“เห็นเด็กบอกว่าเมื่อคืนหนูอัยย์โดนเศษจานบาดมือเหรอจ๊ะ”
กวางถามลูกเลี้ยงสาวด้วยความห่วงใยระหว่างนั่งรอเกียร์ลงมากินข้าวเช้าพร้อมกัน ตอนที่อัยย์นำเศษจานและเค้กลงมาทิ้งที่ห้องครัว เธอพบกับแม่บ้านคนหนึ่ง อีกฝ่ายจึงช่วยทำแผล แล้วรายงานเรื่องนี้กับกวางในเช้าวันนี้
“ใช่ค่ะ อัยย์เอาเค้กขึ้นไปกินบนห้องแต่เผลอทำจานแตกค่ะ ขอโทษด้วยนะคะที่ทำอะไรไม่เรียบร้อย” อัยย์เก็บความผิดทั้งหมดมาไว้ที่ตัวเอง กวางส่ายหน้า
“น้าเป็นห่วงหนูจ้ะที่หนูต้องเจ็บตัว วันหลังให้แม่บ้านเก็บให้นะจ๊ะ” กวางบอกอัยย์ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน อัยย์รับคำเสียงแผ่ว
“อีกเดือนกว่าๆ ก็จะถึงวันเกิดของเกียร์เหมือนกันนี่ เกียร์ได้บอกคุณหรือยังว่าอยากจัดงานที่ไหน” ทักษ์ที่นั่งหัวโต๊ะถามกวางเรื่องงานวันเกิดของลูกเลี้ยงหนุ่มที่ตอนนี้ยังไม่ลงมาที่ห้องรับประทานอาหาร
“ยังเลยค่ะ” กวางทำหน้ากลุ้มใจ “สงสัยคงจะเหมือนทุกๆ ปีนั่นแหละค่ะ”
อัยย์เม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่น เป็นความผิดของเธอที่ทำให้เกียร์ไม่จัดงานวันเกิดอีกตั้งแต่เกิดเรื่องเมื่อสามปีก่อน ดาด้าบอกเลิกเกียร์อย่างเด็ดขาด ไม่ว่าเกียร์จะพยายามแก้ตัวแค่ไหนดาด้าก็ไม่ยอมรับฟัง ดาด้ายังหันไปคบกับตังค์ที่คอยดูแลดาด้าจนทำให้เกียร์ยิ่งช้ำใจด้วย
เกียร์เสียใจมาก ดาด้าเป็นรักแรกของเกียร์ทำให้เกียร์ทุ่มเททุกอย่างให้กับดาด้าและยังไม่ลืมอีกฝ่ายจนถึงทุกวันนี้ เขาไม่จัดงานวันเกิดอีกเพราะมันทำให้เขาคิดถึงเหตุการณ์ที่เขาทำผิดต่อดาด้า
“เกือบสามปีแล้วสินะ” ทักษ์ถอนหายใจ กวางมีสีหน้าย่ำแย่ไม่ต่างจากสามี กวางและทักษ์รู้แค่เพียงว่าเกียร์เลิกกับดาด้าในงานวันเกิดของเกียร์ จึงทำให้เกียร์ไม่เลี้ยงฉลองวันเกิดของตัวเองอีก แต่พวกเขาไม่รับรู้สาเหตุที่แท้จริงระหว่างลูกทั้งสองของเขา ความสัมพันธ์ลึกซึ้งต้องห้ามที่ถูกเก็บเป็นความลับเอาไว้
ดาด้าบอกคนอื่นแค่ว่าเกียร์มีคนอื่นจึงขอเลิกกับเขา แต่ไม่มีใครรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นคือใคร มีแค่อัยย์ที่รู้อยู่แก่ใจและรู้สึกผิดจนถึงทุกวันนี้
“เอาเถอะ ผมเชื่อว่าสักวันเกียร์จะทำใจได้เอง” ทักษ์ปลอบกวางเหมือนกับทุกๆ ปี อัยย์ได้แต่นั่งเงียบ ก้มมองมือทั้งสองข้างของตัวเองที่บีบเข้าหากัน
เกียร์ก้าวเข้ามาในห้องกินข้าวหลังจากที่ทุกคนพูดคุยกันจบไม่นาน เขานั่งข้างๆ กวางที่นั่งถัดจากทักษ์ทางฝั่งซ้ายมือ ส่วนอัยย์นั่งทางฝั่งขวามือของบิดา
“ผมเจรจากับทางฮ่องกงเรียบร้อยแล้วนะครับคุณลุง อาทิตย์หน้าจะเซ็นสัญญากันครับ” เกียร์รายงานความคืบหน้างานในบริษัทให้ทักษ์ฟังระหว่างที่กินอาหาร ตอนนี้แม้เกียร์จะอยู่ในช่วงฝึกงาน แต่เขาได้ทำงานเหมือนกับผู้บริหารตัวจริงหลายอย่าง เพียงแต่ยังไม่ประกาศอย่างเป็นทางการเท่านั้น
“ขอบใจมากนะเกียร์” ทักษ์รับฟังอย่างพอใจ เขาส่งยิ้มให้ลูกเลี้ยงคนเก่งที่ยื่นมือมาช่วยเขาดูแลธุรกิจในวันที่สุขภาพของเขาทรุดโทรม
ก่อนหน้านี้เกียร์ทำงานอยู่กับตาที่อู่ซ่อมรถเล็กๆ แถวชานเมือง แม้ว่ากวางจะชวนทั้งสองมาอยู่กับทักษ์ที่ยินดีต้อนรับคนทั้งคู่ แต่ตาของเกียร์พอใจที่จะอยู่ที่เดิมทำให้เกียร์เลือกที่จะอยู่ดูแลชายชรา จนกระทั่งสามปีที่แล้ว หลังจากเกิดเรื่องในวันเกิดของเขาไม่นาน ตาของเกียร์จากไปด้วยโรคชรา ในช่วงที่ทักษ์ล้มป่วยหนักด้วยโรคหัวใจ ทักษ์จึงขอให้เกียร์มาช่วยดูแลธุรกิจให้ทักษ์และย้ายมาอยู่ด้วยกัน เกียร์ตกลงเพราะเห็นแก่บุญคุณที่ทักษ์ช่วยส่งเสียเขาและดูแลตาของเขาเป็นอย่างดี
ตอนนั้นเกียร์อยู่ปี 2 คณะวิศวะของมหาวิทยาลัยของรัฐ เขาตัดสินใจย้ายมาเรียนคณะบริหารธุรกิจมหาวิทยาลัยเอกชนที่เจ้าของเป็นเพื่อนกับทักษ์ซึ่งก็คือ บิดาของเสือ เกียร์เรียนจบช้าไปหนึ่งปี แม้พ่อของเสือจะช่วยเหลือให้เกียร์ใช้การทำงานตัดเกรดในหลายวิชาเป็นกรณีพิเศษ
“แบบนี้ค่อยเบาใจหน่อยนะคะคุณ” กวางพูดกับทักษ์ ก่อนจะมองหน้าเกียร์กับอัยย์ “น้ากับคุณทักษ์มีแพลนจะไปยุโรปเดือนหนึ่งจ้ะ จะเดินทางอาทิตย์หน้า กะทันหันไปหน่อย แต่ฝากเกียร์ดูแลน้องอัยย์ด้วยนะลูก”
กวางฝากฝังบุตรชายในท้ายประโยคอย่างไว้วางใจ ทักษ์ก็เหมือนกัน ในสายตาของทั้งสองเกียร์และอัยย์เข้ากันได้ดีตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้รู้จักกัน ทั้งยังรักใคร่สนิทสนมเหมือนกับพี่น้องจริงๆ ทำให้พวกเขาเบาใจที่ทั้งสองเข้ากันได้ดี
เมื่อก่อนมันเคยเป็นแบบนั้น แต่ตอนนี้อัยย์กับเกียร์ต่างรู้ดีว่ามันไม่ใช่แล้ว
อัยย์สบตากับเกียร์ วูบแรกสายตาของเขาเย็นชาจนคนมองหนาวไปถึงหัวใจ แต่แค่ไม่นานเกียร์ก็คลี่ยิ้มอบอุ่น
“ได้สิครับ ผมจะดูแลน้องอัยย์อย่างดี” เกียร์ตอบรับด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แววตาของเขานุ่มนวลจนกวางและทักษ์ต่างยิ่งสบายใจ มีแค่อัยย์ที่หวาดหวั่นรอยยิ้มนั้น รวมถึงคำว่าดูแลที่ออกมาจากปากของเกียร์