ตอนที่ 2... ความสัมพันธ์

3359 Words
พัทธิราลืมตาขึ้นมา หลังจากรู้สึกตัวตื่นและวาดขาเพื่อก่ายหมอนข้าง แต่เกิดความปวดเมื่อยร่างกาย เหมือนเพิ่งวิ่งออกกำลังกาย หลังจากไม่ได้วิ่งมานาน “คิดว่าจะนอนจนถึงปีหน้า” “คุณ!” เธอตกใจที่หันมาเจอเขานั่งอยู่ข้างเตียง เขา... คนที่น่าจะเป็นคนสั่งให้ลูกน้องจับเธอมาที่นี่ “ฉันอยู่ที่ไหน” “ฉันอยู่ที่ไหน คุณเป็นใคร จับฉันมาทำไม... มีคำถามที่มันสร้างสรรค์กว่านี้ไหม” ลูคัสอ่านใจเธอออกอย่างทะลุปรุโปร่ง “...แล้วจะให้ฉันถามอะไรล่ะ” “เมื่อวานไม่เห็นปากเก่งแบบนี้ เอาแต่นั่งตัวสั่น น้ำตาคลอ” “คุณจับฉันมาเรียกค่าไถ่หรือเปล่า ฉันไม่มีเงินนะ ครอบครัวฉันก็ไม่มี” พัทธิราจำได้ว่าตลอดทางที่มาถึงที่นี่ เธอกลัวจนทำอะไรไม่ถูก ได้แต่นั่งเงียบๆ และสวดมนต์ขอให้เธอรอดพ้นออกไปได้ เธอจะไม่เอาเรื่องใครเลย เธอจะไม่เอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงกับอำนาจมืดและคนที่แสนน่ากลัวอย่างเขาแน่นอน “ตกลงมีครอบครัว... หรือไม่มี” เขาโชว์รูปภาพใบเดิมกับเมื่อคืนให้เธอดู “...ฉันรู้จัก” “แล้ว?” “ก็... อย่ายิงฉันนะ!” เธอยกมือไหว้เขา เมื่อเขาหยิบปืนมาวางบนเตียง “ฉันจะเป็นคนตัดสินใจเอง ว่าฉันจะยิงหรือไม่ยิง ไม่ใช่เธอ” “ฉันรู้จัก... เค้าเป็นลูกสาวของพ่อฉัน แต่คนละแม่” พัทธิราตอบด้วยความเร็วติดจรวด เกิดมาไม่เคยเห็นกระบอกปืนใกล้ๆ แบบนี้ ถามทางออกของกระสุนยังหันเข้าหน้าของเธอเต็มๆ อะไรที่ทำให้ตัวเองรอดตายได้ เธอจะยินดีทำทุกอย่าง “แล้วคนนี้?” ลูคัสหยิบรูปของผู้กองดิน หรือ ผู้กองปฐพีให้พัทธิราดูบ้าง นายตำรวจคนนี้คือคนที่ทำให้งานของเขาต้องสะดุด เขาเห็นเธออึ้งกับใบหน้านี้เล็กน้อย ดวงตาเธอสั่นเครือ แต่ก็เพียงแค่เสี้ยววินาทีเดียวเท่านั้น “รู้จัก เป็นแฟนของคนเมื่อกี้” “อาบน้ำ แต่งตัว แล้วไปหาฉันที่ห้อง” ลูคัสได้คำตอบที่ต้องการก็เดินออกจากห้องไป “ห้องอะไรคะ... คุณ... คุณ!” เธอตะโกนถามเขา และเหมือนว่าเขาจะได้ยิน แต่ไม่ใส่ใจ เธอลุกไปเข้าห้องน้ำ มองตัวเองในกระจกก็แปลงใจที่มีรอยแดงเป็นจ้ำๆ ทั่วเนินอก ที่ต้นคอก็มี แต่ก็หาคำตอบไม่ได้ว่าเธอไปโดนอะไรมา ส่วนความรู้สึกเจ็บที่หว่างขาเมื่อตอนตื่นนอนก็ลดน้อยลง เธอส่องกระจกไปมา หมุนซ้าย หมุนขวา มองด้านและด้านหลังอย่างหาคำตอบ จะแพ้แมลงหรือฝุ่นก็ไม่น่าใช่ เพราะร่างกายเธอไม่ได้บอบบางขนาดนั้น “ฉันจะอาบน้ำให้เธอเอง...” อยู่ๆ คำพูดนี้ก็ผุดเข้ามาในหัว รู้สึกว่าได้ยินเมื่อไม่นานมานี้ แต่ก็ไม่มั่นใจ เธอจำได้ว่าก่อนที่เธอจะถูกจับตัวมาที่นี่ เธอเพิ่งกลับจากดูหนังรอบดึกกับเพื่อน เมื่อส่งเพื่อนถึงบ้าน เธอก็ขับรถมาที่บ้านของตัวเอง เธอเข้าไปในบ้าน เปิดไฟตามความเคยชิน แต่ทุกอย่างไม่เหมือนเดิม เมื่อมีผู้ชายท่าทางน่ากลัวสองคน นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นของเธอ พวกเขาไม่มีท่าทางตกใจ ที่เธอเข้ามา เหมือนว่ากำลังรอเธออยู่ และยังไม่ทันที่เธอจะพูดอะไร มีดแหลมเล่มหนึ่งก็จ่อเข้าที่คอของเธอ พร้อมกับคำขู่จะเอาชีวิต หากเธอไม่ยอมไปกับพวกเขา แน่นอนว่าสิ่งแรกที่เธอทำคือการสู้ เธอตะโกนเสียงดังขอความช่วยเหลือจากใครก็ตามที่อาจจะได้ยินเสียงนี้ แต่นั่นคือวินาทีสุดท้ายที่มีเสียงออกมากจากปากของเธอ ชายสองคนนั้นปิดปาก มัดมือ และปิดตาเธอเอาไว้ มีเพียงหูเท่านั้นที่รับรู้ว่าเสียงเครื่องยนต์ของรถ กำลังพาเธอไปที่ไหนสักที่ เธอถูกเปิดตาและเปิดปากให้คุยกับผู้ชายคนเมื่อกี้ ซึ่งแน่นอนว่าเขาจะต้องเป็นหัวหน้าของคนที่จับตัวเธอมา เพราะรัศมีของความอำมหิตของเขาโดดเด่นกว่าใคร และสิ่งสุดท้ายที่จำได้คือการนั่งคุยกับเขาบนโซฟาที่ห้องนั่งเล่นและ... “เสร็จหรือยัง นายรออยู่” “จะเสร็จแล้วค่ะ” พัทธิราได้ยินเสียงเร่งดังมาจากนอกห้อง ก็สะบัดหน้าไปมาเพื่อลบความสงสัยต่างๆ ไป ตอนนี้อาบน้ำก่อนจะดีกว่า เพราะคิดถึงกระบอกปืนที่วางใกล้ตัวแล้วก็ขนลุกซู่ขึ้นมาเหมือนในห้องน้ำมีหิมะตก “เอ่อ...” พัทธิราแง้มประตูออกมา หลังจากแต่งตัวด้วยชุดเดิมที่เธอใส่เมื่อวาน แต่มันถูกซักจนหอมสะอาดแล้ว “ตามผมมา” ยังไม่ทันที่เธอจะได้ถามในสิ่งที่สงสัย คนที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูก็ตอบทุกอย่างหมดแล้ว เธอเดินตามเขาไปด้วยความกลัว กลัวสายตาของผู้ชายทุกคนที่เธอเดินผ่าน เธอพยายามมองไปรอบๆ บริเวณที่มีคนอยู่หลายสิบคน เพื่อจะมีทางหนีทีรอด บริเวณนี้เป็นห้องโถงขนาดใหญ่ เหมือนห้องประชุมในโรงแรม ตกแต่งเรียบๆ สบายตา และเย็นฉ่ำด้วยความเย็นจากเครื่องปรับอากาศ มีมุมวางทีวีขนาดใหญ่ พร้อมด้วยโซฟา เก้าอี้ และโต๊ะทานอาหารหลายๆ โต๊ะ เหมือนศูนย์อาหารในห้องสรรพสินค้า มีโต๊ะปิงปองสองโต๊ะ มีบาร์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์เหมือนในผับ แต่ยังไม่ทันจะได้มองจนครบถ้วน ก็ตัดสินใจกลับมาเดินมองเท้าของคนข้างหน้า เพราะสู้สายตาของคนเหล่านั้นไม่ไหว “เชิญ” ผู้นำทางหยุดเดินที่หน้าประตูห้อง ซึ่งแยกตัวออกจากห้องโถงเมื่อสักครู่อย่างเป็นส่วนตัว “เข้าไปเลยเหรอคะ” พัทธิราถามเพื่อความแน่ใจ เธอต้องเคาะประตูก่อนหรือเปล่า เธอกลัวว่าถ้าทำตัวไม่มีมารยาท แล้วจะโดนยิงแล้วตายเป็นศพไร้ญาติอยู่ที่นี่ “...ขอบคุณค่ะ” เธอไม่ได้คำตอบอะไรอีกตามเคย แต่คนนำทางก็เปิดประตูให้เธอเดินเข้าไป “กินสิ” เมื่อเดินเข้ามาในห้อง เขาก็ชี้ไปที่โต๊ะเล็กๆ ที่มีอาหารวางอยู่ “กินไป ถ้าไม่อยากตาย” เจ้าของห้องบอกพร้อมกับยกขายาวๆ มาวางบนโต๊ะทำงาน “ค่ะ” พัทธิราทำตามที่เขาบอก ถ้าจะตาย ก็ขอกินให้อิ่มก่อนตายแล้วกัน เพราะกว่าจะมีคนรู้ว่าเธอตาย กว่าจะมีคนทำบุญมาให้อาจจะนาน “อยากกลับบ้านไหม” ลูคัสนั่งมองเธอเอาข้าวเข้าปากคำแรกเสร็จก็เอ่ยถาม “ค่ะ” เธอพยักหน้าตอบ “งั้นเล่าความสัมพันธ์ของน้องสาวเธอ แฟนของน้องสาวเธอ แล้วก็เธอให้ฉันฟังหน่อย” “เค้าก็เป็นแฟนกัน ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉัน” “แล้วนี่คืออะไร?” ลูคัสเดินมานั่งตรงข้ามกับเธอ พร้อมกับรูปคู่ของเธอกับนายตัวรวจคนนั้น “เอาโทรศัพท์ฉันมานะ!” พัทธิราเอื้อมมือจะคว้าโทรศัพท์ แต่อีกฝ่ายก็หลบหลีกได้ทัน “นั่ง!” เขาสั่งเธอเสียงดัง จนเธอต้องหย่อนก้นลงที่เดิมโดยไม่มีข้อแม้ “ทำไมฉันต้องเล่าด้วย” “ฉันจะได้ตัดสินใจ ว่าจะส่งเธอกลับบ้านหรือให้เธออยู่ที่นี่ต่อดี ก็อย่างที่เธอรู้นั่นแหละ ผู้กอง... ชื่ออะไรนะ” เขาทำเป็นคิดไม่ออก “ผู้กองปฐพี” “ชื่อเล่นชื่ออะไร” “ดิน” “ก็อย่างที่เธอรู้นั่นแหละ ผู้กองดินเป็นคนดี แต่พอดีว่ามันดีเกินไปหน่อย ความดีของมันทำให้ฉันทำงานลำบาก ขอความร่วมมือดีๆ ก็แล้ว เสนอเงินให้ก็แล้ว ขู่ก็ไม่ได้ผล ฉันเลยต้องหาวิธีการใหม่ๆ และตอนนี้ฉันกำลังคิดอยู่ว่า ตกลงมันเห็นผู้หญิงคนไหนสำคัญกว่ากัน ระหว่างแฟนของมัน กับพี่สาวของแฟนมัน ที่ไม่ยอมรับสายมันจนกระทั่งตอนนี้” ลูคัสหันหน้าจอให้เธอดู สายเรียกเข้าของ “พี่ดิน” ดังจนตัดสายไป และเป็นสายที่หนึ่งร้อยแปดสิบสามแล้ว “ฉันไม่ได้สำคัญกับเค้าขนาดนั้นหรอก คุณใช้วิธีอื่นดีกว่า” “รักสามเศร้าสินะ น้ำเน่าจริงๆ เลยว่ะ พ่อกับแม่เลี้ยงใจร้าย มีลูกสาวใหม่ ลูกสาวก็อยากได้แฟนของลูกเลี้ยง ส่วนเธอก็คงกลัวไม่มีคนรัก เลยยอมหลีกทางให้” “คุณ! มันจะ...” “มันจะพูดแทงใจเธอเกินไปเหรอ... ก็ฉันพูดเรื่องจริง แต่ฉันว่าฉันพอจะเดาตอนต่อไปได้นะ ไอ้ผู้กองคนนี้คงจะยังรักเธออยู่ ส่วนเธอก็ยังตัดใจไม่ได้ คนเป็นพี่ก็แบบนี้แหละ ต้องเสียสละให้น้อง” “ฉันตัดใจได้นานแล้ว” “แล้วทำไมยังติดต่อกับมัน ไปไหนมาไหนกับมัน จนลูกน้องฉันมันเข้าใจผิดว่าเธอเป็นแฟนมัน!” ลูคัสเอาคำกล่าวอ้างของลูกน้องมาถาม เพื่อพิสูจน์ว่าเป็นเรื่องโกหกหรือไม่ “ฉันไม่เคยไปไหนมาไหนกับผู้กองดินตั้งแต่เลิกกับเค้า แต่ที่ลูกน้องคุณเห็นว่าฉันอยู่กับเค้า ก็เพราะว่าเรามีเพื่อนอยู่กลุ่มเดียวกัน เวลาไปกินข้าวหรือนัดเจอกันก็ต้องเจอกันบ้าง ลูกน้องคุณได้บอกหรือเปล่าล่ะว่าเห็นฉันอยู่เค้าสองต่อสอง หรืออยู่กับคนอื่นด้วย” พัทธิรารีบอธิบาย เพราะไม่อยากให้เขาเข้าใจผิดว่าเธอเป็นชู้กับแฟนคนอื่น “แล้วทำไมมันต้องโทรหาเธอเป็นร้อยสาย” “วันนี้ฉันมีนัดคุยกับผู้รับเหมา เพราะจะปรับปรุงร้าน ก่อนฉันจะเลิกกับผู้กองดิน เค้าเป็นคนติดต่อเรื่องนี้ให้” “ฟังดูสมเหตุสมผลดี... พวกช่างคงโทรติดต่อเธอไม่ได้ เลยโทรหาแฟนเก่าของเธอแทน” ลูคัสพนักหน้าอย่างเข้าใจ ความสงสัยนั้นได้คำตอบแล้ว “คุณ... ปล่อยฉันไปเถอะนะคะ ฉันสัญญาว่าฉันจะไม่บอกเรื่องนี้กับใครเลย ฉันจะอยู่เงียบๆ ฉันไม่อยากตายก่อนวัยอันควร” “อย่าพูดอะไรยาวๆ ได้ไหม ภาษาไทยฉันไม่ค่อยแข็งแรง” ลูคัสยิ้มมุมปากอย่างกวนประสาทคนฟัง ส่วนพัทธิราก็ได้แต่นั่งมองหน้าเขาก่อนจะถอนหายใจออกมา เพราะไม่รู้ว่าเขาไม่คิดอะไรอยู่ สายตาของเขาที่เธอเห็น เหมือนจะเชื่อในสิ่งที่เธอพูด แต่เสียงที่เปล่งออกมา ก็ทำให้เธอรู้สึกว่าที่เธอพูดไปเมื่อครู่นั้นเปล่าประโยชน์ “คุณส่งฉันกลับบ้านเถอะนะคะ ฉันขอร้อง ฉันสาบานเลยว่าฉันจะไม่พูดเรื่องนี้กับใคร หรือถ้ามันจะทำให้คุณลำบาก คุณให้ลูกน้องคุณไปส่งฉันที่ไหนก็ได้ ขอแค่มีรถสาธารณะให้ฉันกลับบ้าน” “อย่าพูดอะไรที่ฉันไม่ได้ถาม... เข้ามา!” เขาฟังเธอพูดจดจบ แต่ก็ไม่แสดงท่าทีใดๆ นอกจากหันไปมองประตูที่ลูกน้องกำลังเดินเข้ามา “นายครับ คนของเรารายงานว่าผู้กองปฐพีไปรอผู้หญิงคนนี้ที่บ้านสองชั่วโมงแล้วครับ” “ดี... บอกคนของเราให้จับตาดูเอาไว้ แล้วรถที่เตรียมจะไปส่งผู้หญิงคนนี้กลับบ้าน ไม่ต้องแล้ว” ลูคัสหันมายิ้มมุมปากให้พัทธิรา แค่ฟังเธอพูดและสิ่งที่ลูกน้องรายงานก็รู้แล้วว่า ผู้กองปฐพียังมีเยื่อใยคนรักเก่าอยู่ เพราะฉะนั้น เธอก็คู่ควรที่จะใช้เป็นตัวต่อรองไม่ต่างกับคนรักคนปัจจุบันของเขา “มะ... ไม่... ไปส่งฉันเถอะนะคะ” เธอยื่นมือไปจับแขนเขาอย่างขอร้อง สายตาเธอมองเขาอย่างขอความเมตตาปราณี แต่เพียงไม่กี่วินาที เจ้าของแขนล่ำๆ นั้นก็ดึงแขนออกจากการเกาะกุม เพราะเห็นลูกน้องก้มหน้ามองพื้นพร้อมกับอมยิ้ม “ฉันไม่ฆ่าเธอวันนี้หรอก ไม่ต้องร้องไห้ อยู่ที่นี่เธอจะสนุกจนลืมไม่ลง” ลูคัสมองเธอกลับอย่างเจ้าเล่ห์ รอยยิ้มของเขาเหมือนรอยยิ้มของผู้ร้ายในละคร ไม่มีความรู้สึกใดๆ ที่ส่งผ่านมาให้พัทธิรารู้สึกว่ามันจะสนุกแบบที่เขาพูดเลยสักนิด “ไปทำตามแผนที่ฉันสั่งได้แล้ว... จะได้รู้กันว่าผู้หญิงคนนี้จะได้กลับบ้านเร็วๆ นี้ หรือว่าจะได้อยู่ที่นี่ตลอดชีวิต” “ครับนาย” “ถ้าคุณอยากทำร้ายพี่ดินทำไมคุณไม่จับตัวเค้ามาล่ะ จะมาจับฉันทำไม หรืออยากใช้คนรักของเค้าเป็นเครื่องมือก็ไปจับแฟนเค้ามาสิ จะให้ฉันอยู่ที่นี่ต่อทำไม!” พัทธิราหมดความอดทน เธอไม่ได้เกี่ยวของอะไรกับเรื่องนี้สักนิด ทำไมต้องมาติดร่างแหแบบนี้ด้วย คนที่เขาควรจะใช้ต่อรองต้องเป็นน้องสาวของเธอไม่ใช่เหรอ “จะตะโกนเสียงดังให้มันได้อะไรขึ้นมาหะ! ฉันสั่งให้เธออยู่ที่นี่ เธอก็ต้องอยู่!” “แล้วทำไมฉันต้องอยู่ที่นี่ด้วย ในเมื่อลูกน้องคุณจับมาผิดคน ก็ปล่อยฉันไปสิ ฉันสัญญาแล้วไงว่าฉันจะไม่พูดเรื่องนี้กับใคร แค่นี้ฉันก็กลัวตายจะแย่อยู่แล้ว ไหนฉันจะเป็นห่วงแมวที่บ้านฉันอีก!” “ฉันจะเชื่อคำพูดของเธอได้ยังไง ขนาดน้องสาวเธอ เธอยังทรยศ!” ลูคัสลุกขึ้นมาเถียงกับเธออย่างไม่ยอมแพ้ “ฉันไม่เคยทรยศใคร แล้วคนที่คุณพูดถึงก็ไม่ใช่ครอบครัวของฉัน เพราะพวกเค้าไม่เคยนับฉันเป็นคนในครอบครัว!” น้ำเสียงของเธอแม้จะแข็งกร้าว แต่คำพูดนั้นทำให้คนฟังนั้นเกิดอาการสงสารเธอจนพูดอะไรไม่ออก “เธอต้องอยู่ที่นี่ ถึงเวลาที่เธอควรกลับ เธอจะได้กลับ ตามฉันมา!” ลูคัสพูดจบก็เดินนำเธอออกไปจากห้อง เขาพาเธอเดินมายังห้อง ที่อยู่ถัดจากห้องของเขาและเปิดประตูเข้าไปด้านใน “ต่อไปนี้เธอต้องพักที่ห้องนี้ ห้ามออกไปเดินเพล่นพล่านโดยที่ฉันไม่ได้อนุญาต ห้ามสอดรู้สอดเห็น ห้ามพูดอะไรโง่ๆ แบบเมื่อกี้ ไม่งั้นฉันจัดการเธอแน่” “คุณจะจัดการอะไรฉัน” แม้จะหวาดกลัว แต่ปากก็ยังกล้าถามออกไป “แบบเมื่อคืนเป็นไงล่ะ...” เขามองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะหันหลังเดินกลับไป “เดี๋ยว!” พัทธิราวิ่งไปยืนขวางประตูเอาไว้ จนร่างกายของทั้งคู่อยู่ห่างกันเพียงไม่กี่เซนติเมตร ลูคัสมองหน้าผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงข้ามอย่างพิจารณา คนที่สูงเลยไหล่ของเขามาเพียงนิดเดียว กำลังเงยหน้ามองเขาด้วยสายตาที่กล้าหาญ ไม่จริงๆ แล้วมันไม่สามารถปกปิดความหวาดกลัวที่เธอพยายามซ่อนเอาไว้ได้เลยสักนิด “ลงโทษแบบเมื่อคืนคือแบบไหน...” “อยากรู้มากใช่ไหม?” ลูคัสยิ้มถาม แต่สำหรับพัทธิรา มันเป็นรอยยิ้มที่ไม่น่าไว้ใจและไม่จริงใจเลยสักนิดเดียว “หยะ... อยาก” เธอตอบและขยับตัวไปทางซ้าย เพื่อหนีตัวเขาที่เข้ามาใกล้เธอทำไมก็ไม่รู้ “จำไม่ได้เลยสักนิด?” ลูคัสถามย้ำให้แน่ใจว่าเธอจำรสรักอันเร่าร้อนที่เขามอบให้เธออย่างสาสมความอยากไม่ได้ “ไม่ได้ ฉันตื่นมาฉันก็ไม่ได้รู้สึกถูกทำร้ายอะไรเลย” “ไม่เจ็บอะไรตรงไหนเลย?” “โอ๊ย!” พัทธิราเจ็บที่เขากระชากข้อมือของเธอไปจับไว้ ก่อนจะยกมันขึ้นเหนือหัวทั้งสองข้าง “ฉันถามว่าจำได้ไหม!” “ไม่ได้ค่ะ จำไม่ได้!” “งั้นก็มาทบทวนกันหน่อยแล้วกัน!” ลูคัสรู้สึกคล้ายกับถูกดูถูกกลายๆ ลีลาบนเตียงของเขา ไม่ว่าผู้หญิงคนไหนก็ต้องติดอกติดใจทั้งนั้น แม้ว่าผู้หญิงคนนั้นจะเมามายจนแทบไม่มีสติ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็ทำให้เธอคนนั้นตื่นขึ้นมาเรียกร้องหาเขาอยู่ร่ำไป แต่กับเธอคนนี้ทำไมกลับตรงกันข้าม และยิ่งเธอดิ้นหนีจูบของเขา เขาก็ยิ่งรู้สึกถูกท้าทาย และคนที่จะเป็นผู้ชนะในเกมนี้ต้องเป็นเขา ท่าทางรังเกียจและเสียงขับไล่ จะต้องเปลี่ยนเป็นเสียงครางแบบที่เขาได้ยินเมื่อคืน เพราะมันฟังแล้วลื่นหูกว่าเยอะ “ออกไป...” “อยากจำได้ไม่ใช่หรือไงว่าเมื่อคืนฉันลงโทษยังไง แล้วเธอชอบการลงโทษของฉันจนร้องครางขนาดไหน อ้าปาก!” แม้คำสั่งจะไม่เป็นผล แต่ลูคัสก็แทรกลิ้นเข้าไปในปากของพัทธิราได้ในที่สุด เขาระดมจูบอย่างไม่ลดละ จนเธอหยุดพยายามต่อต้านเขา แต่ก็ไม่ได้ตอบสนอง เพราะหมดเรี่ยวแรงที่จะต่อสู้ เธอพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา เกิดมาไม่เคยเจอผู้ชายคนไหนคุกคามและทำร้ายจิตใจแบบนี้มาก่อน