พรุ่งนี้เจอกัน

1464 Words
“ไอ้หัวขโมย ปล่อยเดี๋ยวนี้เลยนะ” ฉันมองยัยเก้าที่กำลังยื้อแย่งกระเป๋าถือของคุณทิวากับผู้ชายคนหนึ่งอยู่ที่โต๊ะของเรา “เก้า! มีอะไร นี่คุณ! กรุณาปล่อยมือจากกระเป๋าใบนี้ด้วยค่ะ” ฉันพยายามเดินผ่านกลุ่มลูกค้าคนอื่นที่กำลังยืนมองยัยเก้าทะเลาะกับผู้ชายคนนั้น แล้วตรงเข้าไปจับกระเป๋าของคุณทิวาดึงออกจากมือของผู้ชายคนนั้นที่ดูเหมือนจะไม่ยอมปล่อยมือจากกระเป๋าของคุณทิวาง่ายๆ มือเขาเหนียวชะมัด มือของเขาทากาวไว้หรือยังไงนะ “ไอ้บ้านี่จะขโมยกระเป๋าพี่ทิวา” ยัยเก้าชี้หน้าผู้ชายคนนั้นทันทีที่เห็นฉัน “มีอะไรหรือเปล่าครับ” ผู้ชายลักษณะเหมือนจะเป็นเจ้าของร้านเดินเข้ามาหาพวกเรา คงเพราะเสียงของยัยเก้าและเสียงของลูกค้าคนอื่นที่ตอนนี้เริ่มพูดคุยถึงพวกเราดังขึ้นแล้ว “ไอ้เหนือ! ปล่อยมือ!” เสียงของคุณคีรีตามมาหลอกหลอนฉันอีกแล้ว ไม่ใช่สิ เขาตามฉันมาจริงๆ แล้วผู้ชายคนนั้นก็ยอมปล่อยมือเมื่อเห็นคุณคีรีเดินเข้ามา “ไม่มีอะไรค่ะ เรื่องเข้าใจผิดนิดหน่อย ขอโทษด้วยนะคะ รบกวนคิดเงินเลยค่ะ” ฉันรีบอธิบายกับเจ้าของร้านเพราะไม่อยากให้เกิดเรื่องขึ้น คุณคีรีกับผู้ชายคนนี้คงรู้จักกันอย่างแน่นอน “ยัยบ้านี่ไม่ยอมฟังที่กูพูดสักนิด กูบอกว่ากูรู้จักพี่ทิวา มาเอากระเป๋าไปให้ แม่งก็บอกกูเป็นขโมย” ผู้ชายคนนั้นพูดกับคุณคีรีอย่างอารมณ์เสีย “ก็มึงเหมือน” คุณคีรีว่าเพื่อนของเขาหน้าตาเฉย “ไอ้เพื่อนเวร มึงเป็นคนให้กูมาเอากระเป๋าพี่ทิวาเองนะโว้ย” เพื่อนคุณคีรีโวยวายอย่างอารมณ์เสีย “เพื่อนคุณคีรีเหรอคะ” ฉันยื่นกระเป๋าของคุณทิวาคืนให้คุณคีรี แต่เขาไม่ยอมรับไว้ “นี่กีรติ เลขาพี่ทิวา ส่วนนี่ไอ้เหนือ เพื่อนผมเอง” คุณคีรีแนะนำพวกเราให้รู้จักกัน คุณเหนือเพื่อนของเขาค้อมศีรษะให้ฉันเล็กน้อย แล้วก็หันไปจ้องเพื่อนฉันอย่างเอาเรื่อง “สวัสดีค่ะคุณเหนือ นี่ยัยเก้า เพื่อนของฉันเองค่ะ นี่คุณคีรีน้องชายของคุณทิวา” ฉันแนะนำยัยเก้าให้ผู้ชายทั้งสองคนตรงหน้าได้รู้จัก ยัยเก้ายิ้มให้คุณคีรีเล็กน้อย แล้วก็หันไปแยกเขี้ยวทำตาขวางใส่คุณเหนือซะอย่างนั้น “เอ่อ ขวัญขอโทษคุณเหนือแทนยัยเก้าด้วยนะคะ” “ขอโทษทำไมยัยขวัญ ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย” “พอแล้วน่ายัยเก้า ขอล่ะ” ยัยเก้ายอมหยุดแต่ก็ยังไม่ยอมเลิกส่งสายตาอาฆาตให้คุณเหนืออยู่ดี คุณเหนือเองก็เช่นกัน ถึงจะไม่พูดแต่ก็รู้ว่าโกรธยัยเก้ามาก “ค่าอาหารหนึ่งพันเก้าร้อยสิบห้าบาทครับ” พนักงานร้านเดินนำบิลค่าอาหารมาส่งให้ฉัน “ไม่ต้องทอน” คุณคีรีวางเงินแบงก์พันสองใบลงบนบิลค่าอาหารแล้วเดินจากไปทันที คุณเหนือเองก็เดินตามเขาออกไปเช่นกัน พนักงานเมื่อได้รับเงินค่าอาหารแล้วก็ค้อมศีรษะให้พวกเราแล้วเดินจากไป “ไปกันเถอะยัยเก้า” ฉันคว้ากระเป๋าของตัวเองแล้วรีบเดินตามคุณคีรีเพื่อนำกระเป๋าของคุณทิวาไปคืน แต่เมื่อมาถึงที่หน้าร้านแล้วหันมองซ้ายขวาก็ไม่พบเขา จึงคิดว่าพรุ่งนี้ค่อยเอากระเป๋าของคุณทิวาไปคืนให้ที่บ้านก็แล้วกัน “มองหาผมอยู่เหรอ” อีกแล้ว เสียงของเขาดังอยู่ที่ด้านหลังของฉันอีกแล้ว แต่คราวนี้ฉันตั้งสติได้ทัน จึงค่อยๆหันหน้าไปหาเขา “ฉันเอากระเป๋าคุณทิวามาคืนค่ะ” ฉันยื่นกระเป๋าให้เขาอีกครั้ง แต่เขาก็ยังไม่ยอมรับมันไปอยู่ดี “ตามผมมา” ฉันหันไปกวักมือเรียกยัยเก้าที่ยืนคอยอยู่ที่หน้าร้านให้มาหาฉัน จากนั้นก็เดินตามคุณคีรีไปที่รถของเขา เขายืนรอเราอยู่ที่รถกระบะสี่ประตูยกสูงสีดำคันใหญ่ที่ติดเครื่องรออยู่ก่อนแล้ว นี่คงเป็นรถที่เขาใช้ทำงานที่ต่างจังหวัดนั่นเอง “คุณทิวาหลับไปแล้วเหรอคะ” ฉันมองเข้าไปในรถก็เห็นคุณทิวาหลับอยู่ ฉันจึงยื่นกระเป๋าคืนให้เขาอีกครั้ง “ขึ้นรถ!” พูดจบเขาก็เดินอ้อมไปยังฝั่งคนขับแล้วขึ้นนั่งบนรถพร้อมกับลดกระจกแล้วมองมาที่พวกเรา “ฉันกลับเองได้ค่ะคุณคีรี” ฉันเปิดประตูรถแล้ววางกระเป๋าของคุณทิวาลงบนเบาะหลังรถของเขา ปิดประตูให้ แล้วเดินจากมา “ว้าย!” ฉันร้องเสียงหลงอย่างตกใจเมื่อถูกดึงแขนจนเซล้มไปกระแทกกับใครบางคน “ผมบอกว่าจะไปส่ง พวกคุณเมาแล้วจะกลับยังไง นี่ก็ดึกมาแล้ว” เป็นคุณคีรีอีกแล้ว นี่เขาถือวิสาสะดึงแขนฉันเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วนะ แล้วฉันซบที่อกเขาเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้ว ความใกล้ชิดแบบนี้ฉันไม่ชินเอาซะเลย “แต่เรากลับกันได้จริงๆนะคะ ฉันไม่อยากรบกวนคุณค่ะ” ฉันดันตัวเองออกจากวงแขนของเขาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขาไม่ยอมปล่อยมือ กลับดึงฉันให้ตามเขากลับไปที่รถของตัวเองซะอย่างนั้น “นี่คุณคีรี ปล่อยฉันนะ” ยิ่งฉันดิ้นมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งกำมือแน่นเท่านั้น “ฉันเจ็บนะคุณ ยัยเก้า ช่วยฉันด้วย” ฉันร้องเรียกเพื่อนที่ดูตกใจไม่แพ้กัน แต่ก็ยอมมาช่วยดึงแขนของฉันอีกข้างไว้ แต่นั่นยิ่งทำให้ฉันเจ็บ คุณคีรีหยุดเดินมองการกระทำของเพื่อนฉันด้วยสีหน้าเรียบเฉย “เก้า ปล่อยมือ ยัยเก้า! ปล่อย! ฉันเจ็บ!” ยัยเก้าที่ดึงแขนฉันอย่างบ้าคลั่งหยุดดึงในที่สุด “คุณคีรีปล่อยพวกเราไปเถอะนะคะ ฉันง่วงมากแล้ว อยากกลับบ้านมากด้วย” ยัยเก้าเดินไปพูดกับคุณคีรีอย่างคนไม่ค่อยมีสติเท่าไหร่นัก “คุณดูสภาพเพื่อนคุณสิ ดูสภาพตัวเองด้วย สภาพอย่างนี้นี่นะจะกลับบ้านกันเอง จะรอดถึงตอนเช้าหรือเปล่าก็ยังไม่รู้ ขึ้นรถ ผมจะไปส่ง” เขาไม่พูดเปล่า แต่ยังดึงฉันให้เดินตาม แล้วเปิดประตูพร้อมกับดันตัวฉันเข้ามาในรถทันที ยัยเก้าเพื่อนผู้ไม่ค่อยจะมีสติก็เดินอ้อมไปขึ้นรถอีกฝั่งแล้วพิงหัวเข้ากับกระจกรถแล้วหลับไปในทันที “คุณห้ามนอนนะ บอกทางผมก่อน ผมไม่รู้จักบ้านคุณ” เขาหันมาพูดกับฉัน หลังจากนั้นก็ขับรถออกไปทันที ฉันไม่ได้นอนและนั่งบอกทางคุณคีรีตามที่เขาสั่งตั้งแต่แรก เพราะดึกมากแล้ว การจราจรจึงเบาบาง ฉันกับเพื่อนจึงถึงคอนโดของฉันในเวลาไม่นาน ตอนแรกตั้งใจจะไปนอนที่คอนโดยัยเก้า ถ้าไปที่นั่นคุณคีรีต้องขับรถอ้อมไปอีกทางเพื่อกลับบ้านของเขา ฉันจึงตัดสินใจกลับคอนโดของตัวเองจะดีกว่า “ขอบคุณที่มาส่งค่ะ” ฉันพยุงเพื่อนที่กึ่งหลับกึ่งตื่นลงจากรถ “พรุ่งนี้เจอกัน” เขาบอก พรุ่งนี้เจอกันอย่างนั้นเหรอ “ขับรถดีๆนะคะ” เขาไม่ตอบฉัน ทำเพียงแค่พยักหน้าแล้วก็ขับรถออกไป พรุ่งนี้เราจะเจอกันได้ยังไง ในเมื่อคุณทิวาจะไปส่งฉันให้ไปทำงานกับเขาในวันอาทิตย์โน้นถึงจะถูก ฉันประคองยัยเก้าผ่านล็อบบี้คอนโด สายตาก็ชำเลืองเห็นนาฬิกาบอกเวลาเที่ยงคืนยี่สิบห้านาที จึงเข้าใจที่เขาพูด เราจะได้พบกันพรุ่งนี้จริงๆ ฉันมีเวลาอยู่ที่เมืองหลวงอีกแค่วันเดียวจริงๆ เหรอเนี่ย ยิ่งคิดยิ่งท้อใจ อีกแค่วันเดียว ฉันก็ต้องไปอยู่ดูแลผู้ชายที่ไม่ชอบฉันคนนั้น คนหน้าตาดีที่เพิ่งมาส่งฉันกับเพื่อนที่คอนโด คนหน้าตาดีอย่างนั้นเหรอ นี่ฉันต้องเพี้ยนไปแล้วแน่นๆ ที่ไปชมเขาแบบนั้น ฉันประคองยัยเก้าที่ไม่ค่อยมีสติมาถึงห้องได้ในที่สุด ‘สวรรค์!’ ฉันจะได้นอนสักที ฉันทิ้งเพื่อนลงบนที่นอนและทิ้งตัวลงนอนข้างๆ เพื่อนและหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD