2-1 ช่วยพาข้ากลับเมืองหลวง

1602 Words
สายตาคมกริบที่มองมาเย็นชาอย่างยิ่ง เสียงที่ไม่ดังนักก็ลากยาวไร้ความรู้สึก แต่เขากลับเสียวสันหลังวาบ เด็กหญิงข้างหน้าอันตรายเกินไปแล้วดูเหมือนจะไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดา “ได้ๆ เจ้าต้องการให้ข้าเรียกว่าอย่างไร” “ข้าแซ่ชิง ” “คุณหนูชิง ที่นี่เป็นเขตแดนของธิดาพิษซิ่วอี๋สยา ทำอย่างไรพวกข้าสองคนจึงจะไม่เป็นอันตราย” “พวกเจ้าเจตนาลุกล้ำเข้ามากันเองเป็นตายก็แล้วแต่เจ้า โชคดีที่นางตายไปแล้ว ส่วนสมุนไพรพิษพวกนั้นเจ้าก็หลบเอาเองเถอะ” ชิงหมิงเยว่ได้ท่องเที่ยวมาหลายวันรู้สึกพอแล้ว ยามนี้ขี้เกียจพูด นางกำลังเบื่อคิดอยากจะกลับบ้านไปนอนเหยียดยาวให้สบายแล้ว “เดี๋ยว คุณหนูชิง ท่านสามารถช่วยเหลือรักษาอาการของนายข้าให้ฟื้นขึ้นมาได้หรือไม่” “ที่นี่ไม่ได้” อวี่หลงหัวหมุนวนอย่างรวดเร็วในความคิดของเขาที่เด็กสาวพูดหมายความว่าไง ที่นี่รักษาไม่ได้ งั้นต้องมีที่รักษาได้สินะ แสงแห่งความหวังวาบขึ้นในใจอวี่หลงทันที “ที่ไหนก็ได้ พวกข้าจะตามไป ได้หรือไม่ ได้โปรดช่วยนายของข้าด้วย ช่วยพวกเราด้วย” “ตามมา” ชิงหมิงเยว่ตอนรับเสียงเย็นช้าๆ เนิบๆ นางเชิดหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่มีก้อนเมฆลอยผ่านไป นี่ข้าหาเรื่องยุ่งยากหาความลำบากให้ตัวเองหรือไม่ พบคนเจ็บพาคนไม่รู้จักที่เป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้ากลับไปรักษาที่บ้านตัวเองแต่ถ้าท่านพ่อเป็นผู้ที่พบเจอพวกเขา ท่านก็ต้องช่วยเหลือสองคนนี้เป็นแน่ เมื่อจะออกเดินทางกลับมีปัญหาทันที อวี้หลงยามนี้ไม่มีแรงพอจะยกหรือแบกคนเดินไปตามทางที่ยากลำบากได้แล้ว สุดท้ายด้วยความรำคาญชิงหมิงเยว่ก็เสียสละให้คนเจ็บพาดตัวไปบนหลังเยว๋หว่าน แล้วให้อวี้หลงเดินจูงมันตามนางไป (จริงๆ คือเดินตามไปด้านข้าง เพราะมันไม่ให้เขาสัมผัสตัว) เจ้าม้าสีดำเดินนำไปข้างหน้าตามทางเท้าเล็กๆ ส่วนเด็กสาวนั้นทะยานหายลับไปบนกิ่งไม้นานแล้ว นางบอกเขาเพียงว่า เยว่หว่าน(เจ้าม้าดำ) จะพาพวกเขาสองคนไปยังบ้านของนางเอง อวี้หลงรู้สึกปลงนี่ข้ามาถึงจุดที่ต้องพึ่งพาฝากชีวิตให้ม้าพาไปแล้วสินะ ราวกับมันเข้าใจความคิดของชายหนุ่มหันหน้ามาแสย่ะยิ้มเห็นฟันขาวที่มุมปากก่อนส่งเสียงฮี้ๆ เบาๆอย่างได้ใจแล้วก็หันหน้าเดินเชิดหน้าสะบัดหางอย่างสบายใจ พาคนทั้งสองไปตามทางที่รกไปด้วยพุ่มไม้และเถาวัลย์ ระหว่างทางยังหยุดแวะเล็มยอดไม้เป็นระยะๆ กระท่อมไม้ที่ดูแข็งแรงตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้านับเป็นเรือนที่ใหญ่โตเกินกว่าเรี่ยวแรงเด็กสาวจะสร้างขึ้นได้ อวี้หลงหยุดมองอยู่กับที่แม้จะอยากรู้ว่าใครสร้างขึ้นแต่เขาก็มิอาจก้าวล่วงความเป็นส่วนตัวของเด็กสาวได้ นางจัดให้เขาพักห้องเดียวกับท่านแม่ทัพเพื่อปรนนิบัติและเฝ้าไข้ระหว่างที่ขับพิษ ผ่านไปสามวันช่างยาวนานยิ่งนัก แต่ละวันเขาได้พบเด็กสาวเพียงยามที่ขับพิษออกจากร่างกายของท่านแม่ทัพเท่านั้น การต้มยา ทำอาหารเขาต้องทำเองทั้งหมด จนบางทีนึกว่าตนเองอาศัยอยู่ในกระท่อมเพียงลำพังกับท่านแม่ทัพ ในที่สุดเช้าวันถัดไปท่านแม่ทัพก็เริ่มขยับตัวฟื้นขึ้นมา แต่ไร้เรี่ยวแรงพยุงกายเขาต้องคอยประคองเพื่อป้อนโจ๊กและยา เฉินอวี้อันฟื้นขึ้นมาแต่เพราะขยับกายไม่สะดวกจึงนอนอยู่บนเตียงระหว่างนั้นก็ทบทวนถึงเหตุการณ์ถูกลอบสังหารนี่มิใช่ครั้งแรก ศัตรูจากที่มืดช่างทุ่มเทกำลังทรัพย์ยิ่งนักใช้นักฆ่าชั้นสูงทั้งยังสืบเสาะจนรู้เส้นทางที่เป็นความลับหากมิใช่ทหารองครักษ์และขุนพลอวี้หลงเสียสละอย่างที่สุดเขาคงมิสามารถตื่นมามองแสงตะวันได้อีกเป็นแน่ ผ่านพ้นไปอีกสี่วันเฉินอวี้อันจึงมีแรงพอจะลุกขึ้นได้ “อวี้หลง ที่นี่ที่ไหน พวกเรามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร” “พวกเราหลบหนีเข้ามาในเขตหุบเขาสยาอวิ๋นได้ทันขอรับ เมื่อเช้าข้าลอบออกไปตรวจดูพวกนั้นมิได้ติดตามเข้ามาเพียงจัดคนวนเวียนซุ่มรอดูบริเวณทางเข้าแต่ยามพวกเราออกไปคงมิอาจหนีรอดไปได้” “องครักษ์คงเสียสละหมดแล้วสินะ ตัวข้าเหตุใดจึงปลอดภัยได้?” “ท่านแม่ทัพและข้าโชคดีมากขอรับ ท่านได้รับพิษเกือบสิ้นใจแล้วเมื่อข้าพาท่านหนีเข้ามาในหุบเขาสยาอวิ๋นได้ บังเอิญอย่างยิ่งที่พวกเราพบคุณหนูชิง ท่านได้รับพิษร้ายแรงมากโชคดีนางที่มีความรู้ด้านการแพทย์ทั้งมีโอสถที่สามารถระงับพิษได้ชั่วคราว ข้าจึงขอให้นางช่วยรักษาและเพื่อให้นางช่วยขับพิษในร่างของท่านพวกเราจึงตามนางกลับมาที่กระท่อมไม้แห่งนี้ขอรับ แต่นางเป็นใครมาจากไหนเหตุใดมาอยู่ที่นี่ข้าไม่ทราบนางไม่ใคร่ชอบพูดจานางไม่เคยยิ้มแย้มเป็นเด็กสาวที่เย็นชามากขอรับ นางอยู่ที่นี่เพียงลำพังหลายวันที่ผ่านมาข้าหุงหาอาหารและต้มสมุนไพรด้วยตนเอง ทุกวันนอกจากเข้ามาตรวจอาการของท่านแล้วข้ามิเคยได้พบหน้านางสักครั้งเสมือนข้าอยู่ที่นี่กับท่านเพียงลำพัง นางอาจเป็นผู้ที่มีฝีมือสูงมากก็ได้นะขอรับ ข้ามิสามารถประเมินระดับของนาง” อวี้หลงเปลี่ยนคำเรียกขานนางหลังจากสบสายตาพิฆาตหลายครั้ง ตัวเขาเองก็นับว่าพอมีฝีมือแต่ก็มองความสามารถของเด็กสาวไม่ออกว่าเก่งหรือไม่เก่ง ยอดยุทธหรือไร้ฝีมือ “เจ้าคิดมากเกินไปแล้วอวี้หลง เจ้ามองดูสถานที่แห่งนี้เงียบและดูสดชื่นอยู่ท่ามกลางธรรมชาติป่าเขา เป็นพวกเราที่เข้ามารบกวนเวลาที่สงบสุขของนาง ยังดีที่นางยื่นมือเข้าช่วยเหลือนับแล้วนางก็กลายเป็นผู้มีพระคุณช่วยเหลือชีวิตข้าแล้ว หากนางมีฝีมือสูงกว่าเจ้าย่อมเป็นเรื่องที่ดี ในเมื่อนางมิใช่ศัตรูถ้าหากนางยินยอมช่วยเหลือ ระหว่างเดินทางกลับพวกเราอาจเพิ่มโอกาสรอดกลับไปได้มากขึ้น ไม่คิดเลยว่าพวกเราเกือบจะต้องทิ้งชีวิตไว้ในน้ำมือคนชั่วเหล่านี้” “หลังอาหารเย็นเจ้าไปหานาง บอกว่าข้าขอพบ” “ได้ขอรับ” ชิงหมิงเยว่กลับมาจากหลังหุบเขา พบว่าคนทั้งสองต้องการพูดคุยด้วยจึงเข้าไปยังห้องฝั่งซ้าย ภายในห้องชายผู้ที่ได้รับพิษมีอาการดีขึ้นมากสามารถลุกขึ้นนั่งได้แล้ว ส่วนชายหนุ่มอีกคนยืนเยื้องไปด้านหลัง ระหว่างที่เดินเข้าไปสายตาของทั้งสองมองประเมินเด็กสาวเบื้องหน้าพวกเขาแม้มิได้เป็นผู้ฝึกยุทธ์เป็นผู้มีชื่อเสียงโด่งดังแต่ก็พอมีพื้นฐานฝึกฝนในกองทัพหลายปีมีพลังฝีมือไม่ต่ำ แต่เด็กสาวผู้นี้ฝีเท้าแผ่วเบาเดินเป็นจังหวะลมหายใจบางเบาแทบไม่ได้ยิน บ่งบอกถึงพลังฝีมือย่อมต้องสูงกว่าพวกเขาตามที่อวี้หลงบอกเป็นแน่ สายตาที่มองนางยิ่งมีประกายคาดหวังเพิ่มมากขึ้น “คุณหนูชิง เจ้ามาแล้ว ขอโทษที่ข้าไร้เรี่ยวแรงต้องเสียมารยาทเชิญมาพบ ข้าผู้นี้มีเรื่องต้องการพูดข้อร้องเจ้า” เฉินอวี้อันมองเด็กสาวนั่งลงฝั่งตรงข้ามตลอดเวลาสายตาสงบนิ่ง มองมาที่เขาแม้อีกฝ่ายจะเป็นเด็กน้อยที่แต่งกายด้วยแต่งกายเนื้อผ้าธรรมดาเช่นชาวป่าทั่วไปใช้สอยแต่นางตลอดร่างกลับมีกลิ่นอายสูงส่ง ยามยืนยามเดินมีสง่าราศี ใบหน้ายามนี้มีเค้าจะเป็นสาวงาม ภายภาคหน้าจะต้องมีชื่อเสียงเลื่องลือในด้านความงามเป็นแน่ ราวกับเป็นคุณหนูที่ได้รับการอบรมเป็นอย่างดี เมื่อดึงสติกลับมาได้ก็รีบพูดถึงสิ่งที่ตนเองคาดหวังไว้ทันที “ข้าชื่อ เฉินอวี้อันเป็นแม่ทัพใหญ่ประจำการที่ชายแดน ส่วนเขาคืออวี้หลิงเป็นขุนพลคู่ใจข้า พวกเราได้รับคำสั่งให้นำสิ่งสำคัญเดินทางกลับเมืองหลวง ระหว่างทางขบวนทหารถูกลอบทำร้ายหลังจากนั้นก็เป็นดังเช่นที่เจ้าเห็น ข้ากล่าวอย่างตรงไปตรงมาเลยนะ ด้วยสภาพของข้าทั้งสองร่างกายได้รับบาดเจ็บและยังไม่แข็งแรงพอ อีกทั้งพวกเราไม่อาจรั้งรอเป็นเวลาเนินนานได้ จำเป็นต้องฝืนเดินทางกลับไปแต่ข้าเกรงว่าเพียงย่างเท้าออกจากหุบเขาสยาอวิ๋นได้คงไม่แคล้วสิ้นชีพเป็นแน่ อวี้หลงบอกข้าว่าเจ้านอกจากมีความรู้ด้านการแพทย์แล้วน่าจะมีฝีมือสูงส่ง ดังนั้นหากเป็นไปได้อยากขอร้องเจ้าได้โปรดให้ช่วยเหลือร่วมเดินทางไปกับพวกข้า หากมีเหตุร้ายเกิดขึ้นรบกวนเจ้าช่วยเหลือเมื่อถึงเมืองหลวงภาระหน้าที่บนบ่าลุล่วง ข้ายินดีตอบแทนความช่วยเหลือในครั้งนี้อย่างเต็มที่ ไม่ทราบว่าเจ้าเห็นเป็นเช่นไร” “พรุ่งนี้ข้าให้คำตอบ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD