หนึ่งเดือนต่อมา...
วันจบมัธยมปลายคือวันที่ฉันได้รับรู้การเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ของตัวเอง อยู่ดี ๆ คุณป๋าก็เดินมาบอกฉันว่าจะให้หมั้นกับลูกชายของเพื่อนสนิทแถมฉันมีเวลาเตรียมตัวเพียงสองเดือนเท่านั้นก่อนมหาวิทยาลัยจะเปิดและคนที่ฉันจะหมั้นด้วยฉันก็รู้จักเขาดีเลยล่ะ ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่ฉันสักหน่อยแต่ปัญหามันอยู่ที่เขาต่างหาก
คนที่กัดกันมาตลอดคนที่เขาไม่ชอบขี้หน้าคิดว่าจะยอมมาหมั้นกันง่าย ๆ อย่างนั้นเหรอ ‘ฉันว่าไม่มีทาง’
แต่แล้วอยู่ ๆ เรื่องที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นก่อนจะเปิดเทอมเข้ามหาวิทยาลัยปีหนึ่งกลับมีขบวนขันหมากสู่ขอแห่กันเข้ามายังบ้านของฉันพร้อมกับว่าที่คู่หมั้น มนุษย์หน้าหินเดินเข้ามาด้วยใบหน้าไร้ซึ่งอารมณ์ คุณป๋าปลุกฉันเพื่อให้ลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวตั้งแต่ไก่โห่ เพื่อลงไปต้อนรับแขก ทีแรกฉันก็ยังไม่เข้าใจเท่าไร แต่พอเห็นขบวนของหมั้นตอนนี้ฉันถึงเข้าใจได้ในทันที สรุปคือฉันถูกจับใส่พานถวายผู้ชายทั้ง ๆ ที่เพิ่งจะเริ่มเป็นสาวเองแท้ ๆ นี่ถ้าเข้าไปนั่งในพานได้คุณป๋าคงจับยัดลงไปแล้ว
ฉันได้แต่ถอนหายใจอย่างไม่สบอารมณ์ กับการตัดสินใจของคุณป๋า แต่ก็ไม่ได้แสดงกิริยาอะไรไม่น่ารักออกไป เพราะอีกฝ่ายฉันก็เคารพท่านทั้งสองเหมือนกัน แต่แค่ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงอยากให้ลูกสาวคนเดียวมีสามีไวแบบนี้
ฉันผู้ที่นมยังตั้งเต้าไม่เต็มที่เลยด้วยซ้ำเพิ่งจบ ม.ปลายมาหมาด ๆ เองยังไม่ทันได้ลองใช้ชีวิตโลดโผนอย่างที่อยากเลยด้วยซ้ำ
“เฮ้อออ มีผัวแต่น้อยเลยฉัน” เอวาถอนหายใจด้วยใบหน้าเซ็ง ๆ
“เฮ้อออ” เธอถอนหายใจอีกครั้งและอีกครั้ง
“ถอนหายใจทำไมเอวา” คนเป็นพ่อก้มหน้าลงมากระซิบถามลูกสาวเบา ๆ แต่เธอกลับเบะปากคว่ำใส่คนเป็นพ่อแล้วหันไปมองยังพานของหมั้น ที่จริงฉันน่ะก็ทำได้ทุกอย่างแหละที่คุณป๋าต้องการ แต่เอ่อ... พอเห็นสีหน้ามนุษย์ตรงหน้าแล้วก็แบบว่าา... เฮ้อ ถ้าไม่เต็มใจก็ไม่รู้ว่าจะยอมหมั้นทำไม ฉันไม่เข้าใจจริง ๆ
ณ ห้องโถงขนาดใหญ่ของคฤหาสน์ชนัญกิตติพัชญ์
ผู้ชายที่นั่งหน้าเป็นหินมองมายังฉันด้วยสายตาเย็นชา อย่างไร้ความรู้สึก เขาขมวดคิ้วยกสูงมองฉันที่นั่งพับเพียบเรียบร้อยเหมือนผ้าพับไว้ ด้วยชุดสีขาวราวกับแม่ชีจะไปถือศีล ฉันนั่งส่งยิ้มหวานหยดย้อยไปให้เขาแต่เขากลับมองเมินเบือนหน้าหนีฉันไปอีกทาง ฉันเลยต้องรีบหุบยิ้มพร้อมกับถอนหายใจอย่างปลง ๆ
‘เด็กบ้า ยิ้มหน้าสลอนเชียวนะ’ คาเตอร์คิดในใจก่อนจะหันหน้าหนีเอวา เพราะกลัวว่าตัวเองจะหลุดยิ้มออกมา
“อะ ๆ งั้นเริ่มกันเลยดีกว่านะจ๊ะ เดี๋ยวจะเลยเวลาฤกษ์เอาเด็ก ๆ ใส่แหวนให้น้องสิตาเตอร์” เสียงมารดาของฝ่ายชายพูดขึ้น
คาเตอร์หยิบแหวนเพชรน้ำงามออกมาจากตลับ ก่อนจะดึงมือเอวามาอย่างแรงแล้วใส่ยัด ๆ เข้าไปอย่างวางฟอร์ม
“ตาย! ตาย! ตาย! ตาเตอร์ถอดออกมาเดี๋ยวนี้ ใส่ข้างขวาได้ที่ไหนกัน” เอวารีบดึงออกโดยไม่รอให้คนพี่เป็นคนถอด แล้วก็สวมมันเข้านิ้วซ้ายด้วยตัวเองก่อนจะชูนิ้วขึ้นมองอย่างภูมิใจ ทุกคนได้แต่นั่งอ้าปากค้างตกใจกับการกระทำของเธอ
“ไม่ได้ ๆ หนูเอวา ใส่เองไม่ได้ลูก ถอดออกมาเดี๋ยวนี้”
“อ้าวไม่ได้เหรอคะคุณแม่พี่เตอร์” เธอถามขึ้นก่อนจะถอดแหวนออกแล้วยื่นให้เขาสวมให้ใหม่อีกครั้ง เธอกระดิกนิ้วเบา ๆ เพื่อรอเขาสวมแหวนให้พร้อมกับเอียงศีรษะยิ้มตาหยีส่งไปให้ชายหนุ่ม
“สวมแหวนให้พี่เขาสิเอวาอย่าเสียมารยาท” บิดาของเธอพูดขึ้น เมื่อเห็นคนเป็นลูกสาวเอาแต่ชูมือขึ้นมองนิ้วตัวเองที่มีแหวนเพชรประดับอยู่ เอวาค่อย ๆ หยิบแหวนเงินเกลี้ยงเกลามีเพียงเพชรเม็ดเล็กประดับตรงกลางเสมอเนื้อแหวนออกมาแล้วเธอก็แบมือขอมือว่าที่คู่หมั้นด้วยรอยยิ้มหวานหยดย้อยเหมือนกับใบหน้าของเธอ
หลังจากสวมแหวนเสร็จ เธอก็เอียงใบหน้าเล็กน้อยก่อนจะส่งยิ้ม แล้วทำตาปริบ ๆ ให้เขาอย่างยั่วยวนกวนให้หมั่นไส้
คาเตอร์เมื่อเห็นใบหน้าที่น่ารักของเธอ เขาก็รีบดึงหน้าตึงมองเธอด้วยสายตาดุ ๆ เพื่อเก็บอาการของตัวเองไว้
“ชิ!” เอวาหุบยิ้มทันทีเมื่อเห็นสายตาดุของอีกฝ่ายมองมาราวกับจะกินหัวเธอ หลังจากเสร็จงานหมั้นในตอนช่วงเช้า ทั้งสองครอบครัวก็มานั่งตกลงกันเรื่องความเป็นอยู่ของคาร์เตอร์และเอวา
สองปีกว่าผ่านไป…
Line | Carter
Ava: พี่เตอร์เมื่อไรจะมาคะ วารอนานแล้วนะคะ
ห้านาทีผ่านไป...
Ava: มันเย็นแล้วนะคะ ไม่มาทำไมไม่บอก ให้วารอทำไมคะ เพื่อนวากลับกันไปหมดแล้วนะ
สิบนาทีผ่านไป...
สิบห้านาทีผ่านไป...
สามสิบนาทีผ่านไป...
เธอตัดสินใจส่งไปอีกครั้ง
Ava: มันจะหกโมงเย็นแล้วนะพี่เตอร์ ไม่อยากมารับก็บอกสิ ปล่อยวารอทำไมตั้งนาน ไอ้คนนิสัยไม่ดี
หลังจากสิ้นสุดข้อความสุดท้าย เอวาตัดสินใจจะไม่รอเขาอีก เธอจึงเดินออกไปหน้ามหาวิทยาลัยเพื่อที่จะเรียกแท็กซี่กลับคอนโดมิเนียมของตัวเอง
ปี๊บ ๆ
อุ๊ย!! เอวาผวาตกใจสะดุ้งกับเสียงแตรรถที่บีบมาจากด้านหลังของตน
“จะไปไหนครับน้องเอวา ให้พี่ไปส่งไหมครับ”
“ขอบคุณค่ะ แต่ไม่รบกวนดีกว่าค่ะ” เธอยิ้มตอบอย่างมีมารยาทพร้อมกับก้มหัวเชิงขอบคุณให้กับชายหนุ่มรุ่นพี่ ก่อนจะรีบสาวเท้าเดินต่อไป แต่ชายหนุ่มรุ่นพี่ก็ยังไม่ล้มเลิกความพยายาม เขายังขับรถตามตื๊อเธอต่อ
“รบกวนอะไรกันครับ ปะขึ้นรถเถอะเดี๋ยวพี่ไปส่ง จะมืดแล้วอันตรายครับ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพเจือไปด้วยแววตาเจ้าเล่ห์
เอาวาหยุดเดินแล้วหันไปตอบเขาอีกครั้ง
“ขอบคุณจริง ๆ ค่ะ แต่วากลับเองได้ค่ะ ขอตัวนะคะ” เธอเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงที่แสดงออกถึงอาการรำคาญเล็กน้อย
พูดจบเธอก็หันหลังจะเดินไปต่อแต่ชายหนุ่มรุ่นพี่กลับจอดรถแล้วเดินลงมากระชากเข้าที่ข้อมือของเธอ
“อ๊ะ! จะทำอะไรคะ”
“ก็พี่บอกว่าเดี๋ยวไปส่งไงครับ” เอวาพยายามบิดข้อมือออกจากการจับกุมของรุ่นพี่ แต่เขากลับจับมือเธอแน่นขึ้น ๆ จนเอวารู้สึกเจ็บขึ้นมา
ขณะที่ทั้งสองฉุดยื้อกันอยู่ก็มีเสียงรถบิกไบก์ท่อดังกระหึ่มขับเข้ามาจอดเทียบข้าง ๆ ทั้งสอง หนุ่มร่างสูงเท่ลงมาจากบิกไบก์แล้วกระชากเข้าที่ข้อมือของเอวาออกจากการจับกุมของรุ่นพี่คนนั้น
“ผู้หญิงเขาปฏิเสธแล้วยังจะหน้าด้านมาฉุดเขาอีก” ชายหนุ่มเจ้าของบิกไบก์ถอดหมวกกันน็อกออกแล้วพูดกับชายหนุ่มรุ่นพี่ที่ตามตื๊อเอวา
“แล้วมึงเสือกอะไรอะ” อีกฝ่ายถามด้วยสีหน้ากวนราวกับจะหาเรื่อง
“หึ เสือกงั้นเหรอ” สิ้นสุดคำถาม เขาก็ถีบเข้ากลางอกอีกฝ่ายทันที
ตุบ ผลัวะ!
“กรี๊ดดดด!” เอวากรีดร้องด้วยความตกใจเมื่อเห็นสองหนุ่มรุ่นพี่แลกหมัดต่อหมัดกันอย่างบ้าคลั่งอย่างไม่ยอมแพ้กัน
“มึงงง”
ผลัวะ!!
“พี่เจย์เลอร์ พอค่ะ ๆ อย่ามีเรื่องกันเลยค่ะ” เอวาพยายามห้ามทั้งคู่ เธอพยายามเข้าไปดึงแขนชายหนุ่มผู้เป็นพี่รหัสของเธอออกอย่างเป็นห่วง แต่ชายหนุ่มกับสะบัดแขนเธอออกแล้วเข้าไปซัดชายตรงหน้าอย่างไม่ยั้งมือ
“หยุดเถอะค่ะ พี่เจย์เลอร์อย่ามีเรื่องกันเลยค่ะวาขอ” เอวาตะโกนเสียงดังใส่เขาพร้อมกับรวบรวมแรงทั้งหมดที่มีดึงเขาออกมาอีกครั้ง เจย์เลอร์เอามือเช็ดเลือดออกจากมุมปากเล็กน้อยก่อนจะจับเข้าที่ข้อมือของเอวาแล้วดึงเธอขึ้นไปซ้อนบิกไบก์ของเขา ก่อนที่จะเอาหมวกกันน็อกสวมใส่ให้กับเธอ เอวาหันมามองร่างชายอีกคนที่นอนเลือดอาบหน้าอยู่ข้างรถสปอตด้วยความรู้สึกเห็นใจแต่ก็ไม่ได้สงสารแต่อย่างใด
“เขาจะไม่เป็นไรใช่มั้ยพี่เจย์เลอร์”
“ห่วงตัวเองก่อนเถอะ ถ้ามันฉุดเธอขึ้นรถได้อย่าหวังว่าเธอจะถึงบ้าน ยายบื้อ”
“วาไม่ได้จะไปกับเขาสักหน่อยนี่คะ” ใบหน้าง้ำงอเถียงขึ้นมา
“แล้วมาเดินอะไรคนเดียวเวลานี้”
“วาจะกลับบ้านค่ะกำลังเดินไปขึ้นรถหน้า ม.”
“แล้วเพื่อนไปไหนหมด”
“กลับหมดแล้วค่ะ”
“เดินล่อเสือล่อไอ้เข้ หน้าปล่อยให้มันลากไปกิน”
“ชิ! ดุเก่งยังกะร็อตไวเลอร์เลยค่ะ”
“เดี๋ยวจะโดน มาว่าฉันเป็นหมา” เอวาหัวเราะขึ้นมาอย่างชอบใจเมื่ออีกคนทันมุกของเธอ
“จับแน่น ๆ ฉันจะไปส่ง”
เอวาโอบกอดเข้าที่เอวของรุ่นพี่ เธอเอามือประสานกุมไว้ตรงหน้าท้องของเขาทันทีเมื่อรุ่นพี่พูดจบแล้วบิกไบก์ท่อดังก็ขับมุ่งตรงไปยังคอนโดมิเนียมของเอวาด้วยความเร็วโดยมีรถสปอร์ตคันหรูขับตามมาจากหน้ามหาวิทยาลัยโดยที่ทั้งสองไม่รู้ตัว