6-2 สำรวจลู่ทางสร้างอาชีพ

1549 Words
การเป็นคุณหนูในตระกูลขุนนางทำให้เฉินหมิงเยว่มีคนดักหน้าดักหลังรู้สึกไม่สบายใจสบายกายเท่าใดนักลำพังเครื่องแต่งกายที่แตกต่างก็ยุ่งยากไม่น้อยแล้ว นี่พาคนมามากมายเช่นนี้นางจะหาช่องทางทำการค้าหาเงินได้อย่างไร เฉินหมิงเยว่คิดหาวิธีแยกตัวเองออกจากขบวนที่แสนเอิกเริกนี้ให้จงได้ กว่าจะปฏิเสธการนั่งเกี้ยวเปลี่ยนมาเป็นการเดินก็ทำนางเหนื่อยไม่น้อยทีเดียว พอเดินมาถึงตลาดที่อยู่ห่างออกไปจากจวนสามช่วงถนน ไม่ใกล้และไม่ไกลมากนักเริ่มมีผู้คนเดินไปมาตามทางตลอดเส้นที่รถม้าเคลื่อนผ่านร้านค้ามีข้าวของมากมายวางอยู่สาวใช้ที่ติดตามมาเริ่มสอดส่ายตาเพราะสาวใช้เหล่านี้ทำงานอยู่ในเรือนมิได้มีโอกาสออกมาเดินเลือกซื้อสินค้าได้อย่างอิสระเมื่อมีโอกาสย่อมยิ้มแย้มแจ่มใสใบหน้าเด่นชัด แต่ละนางยังอายุน้อยจึงเต็มไปด้วยความยินดีกับการติดตามเฉินหมิงเยว่ออกมาตลาดในครั้งนี้ “ท่านพ่อบ้านฉิน ข้าอยากไปร้านขายหมึกและกระดาษ นำทางข้าไปที” “ได้ขอรับ” “พ่อบ้านฉิน ท่านพาพวกเขาไปรอที่เพิงน้ำชาที่อยู่เลยไปข้างหน้า ข้าใช้เวลาเลือกซื้อไม่นานได้แล้วจะพากันเดินไปหาพวกท่านเอง” พ่อบ้านฉินมองดูระยะทางจากหน้าร้านขายหมึกและกระดาษกับเพิงน้ำชาที่อยู่ไม่ไกลนัก ระยะเพียงเท่านี้หากเกิดสิ่งใดขึ้นเขาสามารถมองเห็นและสามารถเข้ามาช่วยเหลือดูแลได้อย่างทันท่วงทีจึงรับคำแล้วพารถม้าไปยังเพิงน้ำชา ส่วนเฉินหมิงเยว่ก็เดินเข้าไปในร้านหนังสือ แต่ก่อนที่จะเดินดูก็หันไปหาสาวใช้ที่เดินตามติดมาด้านหลัง สาวใช้สองคนเป็นพี่น้องฝาแฝดที่นางเลือกมารับใช้ใกล้ชิดเพราะมีลักษณะกระฉับกระเฉง ใบหน้าหมดจดแม้มิใช่คนสวยนัก นางมิชอบเอาสิ่งอัปลักษณ์ไม่เจริญหูเจริญตาไว้ใกล้ๆ ตัวจึงเลือกทั้งสองคนเอาไว้ นางตั้งชื่อตามธรรมเนียมเมื่อรับสาวใช้มา คนพี่ชื่อหลิวหลี่ ส่วนคนน้องชื่อหลิวหมิ่น สองพี่น้องเชื่อฟังนายหญิงคนใหม่อย่างสนิทใจ “หลิวหลี่ หลิวหมิ่น เจ้าทั้งสองไปร้านขนมขนมหวานอวี้หลี เลือกขนมที่ดีที่สุดกลับจวนไปสามสี่กล่อง จำไว้ต้องเลือกที่รสชาติไม่หวานจนเกินไปนักท่านพ่ออายุมากแล้วไม่ควรทานหวานจัด จำได้หรือไม่” “จำได้เจ้าค่ะ ให้เลือกขนมที่หวานไม่มาก สี่กล่อง” “ถ้ามีขนมที่พวกเจ้าสองคนอยากกินก็เลือกมาสักหน่อย เอาเงินนี่ไป” “เจ้าค่ะ บ่าวทราบแล้ว” สาวใช้ทั้งสองยิ้มด้วยความดีใจกำเงินที่ได้รับมาก่อนจะรีบพากันไปร้านขนมขึ้นชื่อที่อยู่ห่างออกไปทันที ภายในร้านหนังสือ มีสตรีและบุรุษที่มีอายุมากกว่านางทั้งสิ้นยืนอยู่ภายในร้านหลายคน เสียงพูดคุยกันไปมามีหลงจู๊ที่ดูแลร้านและพนักงานในร้านดูแลอยู่เพียงสองคน ชั้นวางม้วนหนังสือที่ทำจากไม้ไผ่อยู่ด้านหนึ่ง ถัดมาเป็นชั้นวางพู่กัน หมึก แท่นฝนหมึก สำหรับสิ่งของที่มีชื่อของร้านถูกวางในจุดที่เด่นและได้รับการระมัดระวังด้วยเป็นของที่มีราคาสูง การที่เด็กสาวอายุน้อยเพียงสิบเอ็ดสิบสองเช่นนางก้าวเข้ามาภายในร้านจึงไม่มีคนสนใจ ปล่อยให้นางเดินชมด้วยตนเองเป็นเช่นนี้ดียิ่งนางมั่นใจว่าไม่ใช่เรื่องยากที่จะแอบหลบออกไปนางเดินไปรอบร้านหนึ่งรอบอย่างช้าๆ เฉินหมิงเยว่สังเกตเห็นประตูด้านหลังมีเพียงผ้าปิดเป็นม่านไว้เท่านั้น ตรอกเซิ่นจู เต็มไปด้วยผู้คนและร้านรวงมากมายทั้งสองฝั่ง มีของขายมากมายหลายชนิด ด้วยฝีเท้าที่ว่องไวระดับนางทำให้มาถึงอย่างรวดเร็ว นางรีบเดินอย่างว่องไวสายตานางกวาดมองไปทั่วจนสุดทางเดินนางจึงแวะข้างทางเป็นหญิงชราขายผักที่มองดูไม่ค่อยสดนัก หญิงชราเงยหน้าขึ้นมองเด็กสาวเบื้องหน้าที่แต่งกายเรียบง่ายทว่าเนื้อผ้าดูมีราคา ท่าทางเป็นเด็กที่มีสง่าราศี ดวงตากลมโตปากน้อยๆ ดูเป็นเด็กที่สวยงามและแข็งแรงจึงยิ้มซื่อๆให้นางก่อนจะเอ่ยปากถามนาง “แม่หนู หลงทางหรือ” “มิใช่เจ้าค่ะท่านยาย ท่านขายผักพวกนี้หรือเจ้าคะ” “ใช่ ยายปลูกเองแต่ที่ในตลาดราคาแพงยายต้องมาขายตรงนี้ เพราะอยู่ในจุดที่ไม่ค่อยมีร้านค้าผู้คนจึงมิได้สนใจนัก ผักของนางจึงขายมิค่อยได้ อีกไม่นานตลาดก็จะไม่มีผู้คนแล้ว ผักที่เริ่มเฉาพวกนี้คงได้แต่ต้องนำกลับแล้ว สีหน้าของหญิงชราที่ยิ้มด้วยความจริงใจให้นางในครั้งแรกทำให้นางมีใจอยากช่วยเหลือ “ท่านยาย ท่านขายผักเหล่านี้ราคาเท่าไหร่” "หัวไฉ่เท้า หัวละสองอีแปะ กะหล่ำปลี สามอีแปะ ผักกาดขาว ห้าอีแปะ" “ท่านยายท่านนับดูทั้งหมดรวมเป็นเงินจำนวนเท่าใด ข้าต้องการทั้งหมดที่บ้านข้าคนเยอะ หากท่านยายสามารถตอบคำถามข้าได้ว่าเมืองนี้มีร้านขายโอสถกี่ร้าน ต่อไปท่านไม่ต้องมานั่งขายที่นี่แต่ให้เอาผักจำนวนเท่ากันนี้ไปขายให้ที่บ้านข้าโดยตรงดีหรือไม่” “แม่หนู หากข้าตอบคำถามเจ้า เจ้าจะซื้อผักพวกนี้จากข้าจริงๆ หรือ" “ท่านยายจะตอบคำถามข้าหรือไม่” หญิงชราแม้ยากจนหากแต่อาศัยอยู่ในเมืองหลวงมาหลายสิบปี ไม่เคยได้เข้าร้านขายโอสถทุกร้านแต่ก็มีโอกาสได้เห็นได้ผ่าน นางรีบเล่าให้เด็กสาวเบื้องหน้าฟังน้ำเสียงไม่ดังไม่เบาจนเกินไปด้วยความตั้งใจ ระหว่างที่ทั้งสองกำลังยืนคุยกันนั้นฝั่งพ่อบ้านฉินกำลังกระวนกระวายใจพาบ่าวชายและสาวใช้รีบเร่งเดินตามหานางมาตั้งแต่ร้านหนังสือเรื่อยมาจนถึงตรอกเซิ่นจู นางได้ยินเสียงแว่วมาก่อนที่บรรดาข้ารับใช้จะมาถึงนางมากกว่าห้าสิบก้าวด้วยซ้ำ จึงกล่าวกับหญิงชรา “ขอบคุณท่านยาย ผักจำนวนนี้ท่านมัดรวมกันคนของข้าจะมาถึงแล้ว” “คุณหนู อยู่ตรงนั้นท่านพ่อบ้านฉิน” “คุณหนูใยท่านออกจากร้านหนังสือมาเดินเล่นอยู่แถวนี้ได้เล่าขอรับ มันไกลมากพวกข้ากังวลใจมากตามหาท่านมาตลอดทาง หากเจอคนไม่ดีจะเป็นอันตรายได้นะขอรับ” เขาเข้าใจว่าคุณหนูยังเด็กคงแอบออกมาเที่ยวเล่นตามประสาเด็กจึงกล่าวเตือนด้วยความเป็นห่วง นางเข้าใจดีจึงยิ้มบางรับคำ (พวกเจ้ายังไม่รู้ดีว่าหากข้าไม่ทำร้ายคนก็ถือว่าดีแล้ว ใครจะสามารถทำร้ายข้าได้) “ข้าเดินมาเรื่อยๆ ไม่เป็นไรๆ พ่อบ้านฉินข้าซื้อผักจากท่านยายทั้งหมด ต่อไปจวนเราซื้อจากนางท่านจัดการให้ข้าด้วย” พูดจบนางก็เดินย้อนกลับระหว่างทางเจอสิ่งใดน่าสนใจนางก็เลือกซื้อติดมือกลับมาบ้างเล็กน้อย ส่วนพ่อบ้านฉินกำชับบ่าวชายให้ยกผักทั้งหมดติดมือกลับมาก่อนจะจ่ายเงินให้หญิงชราแล้ววิ่งตามเด็กสาวไป หญิงชรายิ้มกว้างเป็นคราวโชคดีของนางที่ได้เจอคุณหนูจวนแม่ทัพ ที่คุณหนูหันมาทักนาง จากนี้ครอบครัวหญิงชราสามารถขายผักที่ปลูกได้ทุกวันทั้งมิต้องเหนื่อยยากหาที่ขายในตลาดที่มีราคาแสนแพง นางกำเงินในมือแน่นรีบเดินกลับบ้านด้วยความดีใจ “คุณหนู หากพวกข้าทำท่านหายไปหรือท่านได้รับอันตรายแม้เพียงนิด พวกบ่าวรับใช้เหล่านี้ไม่แคล้วต้องถูกเฆี่ยนหลังจนตายทั้งหมดแน่นอนขอรับ” “ขอโทษพวกท่านด้วย ข้ามิได้ตั้งใจให้กลายเป็นเรื่องวุ่นวายเช่นนี้" ท่านพ่อบ้านฉินวางใจได้ข้าจะไม่ทำแบบนี้อีกแน่นอน เพราะว่านางจะแอบออกจากจวนโดยมิให้ใครรู้ต่างหาก พวกเจ้าทั้งจวนยังมีฝีมือไม่เข้าขั้น วันนี้ข้าเดินสำรวจจำเส้นทางไว้ได้ทั้งหมดแล้ว นี่เป็นความคิดของนางที่ขี้เกียจพูดออกมา มุมหนึ่งที่ห่างไกลออกไป มีคนกำลังลอบมองขบวนของจวนแม่ทัพที่กำลังวุ่นวายอยู่ในตัวตลาด พวกเขาจับตามองมาตั้งแต่หน้าจวน เด็กสาวเพียงคนเดียวในกลุ่มคาดว่าคงจะเป็นบุตรสาว(คนใหม่) ที่เฉินอวี้อันแม่ทัพคนสนิทของฝ่าบาทแน่นอนจนคนทั้งหมดจากไปคนที่ลอบติดตามมาก็หายตัวไปจากจุดที่ยืน “ใคร” ติดตามนาง แต่ช่างเถอะฝีมือกระจอกระดับนี้ยังกล้ามาลอบตามนาง หากไม่รำคาญนักข้าจะปล่อยไปก่อน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD