บทที่ 23: การรบที่กรุงเบอร์ลิน 2

2214 Words
นับตั้งแต่วันที่ทหารโซเวียตเปิดฉากรุกรานกรุงเบอร์ลินครั้งแรก เวลาก็ล่วงเลยไปได้ราวๆ 1 สัปดาห์เศษๆ ในที่สุดพวกเขาก็สามารถเจาะผ่านแนวหน้าของเยอรมันในการป้องกันกรุงเบอร์ลินมาได้ เมื่อแนวหน้าของเยอรมันในการรบกับโซเวียตถูกตีแตก และทหารส่วนมากตกเป็นเชลยศึกของฝ่ายโซเวียต กองกำลังอาสาป้องกันกรุงเบอร์ลินก็ระส่ำระสายในทันที กองทัพโซเวียตปูพรมด้วยปืนใหญ่และจรวดหลายลำกล้อง ก่อนที่ทหารราบจำนวนมหาศาลพร้อมด้วยการสนับสนุนจากยานเกราะจะรุกเข้าไปในกรุงเบอร์ลินแบบไม่มีอะไรขวางกั้น กองกำลังอาสาป้องกันกรุงเบอร์ลินนั้นรบแบบสิ้นหวัง และจนตรอกถึงขีดสุด พวกเขาไม่สามารถถอยไปไหนได้แล้ว แม้จะต้านทานการบุกระลอกหนึ่งได้ แต่ระลอกถัดไปฝ่ายโซเวียตจะกลับมาด้วยกำลังพลที่มากกว่าเดิม และการสนับสนุนจากยานเกราะที่เยอรมันนั้นสู้ไม่ได้เลยแม้แต่น้อย ยาคอปที่ร่วมการรบกับพวกผู้ใหญ่นั้นทำการรบอย่างกล้าหาญ แม้ในใจของเขาจะหวาดกลัวต่อภัยคุกคามที่สามารถพรากเอาชีวิตเขาไปได้ทุกเมื่อ แต่เด็กหนุ่มเลือกที่จะเอาความกลัวนั้นบรรจุลงไปในกระบอกปืนแล้วยิงมันออกไป จะเรียกว่ายาคอปใช้ความกลัวมาเป็นแรงขับดันให้สามารถทำการรบอยู่ได้ก็ไม่ผิดนัก แต่จากการเข้าโจมตีอย่างต่อเนื่องของฝ่ายโซเวียต ทำให้คนในหน่วยรวมถึงยาคอปไม่ได้พักผ่อนกันเลยบวกกับการที่เสบียงอาหารในหน่วยนั้นร่อยหรอ ทำให้พวกเขาอ่อนล้าและแทบไม่มีเรี่ยวแรงเหลือสำหรับการรบในวันถัดไปเลย . 23 เมษายน 1945 “นี่คุณลุงครับ บ้านของคุณลุงอยู่ที่ไหนเหรอครับ?” ยาคอปถามคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ในขณะที่ทานขนมปังพร้อมกับอาหารกระป๋องในช่วงที่พักหายใจหลังการรบอันแสนยากลำบาก “ฉันเหรอ? บ้านฉันอยู่ที่ฮัมบูร์กน่ะ แต่ต้องหนีมาที่เบอร์ลินเพราะพวกสัมพันธมิตรนั่นทิ้งระเบิดใส่เมืองของฉันไม่หยุดเลย แล้วก็มาติดแหง็กรบกับพวกโซเวียตที่นี่นี่แหละ” คุณลุงที่ดูท่าทางอิดโรยตอบกลับมา “งั้นเหรอครับ…” ยาคอปพยักหน้าหงึกๆ “แล้วเธอล่ะ?” ชายคนนั้นถามกลับ “บ้านผมอยู่ที่ดอร์ทมุนด์ครับ…แต่หนีมาที่เบอร์ลินเพราะพวกสัมพันธมิตรทิ้งระเบิดใส่บ้านผมเหมือนกัน” ยาคอปตอบคำถาม พร้อมใช้ช้อนตักถั่วกระป๋องทานไปด้วย “แล้วพ่อกับแม่ของเธอล่ะ?” ชายคนนั้นถามยาคอปอีกครั้ง “พวกท่านจากผมไปแล้วครับ…ผมเหลือแค่คุณอาที่ทำงานในหน่วยเกสตาโปคนเดียว…” ยาคอปตอบเสียงอ่อนๆ เพราะการสูญเสียพ่อกับแม่ไปในสงคราม มันยังคงเป็นเรื่องที่น่าเศร้าสำหรับเขาอยู่ดี “งั้นเหรอ…” ชายคนนั้นพยักหน้าอย่างเชื่องช้า ทั้งสองคนนั่งทานอาหารด้วยกันต่อไปอีกสักพัก ก่อนที่เสียงระเบิดจะดังขึ้น เป็นสัญญาณว่ากองทัพโซเวียตกำลังเคลื่อนพลเข้าตีที่มั่นของพวกเขาอีกครั้ง ถ้าหากรวมทั้งหมดในช่วง 3 วันที่ผ่านมา ครั้งนี้เป็นความพยายามครั้งที่ 5 ของพวกเขาแล้ว ยาคอปรีบคว้าปืนพร้อมกระเป๋าบรรจุกระสุนที่มีกระสุนเหลืออยู่น้อยนิดและลุกขึ้นไปยิงต่อสู้กับทหารโซเวียตต่อ ความเหนื่อยล้าที่สะสม ท้องที่กำลังหิว มันทำให้มีอยู่จังหวะหนึ่งที่ยาคอปพลาดทำตลับกระสุนตก และเด็กหนุ่มรีบก้มลงเก็บ ในจังหวะเดียวกันที่ทหารโซเวียตพุ่งเข้ามาหมายจะปลิดชีพของเขา “เหวอ!!” ยาคอปอุทานเสียงหลง เมื่อเบื้องหน้ามีทหารโซเวียตกำลังจะใช้มีดแทงเขาอยู่ ‘ปัง!’ สิ้นเสียงปืน ทหารโซเวียตนายนั้นก็ล้มลงขาดใจตายอยู่ที่พื้น และเลือดของเขาก็กระเซ็นเต็มใบหน้าของยาคอป พอหันไปดูก็พบว่าเป็นผู้ชายคนที่เขาพึ่งคุยด้วยนั่นเองที่ช่วยชีวิตเขาเอาไว้ ก่อนที่เขาจะตะโกนพูดกับยาคอป ท่ามกลางเสียงปืนที่ดังระงมเป็นฉากหลัง “ตั้งสติไว้ไอ้หนู!! ถ้าเธอพลาด เธอตายแน่!!” ก่อนที่เขาจะหันไปยิงต่อสู้กับพวกโซเวียตต่ออย่างกล้าหาญ การรบดำเนินต่อไปอีกราวๆ 30 นาที และเป็นโชคไม่ดีนักที่หน่วยของยาคอปไม่สามารถต้านทานการบุกของทหารโซเวียตในระลอกนี้ได้อีกต่อไป หน่วยของเขาถูกตีแตก และคนในหน่วยส่วนมากไม่ตายในขณะการรบก็ถูกจับเป็นเชลยศึก มีเพียงยาคอปเท่านั้นที่หลบหนีออกมาได้ ยาคอปวิ่งหนีไปตามซอกตึก มุ่งหน้าสู่ทิศตะวันตกอันเป็นที่มั่นสุดท้ายของกองกำลังอาสาป้องกันกรุงเบอร์ลิน แต่แล้วด้วยความที่ไม่ชำนาญเส้นทาง เขาเลี้ยวผิดซอยลงไปทางใต้ ทำให้เขาพลัดหลงไปเจอเข้ากับที่มั่นของหน่วยเกสตาโปแทนที่จะเป็นที่มั่นของหน่วยอาสา “คุณอากึนเทอร์อยู่ไหมครับ? คุณอาของผมอยู่ไหน?” ยาคอปตะโกนถามคนในหน่วยเกสตาโปที่กำลังวุ่นวาย และจัดกำลังเตรียมรับมือการบุกของพวกโซเวียต คนในหน่วยตะโกนเรียกหาหัวหน้าของพวกเขา ก่อนที่ไม่นานตัวของกึนเทอร์จะวิ่งออกมาหายาคอป “ยาคอป!!” “อากึนเทอร์!!” ยาคอปกอดกึนเทอร์เอาไว้ พร้อมกับร้องไห้ด้วยความหวาดกลัว กึนเทอร์กอดผู้เป็นหลานเอาไว้แน่น ก่อนที่จะสังเกตเห็นว่าที่แขนของยาคอปมีบาดแผลจากคมกระสุนที่เฉี่ยวผิวหนัง เขาจึงได้พาหลานชายไปทำแผลที่ด้านในอาคาร . “เจ็บมากไหม ยาคอป?” กึนเทอร์ถามในขณะที่พันผ้าพันแผลให้ยาคอป “เจ็บฮะ…เจ็บมากๆ เลย” ยาคอปร้องไห้งอแง เพราะเมื่อทุกอย่างผ่านไปแล้ว ความเจ็บปวดต่างๆ ที่ถูกกดเอาไว้ด้วยความกลัวมันก็ระเบิดออกมา ยาคอปพบว่าเท้าของตัวเองเป็นแผลจากการวิ่งและเดินไปมา ที่แก้มและแขนด้านขวาก็มีบาดแผลที่ถูกกระสุนเฉี่ยวอยู่หลายจุด “ไม่เป็นไรนะ อาทำแผลให้แล้ว” กึนเทอร์ลูบศีรษะของหลานชาย ในจังหวะเดียวกันที่เสียงปืนด้านนอกอาคารเริ่มดังขึ้น ตำแหน่งที่มั่นของหน่วยเกสตาโปถูกทหารโซเวียตเข้าโจมตี และคนในหน่วยพยายามที่จะต้านอย่างสุดความสามารถ กึนเทอร์จำเป็นที่จะต้องออกไปต่อสู้กับพวกนั้น แม้จะรู้ว่าโอกาสรอดนั้นไม่มีเลยก็ตาม “รออาอยู่นี่นะ…” กึนเทอร์กำชับกับยาคอป “ไม่เอานะฮะ อาอย่าไปเลยนะฮะ!” ยาคอปร้องไห้งอแง พลางยื้อตัวผู้เป็นอาเอาไว้สุดชีวิต เพราะถ้ากึนเทอร์ตาย ยาคอปจะไม่หลือใครเลย นอกจากอาเอ็ลซ่า ภรรยาของแวร์เนอร์ที่ไม่ค่อยสนิทกันสักเท่าไหร่ “อย่าดื้อสิยาคอป…รออาอยู่ตรงนี้นะ…” กึนเทอร์ลูบศีรษะของยาคอป ก่อนที่จะถอดเสื้อคลุมของตัวเองคลุมตัวของยาคอปเอาไว้ เพื่อให้ความอบอุ่นแก่ผู้เป็นหลานชาย ยาคอปมองภาพที่ผู้เป็นอาเดินจากไปทั้งน้ำตา เขาไม่สามารถหยุดสิ่งที่กำลังเป็นอยู่นี้ได้เลย ที่ทำได้มีเพียงนั่งร้องไห้เหมือนกับคนขี้ขลาดอยู่แบบนี้ เสียงการต่อสู้ภายนอกนั้นทวีความรุนแรงขึ้นเป็นระยะๆ มีเสียงจากการยิงของยานเกราะผสมโรงเข้ามาด้วย ยาคอปนั่งตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวอยู่ที่ใต้โต๊ะทำงานของผู้เป็นอา ‘ตู้ม!’ เสียงระเบิดนัดหนึ่งดังขึ้น ก่อนจะตามมาด้วยเสียงโวยวายของคนในหน่วยเกสตาโป “ท่านกึนเทอร์ถูกยิง! ท่านกึนเทอร์ถูกยิง!” ยาคอปรีบทิ้งความกลัวและวิ่งออกไปหากึนเทอร์ในทันที เมื่อได้ยินว่าผู้เป็นอาได้รับบาดเจ็บ พอออกไปด้านนอกอาคารนั้น สภาพนั้นเละเทะและสับสนวุ่นวายราวกับผึ้งแตกรัง มีคนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตอยู่มากมาย ไกลออกไปมีทหารโซเวียตกำลังรุกคืบเข้ามาอย่างช้าๆ อยู่ ยาคอปกวาดสายตามองหาผู้เป็นอาอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเขาก็พบกับผู้เป็นอาที่กำลังนั่งพิงผนังอยู่ แต่ขาทั้งสองข้างของกึนเทอร์นั้นขาดกระจุยไปแล้ว “อากึนเทอร์!!!” ยาคอปวิ่งร้องไห้ไปหากึนเทอร์ เพราะถ้าอาของเขาตาย เขาจะไม่เหลือใครอีกเลยในชีวิตนี้ “ยาคอป…หนีไป!” กึนเทอร์พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง “ไม่เอา!! ผมจะอยู่กับอา ผมจะตายไปพร้อมกับอา!! ผมไม่เหลือใครแล้ว!! ฮือออ!!” ยาคอปกอดกึนเทอร์เอาไว้แน่น “เอาเข็มทิศนี่ไป เราดูทิศเป็นใช่ไหม ให้มุ่งหน้าไปตามทิศ W นะ แล้วไปหาพวกสัมพันธมิตรตะวันตกซะ” กึนเทอร์หยิบเข็มทิศออกมาจากกระเป๋าเสื้อ “ไม่เอา…ฮืออ…ผมจะอยู่กับอา!!” ยาคอปงอแงตามประสาเด็กน้อย “ยาคอป…อย่าดื้อสิ! ทำตามที่อาบอกนะ แล้วเราจะรอด อาจะอยู่กับเราตลอดไปนะ…เฮ้! ฟรังค์! ฉันมีเรื่องวานนายหน่อย…” กึนเทอร์พูดกับยาคอป พร้อมกับตะโกนเรียกลูกน้อง “ครับหัวหน้า!?” ฟรังค์รีบวิ่งเข้ามาหากึนเทอร์ในทันที “พาหลานชายของฉันออกไปยังที่ปลอดภัยที นี่เป็นคำสั่ง!” กึนเทอร์สั่งลูกน้อง “ครับ!!” ฟรังค์รับทราบคำสั่ง “ไม่เอา! ปล่อยผม! ผมจะอยู่กับคุณอา! ปล่อยผม! ปล่อยผม! ฮือออ!!” ยาคอปร้องไห้ เมื่อถูกอุ้มออกไปจากผู้เป็นอา กึนเทอร์มองภาพที่ยาคอปห่างออกไปด้วยสีหน้าที่เป็นสุขที่สุด เพราะรู้ว่าหลานของตัวเองปลอดภัยแล้ว ก่อนที่เขาจะเงยหน้ามองท้องฟ้าสีครามที่ดูสวยงามอยู่เบื้องบน ‘อา…ท้องฟ้าสวยจังเลย……’ กึนเทอร์คิดอยู่ในใจ ก่อนที่ลมหายใจของเขาจะขาดห้วงไป และในที่สุด กึนเทอร์ ฮอฟมัน ลูกชายคนสุดท้องของสกุลฮอฟมันก็ได้เสียชีวิตลงในการรบที่กรุงเบอร์ลิน . ทางด้านยาคอปที่ถูกพาตัวออกมาจากสนามรบนั้น เขาร้องไห้งอแงจะกลับไปหาผู้เป็นอาอยู่ตลอด จนกระทั่งมาถึงชานเมืองทางด้านทิศตะวันตกของกรุงเบอร์ลิน ฟรังค์จึงวางตัวของยาคอปลง “ผมจะไปหาคุณอา…ได้โปรดเถอะครับ! พาผมกลับไปด้วย! ผมจะตายไปพร้อมกับคุณอา!” ยาคอปกอดขาของฟรังค์เอาไว้แน่น เด็กหนุ่มไม่เหลือใครแล้ว ไม่มีอีกเลย เขาอยากจะตายไปยังโลกหน้าเพื่อพบกับทุกๆ คนในครอบครัว “ไม่ได้หรอกนะหนุ่มน้อย เธออย่าทำให้การสละชีวิตของคุณอาต้องเปล่าประโยชน์สิ จงมีชีวิตต่อไปเถอะนะ จงมีชีวิตอยู่เพื่อคนที่ไม่ได้มีชีวิตอยู่ และจงบอกแก่คนรุ่นหลังจากพวกเราทราบว่า สงครามไม่ได้ทำให้อะไรมันดีขึ้นมาเลย” ฟรังค์พูดกับยาคอป “แต่ผม…แต่ผมจะอยู่ยังไง…ผมไม่เหลือใครแล้ว…” ยาคอปสะอึกสะอื้นอย่างน่าสงสาร “เธอต้องใช้ชีวิตต่อไป แม้ว่ามันจะยากลำบากก็ตาม เชื่อฉันสิว่ามนุษย์ทุกคนมีแสงแดดอันแสนอ่อนโยนของตัวเองเสมอ…” ฟรังค์พูดกับยาคอป พร้อมกับปาดน้ำตาให้กับเขา “ฮะ…” เด็กหนุ่มตัดสินใจที่จะเชื่อฟรังค์ “ไปเถอะหนุ่มน้อย ไปทางทิศตะวันตก ไปยอมแพ้กับพวกสัมพันธมิตรตะวันตกซะ แล้วใช้ชีวิตต่อไป เพื่อฉัน และเพื่อทุกคนที่เธอรักและตายไปในสงคราม จงจำเอาไว้…ทุกคนไม่ได้จากไปไหน พวกเขาแค่เข้าไปอยู่ในความทรงจำของเธอเท่านั้น” ฟรังค์พูดพร้อมกับลูบศีรษะของยาคอป “ฮะ…ผมจะไป…ผมจะไปยอมแพ้กับพวกตะวันตก…” ยาคอปพูดพร้อมกับสะอื้นร้องไห้ไปด้วย “ไปเถอะ ฉันต้องกลับไปช่วยเหลือเพื่อนๆ ในหน่วยต่อ เธอต้องไปคนเดียวนะ ทำได้ใช่ไหม?” ฟรังค์ถาม “ผมจะทำ…ผมจะไปคนเดียว!” ยาคอปพูด ฟรังค์ยิ้มให้กับยาคอป ก่อนจะหมุนตัวกลับไปทางกรุงเบอร์ลินอีกครั้ง ส่วนยาคอปได้ออกวิ่งไปยังทิศตรงกันข้าม เด็กหนุ่มไม่รู้ว่ามันจะยาวนานเท่าไหร่กว่าที่จะพบกับฝ่ายสัมพันธมิตรตะวันตก แต่เขาจะต้องทำมันให้สำเร็จ เพื่อใช้ชีวิตในส่วนของทุกคนที่ไม่ได้ใช้ชีวิต และเขาจะต้องไถ่บาปในสิ่งที่ตัวเองเคยทำเอาไว้ให้ได้สักวันหนึ่ง “ฉันจะมีชีวิตอยู่ต่อไป! ฉันต้องรอด! ฉันต้องไปข้างหน้า!” ยาคอปตะโกนเสียงดัง เพื่อปลุกกำลังใจของตัวเอง เด็กหนุ่มตัดสินใจที่จะทิ้งทุกอย่างเอาไว้เบื้องหลัง อดีตที่แสนขมขื่นเขาจะเก็บมันไว้ในส่วนลึกของความทรงจำ และมีชีวิตอยู่ต่อไป เพื่อทุกคนในครอบครัวของเขา ยาคอปวิ่งอย่างเต็มกำลังและพุ่งไปเบื้องหน้าผ่านป่าและท้องทุ่งอันกว้างใหญ่เพื่อไปพบกับฝ่ายสัมพันธมิตรตะวันตก…
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD