เสี้ยววินาทีและสิ่งที่ต้องทิ้งไว้

1415 Words
เสียงไซเรนความถี่ต่ำยังคงสั่นสะเทือนไปถึงกระดูกสันหลัง เสียงโลหะบดกับหินที่ดังสนั่นหวั่นไหวคือเสียงแห่งการสิ้นสุดความหวัง ประตูนิรภัยมหึมากำลังเลื่อนลงมา ปิดตายเส้นทางเดียวสู่โลกเบื้องบนที่พวกเขาเดิมพันด้วยทุกสิ่ง ความตื่นตระหนกแช่แข็งพวกเขาทั้งห้าไว้ได้เพียงชั่วลมหายใจ สัญชาตญาณการเอาตัวรอดก็เข้าครอบงำ ไม่มีเวลาให้วางแผน ไม่มีเวลาให้ปรึกษา มีเพียงการกระทำเท่านั้น “ทางนี้!” ลีโอตะโกนเสียงดังแข่งกับเสียงกึกก้อง เขาคือคนแรกที่ได้สติกลับคืนมา ในแสงสีแดงฉุกเฉินที่กะพริบไปมา ดวงตาของเขาสังเกตเห็นคานเหล็กซ่อมบำรุงขนาดใหญ่ที่พิงอยู่กับผนังอุโมงค์ มันถูกทิ้งไว้ที่นั่นมานานจนสนิมเกรอะกรัง แต่ในวินาทีนี้ มันคือความหวังเดียวของพวกเขา ไม่รอช้า พี่ใหญ่ของกลุ่มใช้พละกำลังทั้งหมดที่เหนือกว่าคนอื่น พุ่งเข้าไปยกคานเหล็กขึ้นมาด้วยเสียงคำรามในลำคอ กล้ามเนื้อทุกมัดบนร่างกายของเขาปูดโปนขึ้นภายใต้เสื้อผ้า ลีโอวิ่งตรงไปยังประตูที่กำลังเลื่อนลงมา และในจังหวะที่มันเกือบจะบดขยี้เขา เขาก็สอดปลายคานเหล็กเข้าไปในช่องว่างระหว่างขอบประตูกับพื้นหินได้สำเร็จ! ตูม! เสียงโลหะปะทะกันดังกึ่งก้อง ประตูนิรภัยที่หนักหลายสิบตันกระแทกลงบนคานเหล็กอย่างแรงจนเกิดประกายไฟ คานเหล็กบิดงอในทันที ส่งเสียงลั่นเอี๊ยดอ๊าดราวกับจะแหลกสลายในไม่ช้า แต่มันก็ได้ผล... การเคลื่อนที่ของประตูชะงักงันลง มันไม่ได้หยุดสนิท แต่ช้าลงอย่างเห็นได้ชัด ซื้อเวลาอันมีค่าให้พวกเขาได้อีกไม่กี่อึดใจ “เร็วเข้า! มันจะพังแล้ว!” ลีโอตะโกนเตือน ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวด้วยความพยายามอย่างสุดกำลัง ท่ามกลางความโกลาหลนั้นเอง ดีแลนผู้มีไหวพริบก็ตะโกนขึ้นมาแข่งกับเสียงอึกทึก “บนประตู! นั่นไง! ช่องระบายอากาศ!” ทุกคนมองตามที่เขาชี้ บนบานประตูเหล็กกล้าที่ดูทึบตันนั้น มีช่องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ที่ถูกปิดด้วยตะแกรงเหล็กผุๆ อยู่ช่องหนึ่ง มันอาจเป็นช่องสำหรับซ่อมบำรุงหรือระบายแรงดันในอดีต แต่ตอนนี้มันคือทางรอดเพียงหนึ่งเดียว “เอวา! ไปก่อน!” เอเดนตะโกนสั่ง เอวาวิ่งพรวดไปที่ประตูทันที เธอไม่ลังเลเลยสักนิด ดีแลนกับเอเดนช่วยกันดึงตะแกรงเหล็กที่ผุกร่อนออกอย่างแรงจนบาดมือ ก่อนจะดันเอวาให้มุดผ่านช่องที่คับแคบและมืดมิดนั้นเข้าไป “ไอ! เธอต่อเลย!” ลีโอตะโกนอีกครั้ง ร่างกายของเขาสั่นสะท้านจากแรงกดมหาศาล คานเหล็กเริ่มโค้งงอมากขึ้นทุกขณะ ไอเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและเงียบเชียบ เธอแทรกตัวผ่านช่องนั้นไปได้อย่างคล่องแคล่ว ตามมาด้วยดีแลนที่เบียดตัวเข้าไปอย่างทุลักทุเล ตอนนี้เหลือเพียงเอเดนและลีโอ “เอเดน! รีบไป!” เอเดนมุดตัวเข้าไปในช่อง แต่แล้วกระเป๋าเป้ใบใหญ่ของเขาก็ติดเข้ากับขอบช่องอย่างจัง “บ้าจริง!” เขาสบถ พยายามดึงและขยับตัว แต่ก็ไม่เป็นผล “ถอดกระเป๋าออก!” ลีโอคำราม เอเดนพยายามจะปลดสายสะพาย แต่ด้วยความรีบร้อนและพื้นที่ที่จำกัด ทำให้มันติดขัดไปหมด เสียงคานเหล็กใต้ประตูเริ่มส่งเสียงปริแตกราวกับกระดูกที่กำลังจะหัก เคร้ง! ลีโอมองลงไปเห็นรอยร้าวปรากฏขึ้นบนคานเหล็กแล้ว เขาเหลือบมองเพื่อนที่ติดอยู่ตรงหน้า สลับกับความมืดมิดในอุโมงค์เบื้องหลังที่หมายถึงความล้มเหลวโดยสิ้นเชิง การตัดสินใจเกิดขึ้นในเสี้ยววินาที... แต่ไม่ใช่การตัดสินใจของเอเดน “ถอยไป เอเดน!” ลีโอผลักเอเดนอย่างแรงจนหลุดออกจากช่องเข้าไปอีกฝั่งหนึ่งได้สำเร็จ ตอนนี้เหลือเพียงเขาคนเดียวกับประตูที่กำลังจะปิดตาย เขามีเวลาไม่ถึงสามวินาที กระเป๋าเป้ของเขาก็ใหญ่เกินกว่าจะผ่านไปได้เช่นกัน แต่ลีโอไม่ได้เสียเวลาคิด เขาทำในสิ่งที่ต้องทำ เขาชักมีดพกที่เหน็บอยู่ข้างเอวออกมา แล้วฟันฉับลงไปบนสายสะพายเป้ของตัวเองอย่างแรงครั้งแล้วครั้งเล่า! ฉึ่ก! ฉึ่ก! สายสะพายที่เหนียวแน่นขาดสะบั้นออกจากกัน กระเป๋าเป้ที่บรรจุความหวังและเสบียงส่วนสำคัญที่สุดร่วงหล่นลงสู่พื้นหินด้านนอก... ด้านที่พวกเขาไม่มีวันได้กลับไปเหยียบอีก วินาทีเดียวกันนั้นเอง ลีโอก็พุ่งตัวลอดผ่านช่องระบายอากาศเข้าไปได้อย่างฉิวเฉียด เปรี้ยง! โครม! สิ้นเสียงร่างของเขาที่กระแทกลงบนพื้นอีกฝั่งหนึ่ง คานเหล็กที่ใช้ค้ำยันก็แหลกเป็นชิ้นๆ ทนรับน้ำหนักต่อไปไม่ไหว ประตูนิรภัยมหึมาก็กระแทกลงบนพื้นหินอย่างรุนแรงจนแผ่นดินสั่นสะเทือน เสียงกัมปนาทสุดท้ายนั้นดังก้องไปในความมืด เป็นเหมือนเสียงปิดฉากชีวิตเก่าและปิดตายทางกลับบ้านของพวกเขาไปตลอดกาล แล้วทุกอย่างก็เงียบสงัด... ความเงียบที่น่าอึดอัดเข้าครอบคลุม มีเพียงเสียงหอบหายใจของคนทั้งห้าที่ดังสะท้อนอยู่ในอุโมงค์ที่มืดสนิท แสงฉุกเฉินสีแดงได้ดับไปพร้อมกับประตูที่ปิดลง ทิ้งไว้เพียงความมืดมิดสมบูรณ์แบบที่มองไม่เห็นแม้แต่มือของตัวเอง “ทุกคน... ปลอดภัยนะ?” เสียงของเอเดนดังขึ้น ทำลายความเงียบ เสียงตอบรับที่แสดงว่ายังมีชีวิตอยู่ดังกลับมาเบาๆ จากรอบทิศทาง คลิก! แสงไฟจากตะเกียงฉายบนศีรษะของลีโอสว่างวาบขึ้นเป็นคนแรก ตามมาด้วยของคนอื่นๆ ลำแสงห้าสายกวาดไปมาในความมืด เผยให้เห็นอุโมงค์หินทรงกลมที่ทอดยาวไปข้างหน้า และบานประตูเหล็กกล้าที่ปิดสนิทอยู่เบื้องหลัง ความโล่งใจที่รอดชีวิตมาได้ฉายชัดบนใบหน้าของทุกคน “เราทำได้... เราทำได้จริงๆ!” ดีแลนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่อยากจะเชื่อ เขาทรุดตัวลงนั่งกับพื้นอย่างหมดแรง แต่ความดีใจคงอยู่ได้ไม่นาน เอวาเป็นคนแรกที่สังเกตเห็น “พี่ลีโอ... กระเป๋าของพี่ล่ะ?” ทุกคนหันไปมองลีโอที่ยืนพิงผนังถ้ำอยู่เงียบๆ แผ่นหลังของเขาว่างเปล่า ลีโอถอนหายใจยาว “มันติด... ฉันต้องทิ้งมันไป” “อะไรนะ!” เอเดนเบิกตากว้าง “แต่ว่าในนั้นมัน...” “ฉันรู้” ลีโอพูดขัดขึ้น เสียงของเขาหนักอึ้ง “อาหารเกือบครึ่งหนึ่ง... และที่สำคัญกว่านั้น... แบตเตอรี่สำรองทั้งหมดอยู่ในนั้น” คำพูดของเขาทำให้บรรยากาศที่เพิ่งจะผ่อนคลายกลับมาตึงเครียดอีกครั้ง ทุกคนรีบสำรวจกระเป๋าของตัวเอง พวกเขายังมีอาหารเหลืออยู่พอประทังชีวิตได้ไม่นานนัก แต่ปัญหาที่ใหญ่กว่าคือพลังงาน แบตเตอรี่ที่อยู่ในอุปกรณ์แต่ละชิ้นคือพลังงานก้อนสุดท้ายที่พวกเขามี มันคือชีวิต คือแสงสว่าง คือเครื่องกรองน้ำ เมื่อไหร่ที่มันหมดลง พวกเขาก็จะไม่ต่างอะไรจากคนที่หลงทางอยู่ในความมืดมิดที่ไร้ที่สิ้นสุด การเดินทางของพวกเขาเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นไม่ถึงสิบนาที แต่ดูเหมือนว่ามันจะยากลำบากและสิ้นหวังกว่าที่เคยจินตนาการไว้หลายเท่าตัว เอเดนกลืนน้ำลายที่ฝืดเฝื่อนลงคอ เขารู้สึกผิดที่ตัวเองเกือบจะเป็นคนที่ต้องทิ้งกระเป๋าไป เขาส่องไฟฉายไปเบื้องหน้าเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศที่น่าอึดอัด แต่สิ่งที่เขาเห็นกลับทำให้ทุกคนลืมเรื่องเสบียงไปชั่วขณะ อุโมงค์ที่พวกเขาอยู่นั้นไม่ได้ทอดยาวไปไกลนัก มันสิ้นสุดลงที่ระเบียงหินที่เปิดออกสู่ความว่างเปล่าอันไกลโพ้น และสิ่งที่เชื่อมต่อระหว่างระเบียงหินนี้กับอีกฟากฝั่งหนึ่งซึ่งอยู่ไกลออกไปในความมืด... คือสะพานแขวนโบราณที่ทำจากโลหะและไม้ที่ผุพังจนดูไม่น่าไว้วางใจ มันทอดตัวยาวเหยียดข้ามหุบเหวใต้ดินที่มืดสนิทจนมองไม่เห็นก้นบึ้ง มีเพียงเสียงลมที่พัดหวีดหวิวขึ้นมาจากเบื้องล่างเป็นเครื่องยืนยันถึงความลึกของมัน ประตูนิรภัยได้ปิดตายทางกลับ แต่เส้นทางข้างหน้าก็ดูเหมือนจะเป็นการเดินทางไปสู่ความตายเช่นกัน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD