“อึ่ก! อือ~”
ยาคอปครางออกมาเบาๆ เมื่อรู้สึกตัวว่าตัวเองนอนเต็มอิ่มแล้ว สัมผัสแรกหลังจากตื่นนอนก็คือสัมผัสของบางสิ่งบางอย่างที่นุ่มนิ่ม และเด้งดึ๋งราวกับเยลลี่อยู่ที่มือของเขา
และเนื่องจากเปลือกตาของเขายังหนักอึ้งจนเกินกว่าที่จะเปิดมันขึ้นมาในตอนนี้ เด็กหนุ่มจึงใช้ประสาทสัมผัสทั้งหมดเท่าที่มีในการพินิจพิเคราะห์ว่ามันคืออะไร
ยาคอปคลึงมือเบาๆ เป็นวงกลม ที่นิ้วชี้มันสามารถรู้สึกได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่กำลังแข็งสู้มือ เขาจึงลองใช้นิ้วเขี่ยมันเล่นดู
“อะ…อ๊า~”
ไม่คาดคิดว่าเสียงที่ได้รับกลับมาจะเป็นเสียงครางหวานๆ ของเด็กผู้หญิง และแน่นอน ยาคอปรู้ดีว่าว่าเด็กผู้หญิงเพียงคนเดียวในบ้านหลังนี้ก็คือ มากาเรเทอ
เปลือกตาที่เคยหนักอึ้ง บัดนี้กลับถูกเปิดขึ้นมาอย่างตื่นตระหนก และภาพตรงหน้าก็ทำให้ยาคอปแทบช็อกหัวใจวายตาย
เพราะสิ่งที่อยู่ตรงหน้าของเด็กหนุ่มในตอนนี้ก็คือ ใบหน้าสีแดงก่ำของมากาเรเทอ นัยน์ตาสีฟ้าที่ดูชุ่มฉ่ำคลอไปด้วยน้ำตา พอหลุบตาลงไปข้างล่างเล็กน้อย มือของเขากำลังสัมผัสกับหน้าอกของเธออยู่
“วะ…”
ยาคอปกำลังจะตะโกนออกมา เพราะคิดว่ามากาเรเทอมุดผ้าห่มเขาอีกแล้ว และคราวนี้มันดูหนักกว่าที่เคยเป็นมาเสียด้วย พร้อมกับจะถอยหนีออกจากสถานการณ์ตรงหน้า
แต่แล้ว
“…”
“!!!”
มากาเรเทอก็ใช้มือทั้งสองข้างของเธอโอบรอบศีรษะของยาคอป ก่อนที่จะล็อกพวกมันเอาไว้กับที่ พร้อมกันนั้นยังได้ปิดปากที่กำลังจะตะโกนโหวกเหวกโวยวายนั่นของเขาด้วยริมฝีปากของตัวเธอเอง
หรือหากพูดให้ถูกต้องก็คือ มากาเรเทอชิงจุมพิตแรกในชีวิตของยาคอปไปแล้ว
ส่วนยาคอปนั้นช็อกตัวแข็งค้างไปแล้ว เพราะนี่คือครั้งแรกที่เขาได้จุมพิตกับใครสักคน และเด็กหนุ่มเคยเรียนรู้มาจากโทมัสผู้เป็นพ่อว่า
“จำไว้นะย็อค การจูบกับใครสักคนมันคือเครื่องหมายของความรัก ความรักที่บริสุทธิ์ระหว่างชาย-หญิง และลูกต้องเก็บมันเอาไว้ให้กับผู้หญิงที่ลูกรักมากที่สุดนะลูก เข้าใจไหม?”
ยาคอปในตอนนั้นได้แต่พยักหน้า เพราะในตอนนั้นเด็กน้อยไม่คิดว่าจะมีผู้หญิงหน้าไหนบนโลกใบนี้ ที่เขาอยากจะมอบจุมพิตแรกให้ และคิดว่าคงจะได้ครองโสดไปจนวันตายอย่างแน่นอน
แต่ในตอนนี้ ความคิดนั้นของยาคอปก็พังทลายลงอย่างไม่เหลือชิ้นดี และผู้ที่ทุบทำลายมันก็คือ มากาเรเทอที่กำลังหลับตาพริ้ม พร้อมกับใช้ลิ้นน้อยๆ ของเธอไล่ลิ้มรสของริมฝีปากของเขาอย่างอ่อนโยน
แต่เนื่องจากมันเป็นจุมพิตแรกของพวกเขาทั้งคู่ มากาเรเทอจึงใช้เวลาไม่นานในการลิ้มลองมัน ก่อนที่เธอจะถอนตัวออกมา และยิ้มกว้างๆ
“เมื่อคืนนายดุร้ายมากๆ เลยนะรู้หรือเปล่า~”
มากาเรเทอเปิดปากพูด
“อะ…เอ่อ…ฉะ…ฉัน…”
ยาคอปพูดตะกุกตะกัก เพราะยังคงตั้งสติจากรสชาติของจุมพิตที่หอมหวานและใสซื่อบริสุทธิ์เมื่อครู่ไม่ได้
“ดุร้ายเหมือนกับสัตว์ป่าเลย ฮิๆ ทำเอาฉันแทบขาดใจเลยแน่ะ~”
มากาเรเทอใช้นิ้วชี้ลากวนไปรอบๆ บริเวณแผงอกของยาคอป
“ฉะ…ฉันทำ…อะไรลงไป…”
ยาคอปพูดด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ
เพราะนอกจากเขาจะเครียดจากโรคที่ไม่รู้ว่าจะรักษาหายหรือไม่ ยังต้องมาเครียดกับการกระทำที่ไม่รู้ตัวอีกอย่างนั้นเหรอ?
พร้อมกันนั้น เด็กหนุ่มยังได้เผลอใช้สายตามองไปที่หน้าอกของมากาเรเทอ เพราะสัมผัสจากเมื่อสักครู่ยังคงติดอยู่ที่มืออยู่เลย
และถ้าหากเมื่อคืน พวกเขาทำเรื่องอย่างว่าแบบที่ชายหญิงทำกันแล้ว ทำไมยาคอปถึงจำอะไรไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว หรือว่าในตอนที่ภาพสุดท้ายของเขาตัดไป ตัวของเขาจะทำไปโดยที่ไร้สติอย่างนั้นเหรอ?
“คิกๆ ทำหน้าตลกจังเลย~ ฉันล้อเล่นน่า~ เมื่อคืนนายขยำหน้าอกฉันประเดี๋ยวเดียวก็หมดสติไปเลย”
มากาเรเทอพูดด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ
“…ยัยบ้า! อย่ามาล้อเล่นแบบนี้ได้ไหม!!”
ยาคอปลุกขึ้นพรวดมาอยู่ในท่านั่ง ก่อนจะตำหนิมากาเรเทอด้วยน้ำเสียงที่ขุ่นเคืองใจ ในตอนนี้เขายิ่งเครียดๆ อยู่ พอมาเจอการเล่นที่ไม่ดูกาลเทศะของเธอ มันยิ่งทำให้เขาหงุดหงิดมากขึ้นไปอีก
“ไม่เอานะคะที่รัก~ อย่าอารมณ์เสียไปเลย~”
มากาเรเทอพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน ก่อนจะลุกตามมา
ก่อนที่เด็กสาวจะฉวยจังหวะที่ยาคอปกำลังหงุดหงิดหัวฟัดหัวเหวี่ยง พาร่างของตัวเองขึ้นไปนั่งคร่อมบนตักของเขา พร้อมกับใช้มือทั้งสองข้างคล้องคอของเด็กหนุ่มตรงหน้า และล็อกจับศีรษะของเขาไม่ให้หนีไปไหนได้ ก่อนจะประกบปากเข้าหากันอีกครั้ง
“…”
ยาคอปพยายามที่จะขัดขืนอยู่ครู่หนึ่ง เพราะความตื่นตระหนกที่โดนจู่โจมกะทันหัน แต่แล้วก็ล้มเลิกความตั้งใจนั้นไป เพราะมากาเรเทอใช้การปลอบโยนผ่านลิ้นที่กำลังรุกล้ำเข้ามาในโพรงปากของเขา
จนในที่สุด หลังจากที่ตักตวงทุกอย่างจนพอใจแล้ว มากาเรเทอก็ปล่อยให้ยาคอปเป็นอิสระ แต่มือสองข้างของเธอยังคงคล้องคอเขาไว้อยู่แบบนั้น
“ทะ…เธอทำแบบนี้…ไปทำไม?”
ยาคอปถามเสียงตะกุกตะกัก
“แล้วชอบไหมล่ะ?”
มากาเรเทอไม่ตอบคำถาม แต่ถามยาคอปกลับไป
“…ไม่เลยสักนิดเดียว”
ยาคอปลังเลที่จะตอบออกไป เพราะถ้าหากถามว่าชอบไหม ก็คงตอบได้ว่าชอบ เพราะการจุมพิตที่แสนอ่อนโยนนั้น มันอ่อนโยนเสียจนทำให้เขาเคลิบเคลิ้มไปกับภวังค์แห่งความสุข
แต่สุดท้ายแล้ว เขาก็ต้องปากแข็งตอบออกไปว่าไม่ชอบ เพราะถ้าหากตอบออกไปตามตรง มันค่อนข้างน่าอาย และรู้สึกว่าไม่สมกับความเป็นลูกผู้ชายของตัวเอง
“คิกๆ ปากไม่ตรงกับใจสินะ~”
มากาเรเทอหยอกล้อกับเขา
ในตอนนี้เด็กสาวรู้ดีว่าตัวเองจะหันหลังกลับไปไม่ได้แล้ว และมีแต่จะต้องเดินหน้าเข้าหายาคอปอย่างสุดกำลังเท่านั้น หากต้องการที่จะได้เด็กหนุ่มตรงหน้ามาเป็นของตัวเอง และครอบครองทุกสิ่งทุกอย่างของเขาเอาไว้แต่เพียงผู้เดียว
“มันคือเรื่องจริง!”
ยาคอปพูดเสียงแข็ง
“สักวันนายจะต้องเป็นฝ่ายจูบฉันแน่ๆ”
มากาเรเทอพูดพร้อมกับเผยรอยยิ้มที่ซุกซน รอยยิ้มที่ยาคอปไม่เคยเห็นมาก่อน และชวนให้รู้สึกขนลุกแปลกๆ
“ฝันไปเถอะ! แล้วก็พอได้แล้ว! ฉันจะลงไปข้างล่าง!”
ยาคอปที่เกิดอายขึ้นมา เด็กหนุ่มดิ้นหนีความเป็นจริงที่เกิดขึ้นตรงหน้า และวิ่งลงไปข้างล่าง เพราะถ้าหากอยู่ในห้องต่อไป เขาได้โดนมากาเรเทอรังแกจนต้องได้ร้องขอชีวิตแน่ๆ
“รอฉันด้วย~”
มากาเรเทอตะโกนตามหลังด้วยเสียงหวานๆ
หลังจากนั้น พวกเขาทั้งคู่ก็แปรงฟันล้างหน้าด้วยกัน โดยที่ตัวของมากาเรเทอเกาะแขนของยาคอปเอาไว้หนึบ ก่อนที่จะมานั่งทานอาหารเช้าที่แอร์นาทำเอาไว้ให้ก่อนออกไปทำงานด้วยกัน
“เอ้านี่~ อ้าม~”
มากาเรเทอตักอาหารพร้อมกับจะป้อนยาคอป
“อ้า…เฮ้ย! ไม่ใช่สิ! ฉันทานเองได้นะ!”
ยาคอปที่เผลอตัวอ้าปากตามเสียงของมากาเรเทอ เมื่อรู้สึกตัวก็ตะโกนแหววใส่เธอในทันที
“ไม่เอาน่าเจ้าหนูน้อย~ เร็วๆ เข้า รถไฟกำลังจะออกแล้วนะ~ อ้าม~”
มากาเทอไม่สนใจเสียงตะโกนของยาคอป แต่กลับพูดกับเขาด้วยประโยคที่น่ารักๆ อีกรอบ
“…”
ยาคอปไม่รู้จะต้อล้อต่อเถียงอะไรต่อไปดี เลยทำได้เพียงแค่อ้าปากแล้วทานอาหารที่เธอเป็นคนป้อนแต่โดยดี
เด็กหนุ่มรู้สึกว่าตัวเองกำลังโดนเด็กผู้หญิงคนนี้ตามใจและกำลังโดนโอ๋จนเกินพอดีอยู่ และมันอาจจะมากเกินไปเสียด้วยซ้ำ เพราะหลังจากนั้น มากาเรเทอก็พูดกึ่งบังคับให้ยาคอปมานอนหนุนตักของตัวเอง เพื่อที่จะได้ทำการโอ๋ๆ เขาต่อจากเมื่อคืน
หลังจากโดนโอ๋ๆ จนพอใจแล้ว ยาคอปก็ได้นำหนังสือมานอนอ่านในขณะที่กำลังหนุนอยู่บนตักของเธอ ส่วนทางมากาเรเทอก็กำลังนั่งถักไหมพรมที่เป็นงานอดิเรกอยู่
เด็กสาวกำลังคิดว่าจะถักผ้าพันคอใหม่ให้กับยาคอป เพราะผืนเก่าของเขาที่นำติดตัวมาจากสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้านั้น เริ่มมีรอยขาดวิ่นจากอายุการใช้ที่ยาวนานแล้ว และมันน่าจะป้องกันคอของเขาจากความหนาวได้ไม่ดีเท่าไหร่นัก
แต่หลังจากถักไหมพรมไปได้ราวๆ 1 ชั่วโมง มากาเรเทอก็เริ่มเบื่อ และอยากหาอะไรบางอย่างทำ อะไรบางอย่างที่มันหวือหวาและน่าตื่นเต้น และเมื่อเด็กสาวก้มลงไปมองยาคอปที่กำลังเพลิดเพลินกับหนังสืออยู่ เธอก็คิดออกว่าสิ่งที่ต้องการทำนั้นคืออะไร
มากาเรเทอวางอุปกรณ์ถักไหมพรมลง ก่อนจะจ้องมองตัวของยาคอป จนกระทั่งเด็กหนุ่มรู้สึกตัวว่ากำลังถูกเธอมองอยู่
“มีอะไรหรือเป…อืม~”
ยาคอปกำลังจะถาม แต่ก็ถูกมากาเรเทอปิดปากด้วยจุมพิตที่อ่อนโยนอีกครั้ง
พลังทั้งหมดที่จะใช้ขัดขืนเด็กสาวตรงหน้าถูกสูบออกไปจนหมด จนกระทั่งไร้แรงขัดขืน และตัวของยาคอปก็อ่อนระทวยราวกับของเหลว
“ฮิๆ หน้าตาตลกจังเลย~”
มากาเรเทอหัวเราะคิกคัก
“ยัย…ฮืม!!~”
ยาคอปกำลังจะอ้าปากพูด แต่ก็ถูกมากาเรเทอจับปิดปากด้วยจุมพิตอีกครั้ง และคราวนี้มือข้างหนึ่งของเธอกำลังไต่ไปตามตัวของเขา สร้างความรู้สึกแปลกๆ ราวกับมีกระแสไฟฟ้ากำลังวิ่งไปตามทางที่นิ้วนั่นลากผ่าน
มากาเรเทอจุมพิตยาคอปสลับปล่อยให้เขาพักหายใจอยู่เป็นระยะๆ จนกระทั่งเด็กหนุ่มตรงหน้าไม่คิดจะต่อต้านแล้ว
“ฉันชอบนายมากเลยนะ…อยากได้นายมาเป็นของฉันมากๆ เลย อยากได้มากๆ ด้วยตอนนี้!”
มากาเรเทอพูด พร้อมกับปล่อยให้ยาคอปเป็นอิสระ หลังการจุมพิตรอบที่ 6
นิสัยเสียของมากาเรเทอคือ ถ้าหากเธออยากได้อะไรแล้ว เธอจะทำทุกวิถีทางเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์นั้น โดยไม่สนวิธีการและไม่สนด้วยว่าใครจะรู้สึกอย่างไร
และในตอนนี้ที่มากาเรเทอต้องการก็คือ
“เธออยากที่จะได้ยาคอปมาเป็นแฟน ได้แต่งงานกับเขา มีลูกชายด้วยกัน”
“ฉะ…ฉัน…”
ยาคอปลังเลที่จะตอบออกไป เพราะใจหนึ่งเขาก็รู้สึกดีที่ได้เป็นคนที่มากาเรเทอต้องการ แต่อีกใจหนึ่งก็กำลังแย้งอย่างสุดขีดว่าถ้าหากตอบรับเธอไป แล้วเกิดว่าวันหนึ่งไปกันไม่รอด แล้วเขาต้องถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวล่ะ?
“ไม่ต้องตอบตอนนี้หรอกนะ~ ฉันแค่เอาแต่ใจ~ แต่ฉันจะถามนายอีกครั้ง เมื่อวันเกิดนายมาถึง~”
มากาเรเทอพูด
“…ก็ได้…”
ยาคอปพยักหน้าตอบตกลง
“งั้นจูบต่อนะ~”
มากาเรเทอพูดยิ้มๆ
“ดะ…เดี๋ยว!!…ฮืมม~”
ยาคอปร้องปฏิเสธเสียงดัง แต่ก็ไม่ทันแล้ว การจุมพิตครั้งที่ 7 ของมากาเรเทอได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
‘เพราะนายน่ารักแบบนี้ไง ฉันถึงได้ชอบนาย~’
มากาเรเทอคิดในใจ
และที่เด็กสาวต้องให้เวลาเขาคิดนานแบบนี้ เพื่อหวังว่าการทำให้เขามาขบคิดเรื่องที่เกี่ยวกับเธอ จะช่วยเบี่ยงเบนความสนใจของเขาออกไปจากความคิดด้านลบที่เกิดขึ้นในจิตใจได้
ในตอนนี้ ยาคอปมีเวลาอีก 4 เดือน ก่อนที่จะต้องตอบรับหรือปฏิเสธคำสารภาพรักของมากาเรเทอ และเด็กหนุ่มจะต้องใช้ทุกวินาทีนับจากนี้เป็นต้นไป เพื่อขบคิดถึงเรื่องเหล่านี้อย่างคุ้มค่าที่สุด…