บทที่ 34: พิษร้ายของสงครามที่ตามหลอกหลอน

1822 Words
ในช่วงบ่ายของวันหยุดสุดสัปดาห์ ยาคอปกำลังงีบหลับช่วงบ่ายอยู่บนโซฟาอย่างปกติสุข โดยที่มีมากาเรเทอกำลังนั่งถักไหมพรมอยู่ด้านข้าง แต่แล้ว ‘ตู้ม!’ เสียงหม้อแปลงไฟฟ้าที่อยู่ในละแวกใกล้เคียงได้เกิดระเบิดขึ้นเสียงดังสนั่น และมันทำให้ยาคอปที่กำลังนอนอยู่สะดุ้งสุดตัว “!!!!” เด็กหนุ่มลุกขึ้นมาพร้อมกับสีหน้าที่ตื่นตระหนกสุดขีด “ยาคอป? เป็นอะไรไปน่ะ?” มากาเรเทอหันมาเห็นพอดี เธอจึงสัมผัสมือของเขาอย่างอ่อนโยนแบบที่เคยเป็น เพื่อถามถึงอาการที่เขาเป็น “เหวอ!!” ยาคอปตะโกนออกมาเสียงดัง พร้อมกับสลัดมือของมากาเรเทอออกไปให้พ้นจากตัวเอง “นี่! เป็นอะไรไปอ่ะ?” มากาเรเทอพยายามจะเข้าไปเรียกสติของยาคอป เพราะคิดว่าบางทีเขาอาจจะยังตื่นไม่เต็มตา “อย่าเข้ามานะ!! ออกไป!! ออกไปนะ!!” ยาคอปพยายามผลักไสมากาเรเทอออกไป ซึ่งการกระทำของเขานั้นรุนแรงกว่าปกติ จนเด็กสาวรู้สึกเจ็บ และสามารถสัมผัสได้ว่านี่ไม่ใช่ยาคอปที่เธอรู้จัก “นี่! ใจเย็นๆ สิ ฉันมากาเรเทอเองนะ!” มากาเรเทอพูดกับยาคอป แต่เหมือนมันจะไร้ผล ‘ตู้ม!’ เสียงระเบิดของหม้อแปลงไฟฟ้าดังซ้ำขึ้นอีกรอบ นั่นยิ่งทำให้สถานการณ์ทุกอย่างเลวร้ายลงไปอีก “ว้ากกกกกกกกกกกกกกก!!!!” ยาคอปตะโกนออกมาอย่างคนขวัญเสีย เพราะเสียงระเบิดนั้นมันทำให้เด็กหนุ่มคิดถึงสงครามที่กรุงเบอร์ลินที่เขาเคยเข้าร่วม เมื่อสมัยที่เขายังเป็นเด็ก และมันทำให้เขาหวาดวิตกอย่างสุดขีดต่อเสียงระเบิด หรืออะไรก็ตามที่มันเสียงดังมากๆ เพราะมันคล้ายกับเสียงปืนใหญ่ของพวกโซเวียต ที่ใช้ปูพรมถล่มก่อนเข้าตีฐานที่มั่นของพวกเขา และภาพความทรงจำที่เขาเคยเห็น การตายของทุกคนในหน่วย ทหารโซเวียตทุกคนที่เขาเคยสังหาร อากึนเทอร์ที่ขาขาดกระจุย ทุกสิ่งทุกอย่างที่ประสบมาในสงครามมันกำลังไหลเข้าหัวของเขาอย่างควบคุมไม่ได้ และมันบีบบังคับให้เขาต้องหวาดกลัวอย่างสุดชีวิต “เด็กๆ!! เกิดอะไรขึ้น?!” แอร์นาที่กำลังทำธุระอยู่ในห้องครัวรีบวิ่งมาดู เมื่อได้ยินเสียงตะโกนของยาคอป ภาพที่เธอเห็นตรงหน้าคือ มากาเรเทอที่กำลังละล้าละลังทำตัวไม่ถูก และตัวของยาคอปที่นั่งตัวสั่นเป็นเจ้าเข้า มือสองข้างกุมศีรษะและนั่งคู้ตัว เหมือนกำลังหวาดกลัวอะไรบางอย่างแบบสุดชีวิต “คุณแม่คะ! ยาคอปเป็นอะไรก็ไม่รู้…” มากาเรเทอหันมาคุยกับผู้เป็นแม่ที่เดินเข้ามาดูสถานการณ์ “ให้แม่ดูหน่อย…นี่ลูกไม่ได้ทำอะไรแปลกๆ กับยาคอปหรอกใช่ไหม?” แอร์นาเข้าไปดูอาการของยาคอปในทันที ก่อนจะหันไปถามตัวของมากาเรเทอ เพราะเธอคิดว่าต้นเหตุอาจจะมาจากลูกสาวทำอะไรแปลกๆ ก็เป็นได้ “ไม่ค่ะ! ไม่ใช่หนู…” มากาเรเทอสั่นศีรษะปฏิเสธอย่างรวดเร็ว แอร์นารู้ว่าแม้มากาเรเทอจะขี้เล่นจนเกินความพอดี แต่เธอไม่เคยโกหกใคร ดังนั้นจึงเชื่อได้ว่าไม่ใช่ฝีมือของเธออย่างแน่นอน หญิงสาวจึงหันกลับมาหายาคอป เพื่อสอบถามอาการของเขาว่าเกิดอะไรขึ้น “ยาคอปจ๊ะ เป็นอะไรหรือเปล่า?” ยาคอปที่นั่งตัวสั่นเป็นเจ้าเข้าจึงตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงหวาดวิตกแบบสุดชีวิต “พวกโซเวียต! พวกโซเวียตมันจะบุกมาแล้ว! ทุกคนกำลังตกอยู่ในอันตราย!” แอร์นานิ่วหน้าเล็กน้อย เพราะอาการของยาคอปในตอนนี้หากประเมินจากการที่เธอเป็นแพทย์แล้วก็นับว่าค่อนข้างที่จะหนักเลยทีเดียว บางทีอาจจะต้องส่งตัวเขาให้กับผู้เชี่ยวชาญที่รักษาทางด้านสภาพจิตใจเลยด้วยซ้ำ แต่ในตอนนี้หญิงสาวทำแบบนั้นไม่ได้ เพราะนี่ก็เป็นเวลาใกล้จะเย็นแล้ว คลินิกของเพื่อนเธอที่เป็นจิตแพทย์ก็ปิดไปแล้ว แถมถ้าไปที่โรงพยาบาลในตอนนี้ แผนกจิตเวชก็น่าจะปิดไม่ต่างกัน ดังนั้นสิ่งที่ทำได้ในตอนนี้คือปลอบให้ยาคอปสงบลงเสียก่อน แล้วอย่างอื่นค่อยว่ากัน “ไม่เป็นไรนะจ๊ะยาคอป ตอนนี้สงครามสงบไปแล้ว ไม่มีกองทัพโซเวียต ไม่มีทหารเยอรมัน ไม่มีการต่อสู้อะไรแล้วนะจ๊ะ” แอร์นาลูบหลังปลอบยาคอปที่กำลังตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว “!!” แต่เสียงของเธอในตอนนี้ไม่สามารถส่งไปถึงยาคอปได้ เพราะตอนนี้เด็กหนุ่มกำลังจมอยู่กับความหวาดกลัวที่ฝังแน่นอยู่ภายในจิตใจ พิษร้ายที่ติดตามเขามาจากสงคราม ในตอนนี้มันกำลังแผ่ขยายความหวาดกลัวไปทั่วทั้งร่างกายของเขา ราวกับมะเร็งร้ายที่ยากต่อการรักษา “ไม่เป็นไรนะจ๊ะ…ไม่เป็นไร…มากาเรเทอ ไปหยิบผ้าห่มมาให้แม่หน่อย…” แอร์นาพยายามปลอบให้ยาคอปสงบลง พร้อมกับสั่งให้ลูกสาวไปหยิบผ้าห่มมาคลุมตัวของยาคอปเอาไว้ เพราะการทำให้แบบนี้จะทำให้คนที่กำลังหวาดกลัวรู้สึกว่าปลอดภัยขึ้นมาเล็กน้อย มากาเรเทอรีบวิ่งไปนำผ้าห่มมาให้ผู้เป็นแม่ในทันที ก่อนที่ทางแอร์นาจะใช้มันคลุมตัวของยาคอป พร้อมกับลูบหลังเขาเบาๆ เพื่อปลอบโยนให้หายจากความหวาดกลัว ‘ตู้ม!’ เสียงหม้อแปลงระเบิดดังเป็นรอบที่ 3 นั่นยิ่งทำให้ทุกอย่างเลวร้ายขึ้นไปอีก “ว้ากกกกกกกกกก!!!!!” ยาคอปตะโกนออกมาพร้อมอาการขวัญผวาอย่างถึงที่สุด ในตอนนี้สติเขาไม่เหลืออยู่แล้ว มีเพียงความหวาดกลัวอันไร้ที่สิ้นสุดที่กำลังชักนำเขาให้ก้าวไปสู่หายนะ ยาคอปตัวสั่นอย่างรุนแรงพร้อมกับร้องไห้ออกมา เขากลัว กลัวทุกอย่างเลยในตอนนี้ เสียงระเบิดนั้นมันไปกระตุ้นให้ความหวาดกลัวที่เขาพยายามซ่อนเอาไว้ในจิตใจระเบิดออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ และเขาต้องการที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ เพื่อพาตัวของเขาออกจากจุดนี้ “คุณแม่คะ…ยาคอปเขาจะเป็นอะไรมากไหมคะ?” มากาเรเทอถาม เมื่อเห็นสภาพของยาคอปตรงหน้าเป็นแบบนั้น เด็กหนุ่มที่เข้มแข็งเสมอมาไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น หรือมีอะไรเข้ามากระทบจิตใจ แต่บัดนี้เขากำลังนั่งร้องไห้ด้วยความหวาดกลัวประหนึ่งเด็กน้อยหลงทางในความมืดมิด เมื่อคิดแบบนั้นหัวใจดวงน้อยของเธอก็พลันเหมือนกับถูกบีบรัดเอาไว้อย่างแน่นหนา เด็กสาวรู้สึกทรมานไปร่วมกับเขา รู้สึกราวกับว่ากำลังจะขาดใจจากความหวาดกลัวที่มองไม่เห็นและจินตนาการไม่ออก เธอจินตนาการว่าสิ่งที่เขาต้องเผชิญอยู่นั้นมันเกินกว่าที่มนุษย์จะเข้าใจ และวินาทีนั้นเองที่มากาเรเทอตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่า ‘เธอจะต้องเป็นจิตแพทย์’ เพราะมากาเรเทอทนไม่ได้ที่จะต้องเห็นเพื่อนมนุษย์ต้องทนทุกข์ทรมานกับความหวาดกลัวภายในจิตใจของตัวเอง เด็กสาวอยากจะยืนอยู่ในจุดที่ช่วยเหลือทุกคนได้ อยากที่จะเข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของพวกเขาให้มากกว่านี้ “แม่ก็ไม่รู้จ้ะ…” แอร์นาส่ายศีรษะอย่างสิ้นหวัง เธอเป็นอายุรแพทย์ ไม่ใช่จิตแพทย์ ถ้ามันมีทางที่ทำให้ยาคอปสงบลงได้เธอคงทำไปแล้ว แต่ในตอนนี้เธออยู่ที่บ้าน ไม่มีผู้ช่วยหรืออุปกรณ์อะไรเลยที่จะทำให้เด็กหนุ่มตรงหน้าสงบลงได้ “ทุกคน! กลับมาแล้ว~” เสียงของเฮนรี่ดังขึ้นที่หน้าประตูบ้าน ทำให้แอร์นารีบวิ่งออกไปหาสามีในทันที เพื่อปรึกษาเรื่องอาการของยาคอป ส่วนมากาเรเทอนั้นมองดูภาพที่ยาคอปนั่งตัวสั่นและร้องไห้ด้วยความสงสาร เธอตั้งคำถามกับตัวเองว่าไม่มีอะไรเลยเหรอที่จะสามารถช่วยหรือทำให้เขาสงบได้ในตอนนี้ แต่แล้วมากาเรเทอก็นึกวิธีออก วิธีเดียวกันกับที่ยาคอปเคยใช้กับเธอตอนที่เธอหวาดกลัวเสียงฟ้าผ่า และมันทำให้รู้สงบได้อย่างน่าประหลาด ดังนั้น เด็กสาวจึงลงมือในทันทีโดยที่ไม่รีรอสิ่งใด เพราะทุกวินาทีที่ผ่านไป เธอรู้ดีว่าจิตใจของยาคอปมีแต่จะเสียหายมากขึ้นและมากขึ้น หากไม่ได้รับการเยียวยาเสียแต่เนิ่นๆ มากาเรเทอค่อยๆ กอดยาคอปอย่างอ่อนโยน พร้อมกับพูดโอ๋ให้เขาสงบลง “โอ๋ๆ~ ไม่เป็นไรนะเด็กดี~” เธอลูบศีรษะเขาอย่างนิ่มนวล ยาคอปเหมือนจะรับรู้ได้ว่าในตอนนี้มีคนกำลังกอดตัวเองอยู่ ดังนั้นเขาจึงไม่รีรอที่จะพุ่งตัวเข้าไปกอดตอบกลับไปอย่างเต็มแรง เพื่อพยายามที่จะบอกว่า “ช่วยด้วย! ใครก็ได้! ช่วยฉันที!” แม้ว่ามากาเรเทอจะรู้สึกเจ็บและตกใจเล็กน้อยที่ยาคอปพุ่งเข้ามากอดเธอแรงๆ แต่เธอก็อดทนเอาไว้ พร้อมกับลูบศีรษะปลอบเขาให้สงบลงโดยไว แอร์นาพาเฮนรี่มาดูอาการของยาคอป เพื่อประเมินอาการร่วมกัน และปรึกษาหารือกันว่าพวกเขาควรจะส่งยาคอปไปหาเพื่อนคนไหนดี “คุณคิดว่าเราควรส่งยาคอปไปหาวิลเลี่ยมดีไหมคะ?” แอร์นาเสนอความเห็น “อืม…ก็ดีนะ วิลเลี่ยมเป็นจิตแพทย์อยู่ในกรุงเบอร์ลินตะวันตกนี่เอง” เฮนรี่พยักหน้าเห็นด้วย พร้อมกับมองยาคอปที่สะอึกสะอื้นร้องไห้ในอ้อมกอดของลูกสาวของตนอย่างน่าสงสาร “งั้นเราควรไปให้ไวที่สุดเท่าที่จะทำได้เลยนะคะ” แอร์นาพูด “นั่นสินะ พรุ่งนี้ผมจะพาเขาไปแต่เช้าเลย ส่วนวันนี้เราคงทำได้แค่ปลอบเขาให้สงบลงล่ะนะ” เฮนรี่พูดพร้อมกับถอนหายใจ ไม่มีอะไรเลยที่พวกเขาจะสามารถทำได้ในตอนนี้นอกจากปลอบยาคอปให้สงบลง ส่วนมากาเรเทอนั้นกอดยาคอปเอาไว้แน่น พร้อมกับลูบหลังเขาไปด้วย เวลาที่เห็นเขามีความสุข เธอก็อยากที่จะทำให้เขามีความสุขยิ่งๆ ขึ้นไป แต่เวลาเห็นเขาเจ็บปวด เธอก็อยากที่จะแบ่งปันความเจ็บปวดนั้นให้บรรเทาลง ดังนั้นในตอนนี้ ตัวของมากาเรเทอจึงร้องไห้ไปกับยาคอป เพื่อแบ่งปันความเจ็บปวดร่วมกัน เธอจะไม่ยอมปล่อยให้คนที่เธอชอบต้องมาเจ็บปวดอย่างโดดเดี่ยวแบบนี้อย่างแน่นอน “ไม่เป็นไรนะ…ไม่เป็นไร…ทุกอย่าง…มันจะต้องโอเคขึ้นนะ” มากาเรเทอกล่าวกับยาคอปทั้งน้ำตา พร้อมกับชนศีรษะกับเขาเพื่อหวังว่าการกระทำของเธอจะช่วยแบ่งเบาความเจ็บปวดของเขาให้มาหาเธอ แม้เพียงสักนิดก็ยังดี…
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD