บทที่ 1.1 - นกน้อยเข้ากรงทอง (เขาซื้อเธอด้วยจำนวนเงินมหาศาล)

1581 Words
นิฐามาศ รู้ดีว่าทันทีที่จรดปลายปากกาลงบนกระดาษแผ่นนี้ชีวิตของเธอจะเปลี่ยนไปตลอดกาล หากหญิงสาววัยยี่สิบปีไม่มีสิทธิ์เลือกหรือคัดค้าน หน้าที่ของเธอคือทำทุกอย่างตามที่ผู้มีพระคุณออกคำสั่ง ชีวิตเล็กๆ ตกอยู่ในกำมือของคนใจร้าย ไม่มีสิทธิ์ขับเคลื่อนหรือกำหนดทิศทางว่าควรเดินไปยังเส้นทางไหน “เรียบร้อย” ชายหนุ่มแต่งกายภูมิฐานตรวจสอบข้อมูลบนแผ่นกระดาษจนมั่นใจว่าถูกต้องครบถ้วน ก่อนสอดกระดาษแผ่นนั้นเข้าไปยังซองสีน้ำตาลเข้มแล้วส่งให้ลูกน้องเก็บใส่กระเป๋าอีกที “ห้าสิบล้านบาท ครบถ้วน ไม่มีขาดเกิน” เมื่อข้อตกลงบรรลุตามเป้าหมาย ผลประโยชน์ทางธุรกิจจึงเกิดขึ้น “นับดูได้นะครับ” ผายมือเชิญอีกฝ่ายที่บัดนี้ดวงตาเป็นประกายเพียงเห็นเงินก้อนโตวางเรียงเป็นปึกอยู่ตรงหน้า “แหม ระดับมือขวาของคุณแมทธิวมาเองทั้งที ไม่ต้องนงต้องนับมันให้เสียเวลาหรอกค่ะ” ดวงผกาจีบปากจีบคอพูด หล่อนมั่นใจว่าอย่างไรเสียก็ได้เงินครบทุกบาททุกสตางค์ไม่มีบิดพลิ้วแน่นอน อภิมหาเศรษฐีอย่างแมทธิวน่ะหรือจะมาโกงคนรากหญ้าแบบเธอ ไม่มีทางเสียหรอก! “ถ้าเรียบร้อยแล้ว งั้นก็…” พีทส่งสายตาจับจ้องไปยังสาวน้อยหน้าหวานที่นั่งตัวสั่นหงก น้ำตาคลออยู่ข้างๆ ดวงผกา “นังนี่ จะนั่งบื้ออยู่ทำไม ลุกไปกับเขาสิ” ป้าแท้ ๆ ผลักไสไล่ส่งทันทีเมื่อหมดประโยชน์ “ป้าจ๋า ฐาไม่ไปได้ไหม” น้ำเสียงสั่นเครือฟังดูน่าสงสารจับใจ ทว่าน้ำตาของหลานสาวกลับไม่ได้แทรกซึมเข้าไปถึงจิตใจคนหน้าเลือดอย่างดวงผกา หล่อนใช้นิ้วชี้จิ้มหน้าผากคนร่ำไห้ด้วยความหงุดหงิด “อย่ามางี่เง่าใส่ฉันนะยะ! จะไม่ไปได้ยังไงในเมื่อฉันขายแกให้กับเขาแล้ว” คนถูกยัดเยียดให้เป็นสินค้าร้องไห้หนักกว่าเก่า ขายแล้ว ช่างเป็นคำพูดสุดแสนโหดร้ายที่สุดในชีวิต หลังจากนี้จะเป็นตายร้ายดีอย่างไร เธอไม่อาจรู้ชะตากรรมของตัวเองได้เลย ขายแล้ว… ขายให้ใคร รู้เพียงว่าคนที่เสนอเม็ดเงินจำนวนมหาศาลเพื่อซื้อตัวเธอพร้อมกับบ้านและที่ดินของบิดาเป็นคนร่ำรวยมาก เขามีชื่อว่า แมทธิว เป็นลูกครึ่งไทย-อังกฤษ ข้อมูลที่หญิงสาวรู้มีเพียงเท่านี้ รูปร่างหน้าตาหรือนิสัยใจคอของอีกฝ่ายเป็นเช่นไร เธอมิอาจล่วงรู้ได้เลย ดวงผกาบอกเพียงว่าเธอจะสุขสบายไปตลอดทั้งชาติ แต่เธอชักไม่แน่ใจว่าคำว่าสุขสบายเป็นของเธอหรือว่าดวงผกากันแน่ ในเมื่อป้าไม่ต้องลงทุนลงแรงอะไรเลย หล่อนได้เงินจำนวนห้าสิบล้านบาทไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ฟรีๆ ส่วนเธอกำลังจะตกนรกทั้งเป็น! “หนูไม่ไป ฮึก ยังไงก็ไม่ไป” “โว๊ะ! นังนี่ อยากโดนกูตบส่งท้ายใช่ไหมหะ” ดวงผกาเตรียมง้างมือจะทำอย่างที่พูดจริงๆ “อย่าลงไม้ลงมือกับคนของท่าน” ชายผู้ได้ชื่อว่าเป็นคนสนิทของแมทธิวจับข้อมือดวงผกาบีบแน่น “ปะ เปล่าจ้ะ ฉันแค่จะตักเตือนมันเฉยๆ” ดวงผกาหน้าเจื่อนรีบชักมือกลับแทบไม่ทัน “ไปได้แล้ว” ชายหนุ่มบอกเสียงเรียบนิ่ง ดวงตาคมดุกดดันร่างบางกรายๆ “ฮึก” นิฐามาศหมดหนทางจำต้องหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าเดินตามเขาออกจากบ้านไป ก่อนขึ้นรถเธอหันมองบ้านของพ่อเป็นครั้งสุดท้าย ความทรงจำมากมายหลั่งไหลเข้ามาดุจสายน้ำ น้ำตาแห่งความอัปยศอดสูรินไหลอาบแก้ม เสียงสะอื้นเล็กๆ ทำให้คนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เกิดความรู้สึกสงสาร “ฉันชื่อพีท ไปอยู่กับท่านก็ทำตัวดีๆ ถ้าเธอเลี้ยงง่าย เธอก็จะได้ทุกอย่าง” จะเรียกว่าเป็นเคล็ดลับไหมก็ไม่เชิง เพียงแต่คนนี้เขามองแล้วว่าอ่อนต่อโลก ไม่เจนจัดเหมือนบรรดาผู้หญิงของนายคนก่อนๆ เลยอยากบอกให้รู้ว่าควรวางตัวอย่างไรถึงจะอยู่ร่วมกับนายของเขาได้อย่างไร้ปัญหาและสุขสบายที่สุด “ค่ะ” นิฐามาศอาจจะอ่อนต่อโลกก็จริง แต่เธอรู้ความหมายคำว่า ‘เลี้ยง’ ของเขาดี เด็ก… อีตัว… หรือว่า… นางบำเรอ นัยยะของคำๆ นั้น มันตีค่าเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลย ทันทีที่รถลีมูซีนสีดำเงาเลี้ยวผ่านประตูรั้วทรงสูงเข้ามาภายในบริเวณคฤหาสน์กว้างใหญ่ หัวใจของนิฐามาศเต้นรัวราวกับจะทะลุออกนอกอก ทางลาดยาวที่จะนำเธอไปสู่วิมานสุดหรูอย่างที่ใครต่อใครใฝ่ฝันอยากจะเข้าไปเยือนสักครั้งในชีวิต ถูกรายล้อมไปด้วยบรรดาชายหนุ่มสวมสูทสีดำยืนเอามือไขว้หลังทำหน้านิ่งท่าทีขึงขัง นิฐามาศก้าวเท้าลงจากรถด้วยความหวาดกลัวปนระแวดระวัง ใบหน้าหวานซีดเซียว แต่ยังคงความสวยเอาไว้เด่นชัดจนสามารถสะกดทุกสายตาให้จับจ้องมาที่เธอได้ “ดูแลด้วย” พีทเอ่ยกับทีมช่างหน้าช่างผม นิฐามาศถูกดึงตัวเข้าไปในห้องรับรองชั้นสอง เธอตกตะลึงกับความหรูหราอลังการได้ไม่เท่าไรก็ต้องแปลกใจเมื่อผู้หญิงกลุ่มหนึ่งพยายามจะปลดเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่ออกจากเรือนร่าง “จะ จะทำอะไร” น้ำเสียงตื่นผวาตกใจ “คุณต้องอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ค่ะ” หนึ่งในทีมงานที่ถูกเรียกตัวให้มาดูแลคนของนายกล่าว “ทางเราได้จัดเตรียมทุกอย่างพร้อมหมดแล้ว ขอความกรุณาให้ความร่วมมือด้วยค่ะ” นิฐามาศไม่ขัดขืนยอมเดินตามเข้าห้องน้ำแต่โดยดี น้ำแร่เกรดพรีเมี่ยมโรยกลีบกุหลาบกระจายทั่วอ่างแก้วเคลือบทองคำ เครื่องประทินโฉมหลากหลายยี่ห้อวางเรียงรายอยู่บนชั้นกระจกใส แม้ไม่สันทัดสินค้าแบรนด์เนมสักเท่าไร แต่ก็พอเดาได้ว่ามูลค่าของสิ่งเหล่านี้สูงลิบลิ่วเพียงใด “ฉันต้อง…” หญิงสาวชี้ไปที่อ่างอาบน้ำหรู ทุกคนพยักหน้าพร้อมเพรียง “ฉันขออาบคนเดียวได้ไหมคะ” “ไม่ได้ค่ะ” ทุกเสียงตอบพร้อมเพรียง “ไม่มีทาง ฉันไม่แก้ผ้าอาบน้ำต่อหน้าใครเด็ดขาด” นิฐามาศกอดตัวเองภายใต้เสื้อคลุมอาบน้ำแน่น “ท่านไม่ชอบคนผิดเวลา อีกสองชั่วโมงเราต้องส่งตัวคุณให้ท่านแล้ว ขอความกรุณาด้วยค่ะ” ถึงจะพูดเช่นนั้นแต่ดูท่าทางพวกหล่อนไม่ได้ทุกข์ร้อนหรือกระวนกระวายแต่อย่างใด ทุกคนดูเย็นชาราวกับหุ่นยนต์ที่ถูกตั้งโปรแกรมให้ทำงานเป็นขั้นตอน “ฉันอายน่ะค่ะ” นิฐามาศบอกออกไปตามตรง ให้แก้ผ้าอาบน้ำต่อหน้าคนอื่นใครบ้างจะไม่อาย “อย่าอายเลยค่ะ คิดซะว่าเป็นผู้หญิงเหมือนกัน” นิฐามาศเม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรง คิดไม่ตกว่าจะหลีกเลี่ยงสถานการณ์นี้อย่างไร สุดท้ายก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับความอับจนหนทาง ยอมทำตัวนิ่งๆ เป็นตุ๊กตาบาร์บี้ให้พวกเขาประทินโฉมตามอำเภอใจ “เข้ามา” น้ำเสียงห้าวทุ้มตอบรับเสียงเคาะประตูจากด้านนอก เจ้าของเรือนร่างสูงกำยำยืนหันหลังชมวิวทัศน์จิบกาแฟหอมกรุ่น ดวงตาคมหรี่ลงเล็กน้อย เพ่งมองกระจกใสที่ส่องสะท้อนเงาของคนที่เขาอยากพบมากที่สุดจากทางด้านหลัง รอยยิ้มพึงพอใจแตะแต้มบนริมฝีปาก แมทธิว หันหน้าเผชิญกับ ของเล่น ชิ้นใหม่ที่ถูกใจเขาเหลือเกิน… ‘สวย’ คงไม่มีคำนิยามใดจะกล่าวแทนตัวผู้หญิงคนนี้ได้มากกว่าคำที่ผุดเข้ามากลางความคิดของเขา บางทีคำว่าสวยอาจยังน้อยไปด้วยซ้ำเมื่อเทียบกับความงามที่ปรากฎแก่สายตาอยู่ในขณะนี้ นิฐามาศก็เช่นกัน หล่อนตกตะลึงในความหล่อเหลาของบุคคลตรง ชายที่ใครๆ ต่างเรียกว่า ท่าน ไม่ได้ดูชราภาพอ้วนลงพุงอย่างที่นึกกลัว เขามีใบหน้าคมเข้ม ดวงตาสีเขียวมรกตลึกล้ำน่าค้นหา ลักษณะท่าทางดูน่าเกรงขาม “นั่งลงสิ” เสียงเข้มเอ่ยทำลายความเงียบหลังปล่อยให้ทั้งเขาและเธอดื่มด่ำช่วงเวลาแห่งความงดงามซึ่งกันและกัน “ทำไมไม่นั่งล่ะ” หัวคิ้วหนาขยับชน นิฐามาศมีอาการสั่นประหม่าเห็นได้ชัด หล่อนรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ชอบกล ยิ่งนัยน์ตาสีเขียวมรกตคู่นั้นจับจ้องมาที่ตัว คล้ายกับมีแรงโน้มถ่วงบางอย่างฉุดเข้าสู่หลุมพรางพายุ ร่างกายเย็นเยียบ มือไม้สั่นเทา แมทธิวหัวเราะชอบใจปฏิกิริยาคนตรงหน้า หล่อนช่างเหมือนแมวน้อยที่ผลัดหลงเข้ามาในอณาเขตของราชสีห์ผู้ยิ่งใหญ่ ดวงตากลมโตตื่นตระหนก ใบหน้าหวาดหวั่นมองรอบห้อง กว่าจะยอมทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้นุ่มก็กินเวลาไปหลายนาที น่าแปลกที่เขาไม่รู้สึกรำคาญกับท่าทีเงอะงะเกินเหตุ หากเป็นคนอื่นคงถูกตวาดเสียงดังจนอีกฝ่ายกลัวหัวหดไปแล้ว “รู้แล้วใช่ไหมว่ามาอยู่ที่นี่ในฐานะอะไร” เอ่ยถามเสร็จ แมทธิวก็ยกแก้วกาแฟขึ้นจิบ ท่วงท่าสบายอารมณ์ราวกับสุขใจนักหนาที่ได้กดขี่หญิงสาวไร้ทางสู้กระตุ้นต่อมเดือดในตัวนิฐามาศ เธอเหยียดยิ้มก่อนตอบออกไปด้วยน้ำเสียงถือดี
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD