บทที่ 22: การรบที่กรุงเบอร์ลิน 1

2088 Words
ในตอนที่ทหารโซเวียตรุกเข้ามา พวกเขาเผชิญการต่อต้านจากทหารเยอรมันที่รักษาการณ์อยู่บริเวณเนินเขาด้านนอกเมือง นั่นทำให้การเคลื่อนทัพของพวกเขาช้าลงไป แต่มันก็ทำได้เพียงถ่วงเวลาเท่านั้น ภายในกรุงเบอร์ลิน ประชาชนจำนวนมากต่างวิ่งหาที่หลบซ่อนจากภัยสงครามที่กำลังจะมาถึง ทหารและกองกำลังอาสาต่างเข้าประจำจุดรอคอยการมาถึงของกองทัพโซเวียต หน่วยของยาคอปถูกส่งไปประจำการที่พื้นที่ทางทิศตะวันตกของเมือง แนวรบทางทิศใต้ของพวกเขาเชื่อมต่อกับสำนักงานใหญ่ของหน่วยเกสตาโป และทางทิศเหนือก็เป็นกองกำลังเฉพาะกิจสำหรับปะทะกับข้าศึกโดยเฉพาะ ใช้เวลาไม่นานแนวรบบริเวณเนินเขานอกกรุงเบอร์ลินก็ถูกตีแตก และกองทัพโซเวียตก็เตรียมเข้าโอบล้อมเมืองในทันที แนวหน้าของกองกำลังอาสาป้องกันกรุงเบอร์ลินนั้นปะทะกับข้าศึกอย่างห้าวหาญ และมันสามารถหยุดยั้งกองทัพโซเวียตเอาไว้ได้ชั่วขณะหนึ่ง ก่อนที่แนวรบฝ่ายเยอรมันจะถูกถล่มด้วยปืนใหญ่และจรวดหลายลำกล้องชนิดคัตยูช่า และจากนั้นทหารราบและยานเกราะของฝ่ายโซเวียตก็เคลื่อนพลเข้าตีแนวรบของเยอรมันที่กำลังระส่ำระสายอีกครั้ง การรบนั้นยืดเยื้อ ฝ่ายเยอรมันก็สู้อย่างขาดใจเพื่อปกป้องเมืองหลวงของตัวเอง ฝ่ายโซเวียตก็ตั้งใจจะทำลายฝ่ายเยอรมันให้ราบคาบ การรบนั้นดุเดือดเป็นอย่างมาก มียานเกราะฝ่ายโซเวียตหลายคันถูกทำลาย และทหารราบหลายนายก็ถูกสังหาร เช่นเดียวกับฝ่ายเยอรมันที่ถูกสังหารจากอาวุธนานาชนิด บ้างก็ตกเป็นเชลยศึก แต่ความแตกต่างคือ ทุกครั้งที่โซเวียตเป็นฝ่ายแพ้ พวกเขาจะกลับมาพร้อมกับยานเกราะและกำลังพลที่มากกว่าเดิม ต่างจากฝ่ายเยอรมันที่นับวันกำลังพล กระสุน และเสบียงอาหารจะค่อยๆ ร่อยหรอลงไป ที่หน่วยของยาคอปนั้น เด็กๆ ในหน่วยรวมถึงยาคอปนั้นแตกตื่นกับเสียงระเบิดที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน พวกเขาต่างตัวสั่นและหวาดกลัวอย่างสุดขีด ยาคอปที่สภาพของจิตใจไม่พร้อมที่จะทำการต่อสู้อยู่แล้ว มันยิ่งทำให้เขาสติแตกมากขึ้นไปอีก เด็กหนุ่มกำลังจะวิ่งเตลิดไปอย่างไร้จุดหมาย แต่ก็ถูกนายทหารที่อยู่ใกล้ตบหน้าเรียกสติเอาไว้เสียก่อน “เฮ้! ไอ้หนู! ตั้งสติไว้! นึกเอาไว้ว่าแกต้องรอดออกไปจากขุมนรกนี่สิ!” “ผมไม่รู้! ทุกคนตายหมดแล้ว ผมไม่เหลือใครแล้ว! อย่ามาห้ามผม!!” ยาคอปตะโกนใส่ทหารนายนั้น “แกต้องตั้งสติไว้! ไม่งั้นแกตายจริงๆ แน่!” นายทหารคนนั้นยังคงตบหน้าเรียกสติยาคอปต่อไป “ปล่อยผม!!” ยาคอปดิ้นสุดแรงเกิดเพื่อจะหนีออกจากพันธนาการนี้ “ตั้งสติสิวะ! ไอ้หนู! แกต้องใช้ชีวิตให้สมกับคนหลายล้านคนต้องตายเพื่อให้แกอยู่ตรงนี้ และรอดจากขุมนรกนี่ไปใช้ชีวิตแทนในส่วนของพวกเขา!!” นายทหารคนนั้นตบหน้ายาคอปอย่างแรง พร้อมกับดุด่าเขาไปด้วย เพื่อให้เขาได้สติกลับคืนมา เพราะไม่อย่างนั้นการกระทำของยาคอปอาจจะพาลทำให้เด็กๆ คนอื่นขวัญเสียตามไปด้วย “…” การกระทำนี้ทำให้ยาคอปได้สติกลับมา เด็กหนุ่มเริ่มสงบลง แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังคงไม่พร้อมที่จะทำการรบอยู่ดี “จับปืนขึ้นมา แล้วเอาความแค้นของแกทั้งหมดลงไปที่มัน แล้วยิงปืนออกไปซะ ถ้าแกไม่ยิง พวกมันก็จะยิงแก จำเอาไว้!!” นายทหารคนนั้นพูดกึ่งตะโกนกับยาคอป “ครับ…” ยาคอปขานรับเสียงอ่อยๆ ก่อนที่หน่วยของยาคอปจะได้รับคำสั่งให้เคลื่อนพลไปสนับสนุนแนวหน้า เพราะตอนนี้พวกเขากำลังจะเพลี่ยงพล้ำให้แก่พวกโซเวียตแล้ว จำเป็นที่จะต้องมีการเสริมกำลังโดยด่วนที่สุด คนในหน่วยของยาคอปจึงเคลื่อนพลออกไปตามคำสั่ง และเมื่อถึงพื้นที่ปฏิบัติการแล้วก็จัดวางกำลังซุ่มรอการมาถึงของฝ่ายโซเวียตในทันที เด็กๆ ในหน่วยของยาคอปตัวสั่นกันเป็นเจ้าเข้าเมื่อได้ยินเสียงระเบิดที่ดังกึกก้องเสียยิ่งกว่าตอนที่อยู่ตำแหน่งเดิม และในตอนนี้แนวรบของส่วนหน้านั้นมีรอยรั่ว จึงทำให้ทหารโซเวียตบางหน่วยพร้อมกับยานเกราะทะลุผ่านเข้ามาได้ พอพวกเขาเห็นคนที่ต้องรับมือด้วยเป็นเด็กน้อยอมมือก็เดินเข้ามาอย่างย่ามใจ โดยหวังที่จะสังหารเด็กๆ พวกนี้อย่างง่ายดาย พอพวกเด็กๆ เห็นทหารที่ท่าทางน่ากลัว พร้อมด้วยยานเกราะที่กำลังเคลื่อนพลเข้ามาก็เกิดอาการหวาดกลัวอย่างสุดขีด บางคนร้องไห้ บางคนร้องหาพ่อกับแม่ บางคนตะกายหนีออกจากที่กำบังอย่างสุดชีวิต ยาคอปนั้นแม้จะไม่อยู่ในสภาพที่พร้อมรบ และกำลังนั่งคู้ตัวด้วยความหวาดกลัวต่อเสียงระเบิดจากอาวุธนานาชนิด และเสียงของยานเกราะที่ชวนให้หลอนหู แต่ด้วยความแค้นที่เขามีต่อทุกสิ่งทุกอย่างที่ผลักดันให้เขามาอยู่ตรงจุดนี้ เขาแค้นที่พ่อของเขาต้องตายเพราะพวกสัมพันธมิตรตะวันตก แค้นที่แม่เขาต้องตายเพราะพวกกองทัพแดงที่เคลื่อนพลเข้ามาใกล้จนทำให้ทุกอย่างสับสนและวุ่นวาย แค้นพวกพรรคนาซีที่ทำให้เยอรมนีประสบกับหายนะ เด็กหนุ่มจึงตัดสินใจหยิบปืน บรรจุกระสุนตามที่เรียนมา และโผล่หน้าออกมาจากที่กำบัง ก่อนที่จะกดเหนี่ยวไกยิงปืนออกไป กระสุนลูกนั้นพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว และมันพุ่งทะลุศีรษะของทหารโซเวียตนายหนึ่ง จนทำให้เขาล้มลงและขาดใจตายในทันที และเสียงปืนนัดนั้นทำให้ทหารโซเวียตแตกฮือ วิ่งหาที่กำบังกันจ้าละหวั่น เพราะพวกเขารู้ดีแล้วว่าถ้าประมาท และดูถูกเด็กน้อยพวกนี้จะมีสภาพเป็นอย่างไร การสังหารคนครั้งแรกของยาคอปนั้นกินเวลาเพียงไม่กี่วินาที แต่มันกลับปลุกปีศาจที่อยู่ในตัวของยาคอปออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ เขายิงปืนใส่ทหารโซเวียตอีกสองนายที่ยืนอยู่ใกล้ๆ จนพวกเขาล้มลงได้รับบาดเจ็บ พวกเด็กๆ ที่เห็นยาคอปยิงออกไปแบบนั้น เมื่อพวกเขามีผู้นำที่กล้าตัดสินใจ พวกเขาจึงพยายามยิงตอบโต้กลับไปบ้าง แม้จะยิงไม่ตรงเป้าบ้าง ยิงขึ้นฟ้าบ้าง แต่ก็ยังมีบางนัดถูกทหารโซเวียตอยู่ดี ยานเกราะฝ่ายโซเวียตที่กำลังจะเปิดฉากยิงนั้นก็ถูกสมาชิกของกองกำลังอาสาที่เป็นผู้ใหญ่ใช้อาวุธทำลายยานเกราะยิงใส่ จนกระทั่งมันหมดสภาพที่จะทำการรบต่อไปได้ เมื่อเห็นท่าไม่ดี ทหารโซเวียตจึงล่าถอยออกไปก่อน แต่ยาคอปรู้ดีว่านี่เป็นเพียงแค่การเริ่มต้นเท่านั้น เพราะหลังจากนี้พวกเขาจะกลับมาพร้อมกำลังพลที่อาวุธครบครันและยานเกราะที่มากกว่าเดิม สิ่งที่พวกเขาทำอยู่นั้นเป็นเพียงแค่การเตะถ่วงรอความพ่ายแพ้เท่านั้น หน่วยของยาคอปได้รับคำสั่งให้รักษาพื้นที่นั้นเอาไว้ด้วยชีวิต และแม้จะต้องตายก็ห้ามถอยออกมาอย่างเด็ดขาด ยาคอปรู้ได้ในทันทีว่านี่เป็นคำสั่งตายสำหรับเขาและคนในหน่วย เพราะมันไม่มีทางที่จะรักษาพื้นที่เอาไว้ด้วยคนไม่กี่สิบคนนี้ได้อย่างแน่นอน หลังจากนั้นอีก 2 ชั่วโมง ทหารโซเวียตก็เปิดฉากโจมตีอีกครั้ง และคราวนี้มันนำมาด้วยปืนใหญ่และกระสุนปืนใหญ่และจรวดหลายลำกล้องแบบคัตยูช่า เคราะห์ดีที่นายทหารประจำหน่วยนั้นได้ออกคำสั่งให้ทุกคนไปหลบในอาคารเพื่อหลบกระสุนที่ถูกยิงเพื่อทำลายแนวรับของพวกเขาล่วงหน้า และเมื่อทหารโซเวียตรุกเข้ามาพร้อมกับยานเกราะ ฝ่ายเยอรมันจึงตอบโต้ด้วยกลยุทธ์ที่ดูจะพอเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น เด็กๆ ในหน่วยเริ่มทำตามคำสั่งอย่างไม่ร้อนรนเพราะชินกับเสียงปืนใหญ่แล้ว แต่การจะให้เด็กอายุ 10 กว่าปีไปรบกับผู้ใหญ่ที่โตเต็มวัยแล้วนั้น ยังไงมันก็ไม่ไหวอยู่ดี ทหารโซเวียตพุ่งเข้าประชิดเด็กชายคนหนึ่งที่กำลังบรรจุกระสุนอยู่ ก่อนจะลั่นไกสังหารเขาอย่างเลือดเย็น แต่ก็แลกมากับที่ตัวของทหารนายนั้นถูกยิงจนล้มลงด้วยฝีมือของยาคอป การรบในระยะประชิดนั้นดูจะเป็นเรื่องยากสำหรับเด็กๆ ที่ไม่เคยฝึกมาเลย และนายทหารที่ควบคุมหน่วยก็ไม่สามารถช่วยเหลือได้ทั้งหมด มีเด็กๆ หลายคนในหน่วยถูกสังหารโดยทหารโซเวียต เพียงเพราะพวกเขาพยายามจะเอาชีวิตรอดออกไปจากสนามรบแห่งนี้ ตัวของยาคอปได้แต่เคียดแค้นพวกมันอยู่ในใจ ก่อนจะเหนี่ยวไกลั่นใส่พวกมัน ทหารโซเวียตสูญเสียมากกว่าที่ควรจะเป็น และยานเกราะก็ถูกทำลายไปแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงล่าถอยออกไปอีกครั้ง โดยทิ้งทหารที่นอนบาดเจ็บเอาไว้เบื้องหลัง ยาคอปเห็นซากศพของพวกเด็กๆ ที่นอนเสียชีวิตอยู่บนพื้นถนนก็รู้สึกสงสารขึ้นมาจับใจ ถ้าหากพ่อแม่พวกเขารู้ความจริงว่าลูกตัวเองต้องมาตาย ณ ที่ตรงนี้ พวกท่านคงใจสลายอย่างแน่นอน อีกทั้งยังเดินย่างสามขุมไปหาทหารโซเวียตที่นอนบาดเจ็บนอนครวญครางด้วยความเจ็บปวดอยู่ ก่อนจะไปหยุดอยู่ตรงหน้าของพวกมัน และยกปืนจ่อที่ศีรษะเตรียมลั่นไกปลิดชีวิตของทหารที่อยู่ตรงหน้า แต่แววตาของพวกเขาที่กำลังร้องขอความเมตตาจากยาคอปที่เป็นเด็กที่สามารถตัดสินชีวิตเขาได้นั้น มันทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกลังเลและไม่แน่ใจขึ้นมา ยาคอปลังเลว่าการฆ่าคนพวกนี้แล้วจะสามารถล้างแค้นให้กับพวกเด็กๆ ที่ตายไปได้แล้วจริงหรือ? ถ้าหากทหารนายนี้เป็นสามีของใครบางคนล่ะ? หรือถ้าหากมีเด็กๆ บางคนกำลังรอให้เขากลับไปอยู่ที่บ้านเหมือนกับที่เขารอคอยให้ผู้เป็นพ่อกลับไปล่ะ? ‘ปัง!’ แต่ความเลือดเย็นของยาคอปนั้นทำให้เขาตัดสินใจที่จะลั่นไกปลิดชีวิตทหารนายนั้นในทันที เพราะสิ่งที่ทหารนายนั้นทำมันเกินกว่าที่ยาคอปจะยอมรับได้ และต่อให้ปล่อยให้ทหารนายนี้นอนอยู่อย่างนี้ อย่างไรเสียก็ต้องตายอยู่ดี เพราะความทรมานจากพิษบาดแผลที่ถูกยิงถึง 2 จุด และเลือดที่ไหลออกมาไม่หยุด หลังจากที่สังหารทหารนายนั้นเสร็จแล้ว ยาคอปก็ไล่ยิงที่ศีรษะของทหารโซเวียตทุกนายที่ยังมีชีวิตอยู่ด้วยสีหน้าและแววตาที่เรียบเฉย ไร้ซึ่งอารมณ์และความรู้สึกใดๆ ก่อนที่ยาคอปจะเดินกลับไปรวมตัวกับคนในหน่วยที่ยังเหลือรอด ซึ่งก็มีจำนวนร่อยหรอลงไปพอสมควร อันเนื่องมาจากการเสียชีวิตของพวกเด็กๆ จนทำให้ในตอนนี้มีเพียงยาคอปและเด็กผู้ชายอีก 4 คนเท่านั้น ที่เป็นเด็กในหน่วยนี้ จากเด็กๆ จำนวนทั้งหมด 16 คนที่มีในหน่วย พวกเขาจัดวางกำลังรอการเข้าตีครั้งใหม่ของกองทัพโซเวียต และใช้สิ่งกีดขวางที่มีในพื้นที่เป็นตัวกีดขวางยานเกราะและการรุกเข้ามาของทหารราบ ที่บริเวณแนวหน้านั้น การรบก็ยังคงดุเดือดและความคลั่งของสนามรบก็ดำเนินมาจนถึงขีดสุด เมื่อทหารทั้งสองฝ่ายเข้าห้ำหั่นกันด้วยทุกอย่างที่มี ยานเกราะที่ยังคงเหลือของฝ่ายเยอรมันที่ถูกใช้เป็นป้อมปืนเคลื่อนที่ยิงปะทะกับข้าศึกอย่างดุเดือด ทหารราบรบกันด้วยอาวุธทุกชนิดเท่าที่จะหาได้ ปืนใหญ่และจรวดหลายลำกล้องของฝ่ายโซเวียตยังคงยิงข้ามแนวรบมาตกใส่กรุงเบอร์ลินอย่างต่อเนื่อง เพราะถ้าพวกเขาฝ่าแนวรับของฝ่ายเยอรมันมาได้แล้ว การรุกเข้ากรุงเบอร์ลินจะได้เป็นไปอย่างราบรื่น การรบอันแสนโหดร้ายในกรุงเบอร์ลินยังคงดำเนินต่อไป และอาณาจักรไรช์ที่สามจะทำทุกวิถีทางเพื่อหยุดยั้งข้าศึก แม้จะรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ก็ตาม แต่พวกเขาจะเดิมพันด้วยทุกสิ่งที่มี…
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD