือหยิบภาพถ่ายของกีรติใบหนึ่งขึ้นมาโบกไปมาในอากาศ พร้อมกับยิ้มมุมปากอย่างน่าหมั่นไส้ “ทำไมกูต้องระวัง ผู้หญิงแบบนี้กูไม่มองให้เสียสายตาหรอก แล้วอีกอย่าง กูไม่ชอบใช้ของร่วมกับใครมึงก็รู้ดี” “เลิกคิดถึงอดีตได้แล้ว เพลินก็เลือกคนอื่นไปแล้ว” ไอ้เหนือวางภาพของกีรติลงบนโต๊ะตามเดิมแล้วนั่งลงบนโซฟาข้างผม “อย่าเอ่ยถึงผู้หญิงเห็นแก่ตัวคนนั้นอีก” ผมมองหน้าเพื่อนอย่างไม่สบอารมณ์ที่มันสะกิดแผลเก่าของผมขึ้นมา “การที่เพลินหลอกมึง แล้วมึงโกรธเกลียดเค้ากูเข้าใจได้ แต่การที่มึงพาลเกลียดผู้หญิงทุกคนแบบนี้ กูว่ามันไม่ถูก” “เงินไม่ได้กระเด็นออกจากกระเป๋ามึงนี่ มึงก็พูดได้” “เงินล้านเดียวไม่กระเทือนกระเป๋ามึงหรอก แต่ที่มึงโกรธเพราะมึงคิดว่าเพลินรักมึงจริงต่างหากล่ะ แต่กูว่านะมึงก็ไม่ได้รักเพลินแล้วมึงจะโกรธเค้าทำไม ก็แค่เสียหน้า ก็แค่ถูกหลอก” ที่ไอ้เหนือพูดมาถูกต้องทุกอย่าง ผมไม่ได้รักเพลินเราแค่แลกเปลี่ยนความต้องการทางกายกันเท่านั้น แต่เพลินกลับหลอกว่าเธอรักผม จากนั้นไม่นานเธอก็ขอเงินผมไปลงทุนทำธุรกิจร้านอาหารเล็กๆ กับเพื่อน ผมไม่เดือดร้อนกับเงินที่ผมให้เธอ ผมคิดว่าเป็นเงินที่ผมจ่ายให้เธอเพื่อซื้อความสุขจากเรือนร่างของเธอในช่วงเวลาที่ผมอยู่ที่นี่ยังไงล่ะ ไม่กี่เดือนจากนั้นผมก็เริ่มสงสัยการกระทำของเธอเพราะเธอมาขอเงินผมเพิ่มอีกบอกว่าต้องตกแต่งร้านเพิ่มเติม และเป็นเงินหมุนในร้าน แต่เพราะผมเอะใจเลยแอบตามดูเธอจึงได้รู้ว่าเธอมีผู้ชายอีกคน แล้วเอาเงินผมไปบำเรอไอ้ฝรั่งนั่น วันนั้นผมบอกเลิกเธอแล้วคืนอพาร์ทเม้นท์ของตัวเองย้ายมาอยู่กับไอ้เหนือทันที ผมไม่ได้อกหักแค่รู้สึกอายและเสียหน้าที่เธอหลอกผมมาหลายเดือนต่างหากล่ะ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD