18.15 น.
กว่าจะฝ่าการจราจรที่แน่นขนัดของกรุงเทพมหานครมาถึงร้านอาหารที่นัดกับยัยเก้าได้เล่นเอาหิวจนท้องร้องไปหมด ดีที่ยัยเก้าเพื่อนสาวคนสวยของฉันมาถึงก่อนและจัดการสั่งอาหารและเครื่องดื่มรอพวกเราแล้ว
“สวัสดีค่ะพี่ทิวา” ยัยเก้าเพื่อนสาวคนสวยของฉันทักทายคุณทิวาอย่างเป็นกันเอง เพราะพวกเรามีโอกาสทานอาหารด้วยกันบ่อยๆ
“สวัสดีค่ะน้องเก้า ไม่เจอไม่กี่เดือนสวยขึ้นหรือเปล่าคะ” คุณทิวาทักทายยัยเก้าอย่างสนิทสนมหลังจากนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามเพื่อนของฉัน
“สวยเป็นปกติอยู่แล้วค่ะพี่ทิวา”
“หลงตัวเองไม่เปลี่ยนเลยนะคะ”
“พี่ทิวาก็ชมเกินไป”
“พี่ทิวาเค้าไม่ได้ชมแกย่ะ ประสาทไม่ดีนะเนี่ย” ฉันว่ายัยเก้าอย่างขำๆ กับท่าทางหลงตัวเองของเพื่อน
“ถ้าประสาทดีจะมีเพื่อนอย่างแกเหรอ” ยัยเก้ารินน้ำเปล่าใส่แก้วที่มีก้อนน้ำแข็งเย็นๆ ส่งให้คุณทิวา จากนั้นก็รินอีกแก้วส่งให้ฉันที่นั่งลงข้างๆตัวเอง
“พี่อยากดื่มเบียร์เย็นๆ สองสาวดื่มเป็นเพื่อนพี่หน่อยนะ” คุณทิวามองโต๊ะตรงข้ามเราที่มีทาวเวอร์เบียร์สดแล้วหันมาบอกสิ่งที่เธอต้องการให้เรารู้
“โอเคค่ะ คืนนี้แกไปนอนห้องฉัน” ยัยเก้าตอบรับคุณทิวาทันควัน พร้อมจัดแจงเรื่องที่พักเสร็จสรรพ
“เออ ตามนั้น” ฉันได้แต่ตอบรับเพื่อนอย่างเต็มใจ
“อ้า! เบียร์กับปีกไก่ทอดเกลือนี่เข้ากันจริงๆเลยนะ” คุณทิวาดูจะพอใจรสชาติกับแกล้มตรงหน้าเอามากๆ เพราะเธอไม่สนใจจะกินข้าวเลยสักนิด เอาแต่นั่งฟังเพลงแล้วก็คุยโน่นนี่กับพวกเราไม่หยุด
“เอ็นไก่ทอดนี่ก็อร่อยนะคะพี่ทิวา เราสองคนสั่งมากินประจำเลยค่ะ” ยัยเก้าตักเอ็นไก่ทอดเมนูโปรดของเราสองคนให้คุณทิวาลองกิน เธอก็หยิบขึ้นกินอย่างเอร็ดอร่อย
“พวกเรากินข้าวด้วยกันก็บ่อย แต่ไม่เคยมานั่นร้านแบบนี้เลยนะ น่าเสียดายชะมัด อีกหน่อยขวัญย้ายไปต่างจังหวัดแล้ว พี่คงไม่ได้มานั่งชิลๆแบบนี้อีกนานเลย”
“พี่ทิวาก็แวะไปหาเราบ่อยๆสิคะ ถ้าพี่ทิวาไปเก้าจะพาทัวร์แถวนั้นให้ทั่วเลยค่ะ ร้านนั่งชิลฟังดนตรีสดเพียบเลย แถมบรรยากาศดีด้วยนะคะ” ยัยเก้าย้ายไปทำงานที่ระยองเกือบจะหนึ่งปีแล้ว ครั้งแรกที่ฉันบอกว่าจะไปทำงานเลขาให้คุณคีรีและต้องประจำอยู่ที่ระยองเป็นส่วนใหญ่ ยัยเก้าก็ดีใจมากที่จะได้พบฉันบ่อยๆ
“แล้วนี่น้องเก้ามาทำธุระที่กรุงเทพเหรอจ๊ะ ทำไมวันนี้ถึงนัดทานข้าวกับของขวัญได้”
“เปล่าค่ะ วันนี้เก้าลางานมาเที่ยวโดยเฉพาะเลยค่ะ อิอิอิ”
“หือ! ผู้บริหารฟังแล้วแอบจี๊ดอยู่นะจ๊ะเนี่ย”
“หยอกๆค่ะพี่ทิวา เก้ามาตรวจสุขภาพประจำปีค่ะ”
“อ้อ จ้า สดชื่นแจ่มใสขนาดนี้ แสดงว่าสุขภาพแข็งแรงดีใช่ไหมจ๊ะ”
“ใช่ค่า แข็งแรงดีมากๆเลยค่ะ” ยัยเก้ายกแขนขึ้นทำท่าเบ่งกล้ามประกอบให้คุณทิวาดูอย่างร่าเริง ทำเอาพวกเราอดที่จะหัวเราะขำกับท่าทางขี้เล่นของยัยเก้าไม่ได้
“นี่ยัยขวัญ แกไปอยู่ทางโน้นก็ทำตัวให้มันดีดีนะโว้ย อย่าสร้างความลำบากให้คุณคีรี”
“ใครจะสร้างความลำบากให้นายทิวกันน้องเก้า มีแต่นายทิวนั่นแหละที่จะสร้างความลำบากให้ของขวัญ”
“อย่าพูดเรื่องงานกันเลยค่ะ วันนี้มากินข้าวกันไม่ใช่เหรอ พวกเรามาดื่มกันเถอะ” ฉันยกแก้วเบียร์ขึ้นชนกับยัยเก้าและคุณทิวา ไม่อยากคิดเรื่องหน้าที่งานในอนาคตว่าจะลำบากหรือสุขสบายขนาดไหน เอาไว้ถึงเวลาค่อยคิดดีกว่า
เรานั่งกินดื่มกันจนล่วงเลยเวลามาถึงห้าทุ่ม คุณทิวาเริ่มมีอาการเมาแล้ว ยัยเก้าก็เช่นกัน ส่วนฉันก็เริ่มมึนๆ วันนี้ฉันคงขับรถไม่ไหวแน่นอน คงต้องฝากรถไว้ที่ร้าน แล้วพรุ่งนี้เช้าค่อยกลับมาเอา ฉันกวาดสายตามองไปรอบๆร้านแล้วก็ต้องสะดุดตากับผู้ชายคนหนึ่ง เขาคล้ายกับคุณคีรีมาก ฉันหลับตาลงแล้วมองไปทางนั้นอีกครั้งภาพก็ยังไม่ชัดเจน ไม่ใช่สิ ไม่มีใครนั่งตรงนั้นแล้วต่างหากล่ะ วันนี้ฉันคงไม่ได้แค่มึนแล้วล่ะ ฉันคงเมาแล้วจริงๆ
“เก้า ไปเข้าห้องน้ำเป็นเพื่อนหน่อยสิ”
“ไปสิ ฉันว่าฉันเริ่มเมาแล้วเหมือนกัน อยากล้างหน้าหน่อย”
“พวกเราไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะคุณทิวา ถ้าคุณทิวาอยากเข้าห้องน้ำเดี๋ยวขวัญกลับมาแล้วจะพาไปนะคะ แล้วเราค่อยกลับบ้านกัน” คุณทิวาไม่พูดแต่ส่งสัญญาณมือบอกว่า ‘โอเค’ ให้ฉันแทน จากนั้นฉันกับยัยเก้าก็เดินตามกันไปเข้าห้องน้ำหญิงที่อยู่ภายในร้าน
หลังออกมาจากห้องน้ำ ฉันก็ไม่พบคุณทิวาที่นั่งรออยู่ที่โต๊ะ หลังจากสอบถามกับพนักงานร้านได้ความว่าเธอออกไปกับผู้ชายตัวสูงหน้าตาดีคนหนึ่ง ฉันรีบต่อสายหาคุณทิวาทันทีอย่างกังวลใจ กลัวว่าเธอจะถูกคนไม่ดีพาตัวไป
“ยัยเก้า แกรอฉันตรงนี้นะ ฉันจะออกไปดูคุณทิวาที่หน้าร้านหน่อย” ฉันรีบตามออกไปดูคุณทิวาที่หน้าร้านทันที พร้อมกับกดโทรศัพท์ติดต่อหาเธออีกทางหนึ่ง เมื่อออกมาถึงหน้าร้านมองหาคุณทิวาทั้งทางด้านซ้ายและขวาก็ไม่พบ ต่อสายโทรศัพท์อยู่นานก็ไม่มีคนรับสายจนฉันเริ่มร้อนรน
“มองหาใครอยู่” เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่คุ้นเคยดังอยู่ด้านหลังทำให้ฉันตกใจรีบหันตามเสียงนั้นทันที แต่เท้าเจ้ากรรมดันพลิกเสียหลักหงายหลังซะได้ ถ้าไม่ได้เจ้าของเสียงนั้นโอบประคองไว้ฉันคงล้มลงไปกองกับพื้นแล้วอย่างแน่นอน
“คุณคีรี” ดวงตาของฉันเบิกกว้างอย่างตกใจ ทั้งตกใจที่กำลังจะหงายหลังล้ม และตกใจที่รู้ว่าตัวเองกำลังเอนกายอยู่ภายในวงแขนของใครคนหนึ่ง ฉันมองเห็นหน้าเจ้าของวงแขนแข็งแรงนี่ได้อย่างชัดเจน คือเขา เขาอยู่ที่นี่จริงๆ ฉันไม่ได้ตาฝาด
“ใช่ ผมเอง”
“เอ่อ ขอบคุณค่ะ” ฉันรีบดันตัวออกจากวงแขนของเขา ฉันไม่คุ้นกับการถูกผู้ชายโอบประคองแบบนี้
“ไม่เป็นไร” เขาตอบพร้อมกับมองฉันด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“จริงสิ คุณเห็นคุณทิวาหรือเปล่าคะ พอดีเราทานข้าวอยู่ด้วยกัน แล้วฉันกับเพื่อนไปเข้าห้องน้ำ ออกมาอีกทีคุณทิวาก็ไม่อยู่ที่โต๊ะแล้ว ฉันถามพนักงานร้าน ก็บอกว่าออกไปกับผู้ชายคนหนึ่ง เธอออกมากับคุณหรือเปล่าคะ” ฉันมองหน้าเขา พยายามใจเย็นอย่างที่สุดเพื่อไม่ให้ตัวเองต้องสื่อสารผิดพลาด
“ใช่ พวกคุณเสร็จหรือยัง เราจะได้กลับสักที” เราอย่างนั้นเหรอ หมายความว่ายังไง เรานี่รวมฉันกับยัยเก้าเข้าไปด้วยหรือเปล่า ฉันคิดว่าไม่น่าจะใช่นะ
“เรา เอ่อ ถ้าคุณทิวาอยู่กับคุณ ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ” ฉันหมุนตัวจากมาทันที คุณทิวาอยู่กับน้องชายของเธอแล้ว ไม่มีปัญหาอะไร ที่เหลือคือพายัยเก้ากลับบ้านก็แค่นั้น
“เดี๋ยว” ฉันได้ยินเสียงของคุณคีรีพร้อมกับแขนของฉันได้ถูกเขาดึงเขาหาตัวเอง
“ว้าย!” ฉันหลับตากลัวว่าตัวเองจะเสียหลักและล้มไปกองกับพื้น แต่สิ่งที่ฉันรู้สึกคือฉันถูกดึงแขนจนหน้าฉันกระแทกเข้ากับหน้าอกของเขาเต็มๆ
“ผมจะไปส่ง” ฉันได้ยินเสียงเขาดังมาจากด้านบนหัวของฉัน นี่ฉันมึนจากอาการเมาหรือมึนจากแรงกระแทกเมื่อครู่กันแน่ ฉันฟังอะไรผิดไปหรือเปล่า คุณคีรีบอกว่าจะไปส่งฉันอย่างนั้นเหรอ ฉันดันตัวออกจากหน้าอกของเขา รู้สึกได้ว่ามือทั้งสองข้างสัมผัสโดนกล้ามหน้าอกอันแข็งแรงของผู้ชายจริงๆ ฉันรีบถอยออกห่างจากเขาเพราะรู้สึกประหม่าจากความใกล้ชิดกับเขาขนาดนี้เป็นครั้งแรก และทำตัวไม่ถูก
“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณนะคะ วันนี้ฉันมากับเพื่อน เพื่อนฉันเมาแล้วฉันต้องไปส่งเธอ ฉันขอตัวก่อนนะคะ” ฉันไม่รอให้เขาดึงแขนฉันเป็นครั้งที่สอง ฉันรีบกลับไปที่โต๊ะของตัวเอง แล้วก็พบว่ายัยเก้ากำลังมีเรื่องกับผู้ชายคนหนึ่งอยู่