ตัวเธอชาเหมือนสมองจะหยุดสั่งการ แม้แต่ตอนนี้ ตอนที่เขาอุ้มเธอมานอนลงบนเตียงและกระชากเสื้อของเธอออกจนขาด เธอยังไม่มีแม้แต่แรงที่จะเอ่ยปากขอร้องให้เขาหยุด เธอเห็นเขาก้มลงดูดหน้าอกของเธอ เสียงหายใจแรงๆ ของเขานั้นฟังดูพึงพอใจกับเรือนร่างของเธอ แล้วจิตใจเธอล่ะ เขาสนใจบ้างหรือเปล่า “คุณ...” พัทธิราพยายามตั้งสติและเรียกเขาด้วยเสียงอันแผ่วเบา ลูคัสได้ยินก็หยุดการกระทำทุกอย่างและมองดวงตาที่น้ำตาไหลรินลงมา “ฉันอยู่ที่นี่ต่อก็ได้ แต่อย่าทำอะไรฉันเลยนะคะ ฉันขอร้อง” เธอยกมือไหว้เขา แม้จะดูไร้ศักดิ์ศรี แต่มันก็เป็นการรักษาชีวิตของตัวเอง เธอไม่ได้กลัวว่าร่างกายเธอจะสึกหรอหรือบอบช้ำ แต่เธอไม่อยากให้ความทรงจำอันแสนปวดร้าวนี้อยู่กับเธอไปตลอดชีวิต แล้วหากเมื่อคืนเขาทำแบบนี้กับจริงๆ เธอก็ถือว่าเธอโชคดีเหลือเกินที่จำเรื่องราวอันโหดร้ายนั้นไม่ได้เลยสักนิด ลูคัสสะท้อนใจกับภาพที่เห็น แม้จะรู้สึกเห็นใจ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกผิดกับการกระทำของตัวเองเลยสักเท่าไหร่ เพราะเมื่อคืนต่างคนก็ต่างมีความสุข เขาลงจากเตียงและก้มหยิบเสื้อที่เขาทำขาดโยนไปให้เธอ ก่อนจะเดินออกจากห้องไปพร้อมกับเสียงประตูดังปัง โดยที่เบื้องหลังมีหญิงสาวก้มหน้าร้องไห้ใส่หมอน เพราะไม่อยากให้ใครได้ยินความอ่อนแอของตัวเอง “ไปจัดเสื้อผ้ามายี่สิบชุด ชุดนอน กางเกง เสื้อ ชุดอะไรเอามาให้ครบ” ลูคัสเดินออกมาสั่งลูกน้อง และมองไปที่ประตูห้องของพัทธิราด้วยความรู้สึกหงุดหงิด เธอทำให้ร่างกายและจิตใจเขาสับสนไปด้วยความรู้อันหลากหลาย “เธอจะอยู่กับเราอีกนานเหรอครับ” ลูกน้องถามด้วยสงสัย เพราะปกติลูคัสไม่เคยให้ผู้หญิงคนไหนอยู่ที่นี่เกินสามคืนเลย “นานจนกว่าไอ้ผู้กองนั่นมันจะเลิกขวางทาง” “ครับ” ลูกน้องรับคำสั่งและเดินจากไป ถ้าถามมากความ อารมณ์ของเจ้านายจะร้อนเป็นไฟมากกว่าเดิม ลูคัสยังคงจ้องมองที่ประตูบ้านนั้นอย่างใช้ความคิด เขามั่นใจว่าผู้หญิงคนนี้จะสามารถเป็นตัวต่อรองกับผู้กองนั่นได้แน่นอน แต่เขาก็ต้องพิสูจน์ความคิดของตัวเอง ด้วยการให้ลูกน้องไปจับตัวของน้องสาวเธอมาอีกคน ถ้าไอ้ผู้กองมันร้อนรนกับการหายตัวไปของแฟนมันมากกว่าผู้หญิงที่อยู่ในห้องนี้ เขาก็จะปล่อยตัวเธอไป
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD