นิ้ง-ซี / บทที่ 9 (2)

2826 Words
“ฝากดูแลตาซีด้วยละกันนะหนู พ่อคนนี้น่ะชอบทำงานจนลืมกินข้าวกินปลา แล้วโรคกระเพาะก็ถามหาทุกที” นลินทรายิ้มเพราะโรคกระเพาะแทบจะเป็นโรคประจำตัวของนพฤทธิ์จริงดังท่านว่า “ได้ค่ะ” “แม่เชื่อว่าลูกชายของแม่ตาถึง ถ้าหนูไม่ดีจริงเขาคงไม่เลือกหนู และแม่ก็ดีใจที่หนูยังให้โอกาสเขาอีกครั้ง” ฉัตรฉายยิ้มอย่างอ่อนโยน หันไปมองบุตรชายคนเล็กที่หน้าตาสดใส รอยยิ้มเจิดจ้าส่งไปถึงดวงตา ไม่เหมือนช่วงนั้น ช่วงที่ตนกระทำเรื่องที่เป็นการทำร้ายจิตใจคนทั้งคู่แล้วก็ได้แต่ทอดถอนใจ ทั้งหมดนั่งคุยกันอีกสักพักก็ถึงเวลากลับ ฉัตรฉายออกไปส่งทุกคนขึ้นรถ ยืนมองรถที่ห่างออกไปเรื่อย ๆ พร้อมรอยยิ้มที่ยังคงประดับอยู่บนหน้า พลางนึกถึงช่วงสองสัปดาห์แรกที่ตนได้มาอยู่ที่นี่ ทุกอย่างลำบากลำบนไปเสียหมด ไม่ว่าจะเป็นอาหารการกิน ที่หลับที่นอน ห้องน้ำ สิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ แต่หลังจากนั้นความเคยชินและการยอมรับกับสิ่งที่ตนต้องเผชิญก็หล่อหลอมให้ร่างกายและหัวใจปรับตัวกับสภาพความเป็นอยู่ของที่นี่ จนในที่สุดก็พบว่าการอยู่ในสถานที่แบบนี้ก็ไม่ได้ลำบากอะไร ออกจะสะดวกสบายด้วยซ้ำ ไม่ต้องวุ่นวายกับการโบกครีมประทินผิวแล้วแต่งหน้า ไม่ต้องเสียเวลาไปกับการเลือกชุดที่จะใส่ในแต่ละวัน ไม่ต้องคอยรับโทรศัพท์บรรดาเพื่อนฝูงในสมาคมที่คอยโทร. มานินทาคนนั้นคนนี้ให้ฟัง ไม่ต้องหาวิธีชิงดีชิงเด่น และอวดความเหนือกว่าของตนกับแม่บ้านว่างงานเหล่านั้น ทั้งที่ปากบอกว่าเป็นเพื่อนสนิท อยู่แบบนี้ก็สงบดี เหมือนสมองและความรู้สึกได้กลับมาเยียวยาและฟื้นฟูให้กลับสู่สภาพเดิม นลินทราหันไปมองคนที่นั่งยิ้มกริ่มอยู่หลังพวงมาลัยด้วยความหมั่นไส้ นพฤทธิ์ก็รู้ว่าเธอกำลังมองอยู่จึงหันหน้ามาทำปากจู๋ใส่แล้วหัวเราะคิกคักอย่างชอบใจ “อารมณ์ดีจังนะคะ” “ไม่ดีได้ยังไง ในเมื่อทุกอย่างแฮปปี้เอ็นดิ้ง” “นิ้งยังไม่ได้รับปากสักหน่อยว่าจะแต่งงานปีหน้า พี่นี่ขี้ตู่ชะมัด” “ก็พูดเผื่อไว้ก่อนไง เผื่อนิ้งจะใจอ่อนยอมแต่งงานกับพี่” “นิ้งก็ไม่ได้บอกว่าจะไม่แต่งสักหน่อย แต่ไม่ใช่เร็ว ๆ นี้เท่านั้นเองค่ะ พี่นี่ก็” “จะเร็วจะช้าก็เหมือนกันนั่นแหละ ว่าแต่นิ้งเถอะ คิดไว้รึยังว่าถ้าเราแต่งงานกัน นิ้งจะเป็นดาราเหมือนเดิม หรือว่าอยากมาทำงานกับพี่ที่บริษัท” “ก็คงอยู่ในวงการบันเทิงเหมือนเดิมนั่นแหละค่ะ นิ้งไม่เคยทำงานบริษัท ไม่ถนัดด้านนี้จริง ๆ อาจจะผันตัวไปเป็นผู้จัดละครป้อนให้ทางช่องก็ได้” “แบบนั้นก็ดีนะ พี่เห็นดาราหลายคนก็ทำอยู่ หรือถ้านิ้งอยากทำอย่างอื่นก็เต็มที่เลยละกัน พี่จะคอยเป็นกำลังใจและกำลังเงินให้นิ้งอยู่แล้ว” เขาหันมายิ้มให้จนตาหยี “แหม นิสัยรวยแบบนี้น่าคบจังเลยนะคะ” “แน่นอนอยู่แล้ว แต่พี่อนุญาตให้สาวสวยคนนี้คบแค่คนเดียวนะ คนอื่นไม่อยากได้” “ปากหวานตลอด หวังผลอะไรรึเปล่าคะเนี่ยคุณนพฤทธิ์” ชายหนุ่มหันมายิ้มกว้าง ปล่อยมือข้างซ้ายจากพวงมาลัยเพื่อมาลูบต้นขาของเธอเล่น “ก็ไม่มีอะไรมาก แค่อยากให้คืนนี้นิ้งค้างกับพี่ที่คอนโดฯ ได้ไหม นะครับนิ้ง พี่นอนคนเดียวเหงามากไม่มีใครให้กอดเลย กอดหมอนข้างก็ไม่ฟินเท่ากอดนิ้ง พี่พูดจริง ๆ นะเนี่ย นิ้งเชื่อพี่ไหมครับ” “เชื่อค่ะ แต่ไม่ไปหรอก พรุ่งนี้นิ้งมีถ่ายละครเช้า ขืนไปค้างกับพี่ นิ้งจะเอาเวลาที่ไหนไปพักผ่อนล่ะคะ ขอบตาดำขึ้นมาละแย่เลย ช่วงนี้นิ้งนอนไม่ค่อยพออยู่” “ใจร้าย ไม่เห็นใจกันบ้างเลย” เขาทำหน้าสลดเพื่อให้ดูน่าสงสาร แต่เธอเห็นแล้วหมั่นไส้ยิ่งกว่าเดิมจึงหยิกแขนไปหนึ่งทีแล้วพูดว่า “จะให้เห็นใจอะไรล่ะคะ เมื่อคืนพี่ให้นิ้งนอนตีอะไรจำไม่ได้แล้วหรือ คนบ้า เรื่องหื่นนี่ยกให้เลย” เมื่อวานนพฤทธิ์จัดชุดใหญ่ไฟกะพริบให้เธอด้วยอุปกรณ์ที่เลียนแบบมาจากภาพยนตร์ชื่อดังของต่างประเทศอย่าง Fifty Shades of Grey แรก ๆ เธอยอมรับว่าเขินมาก แต่ไป ๆ มา ๆ ก็รู้สึกว่ามันช่างตื่นเต้นเร้าใจเสียจนเลือดลมสูบฉีดพลุ่งพล่านไปด้วยความร้อนรุ่มตลอดเวลา จนเธออดคิดไม่ได้ว่าหรือตนจะมีรสนิยมแบบนี้เข้าให้แล้ว แต่ดูเหมือนนพฤทธิ์จะชอบไม่น้อยเลย เมื่อวานเขาเร่าร้อนมากกว่าที่เคย โดยเฉพาะแววตาของเขาเวลาที่มองมาตอนเธอถูกล่ามด้วยกุญแจมือนั้น แทบหลอมละลายเธอได้เลยจริง ๆ “คิดอะไรอยู่ครับ” ไม่ถามเปล่า แต่เขากลับล้วงเข้าไปในกระโปรง ลูบไล้ต้นขาด้านในโดยใช้นิ้วโป่งเขี่ยจุดอ่อนไหว ทำเหมือนไม่ตั้งใจให้โดนจุดนั้น “เดาสิคะ ว่านิ้งกำลังคิดอะไรอยู่” “อืมมม คงจะคิดว่าวันนี้นิ้งจะเล่นบททาสรักของพี่แบบไหนดี จะเป็นนางพยาบาล โจรสาวแสนเซ็กซี่ หรือว่าเมดสาวจอมยั่ว” ขณะที่เขาพูด ปลายนิ้วของเขายิ่งตวัดเร็วรัว เธอเองก็เริ่มรู้สึกว่าอารมณ์เริ่มพลุ่งพล่านแล้วเช่นกัน “ผิดค่ะ วันนี้นิ้งจะเป็นเดวิล” เธอมีรองเท้าส้นสูงสีแดงเพลิงไว้ในห้องของเขาคู่หนึ่ง นพฤทธิ์ชอบให้เธอสวมมันเวลาเมกเลิฟด้วยกัน ยิ่งใส่คู่กับชุดชั้นในบางจ๋อยสีแดง เขายิ่งชอบ “หมายความว่าวันนี้นิ้งจะค้างกับพี่ใช่ไหมครับ” จู่ ๆ เขาก็หยุดมือไม่ทำต่อ แม้ว่าเธอจะมองเขาด้วยสายตาเว้าวอนแค่ไหนก็ตาม “ก็ได้ค่ะ ค้างก็ค้าง...ทำต่อสิคะพี่ซี” เธอจับมือของเขาตรึงไว้ตรงนั้น เมื่อเขาเริ่มขยับนิ้วอีกครั้ง ร่างกายของเธอก็อ่อนระทวยอยู่กับเบาะทันที สี่ปีต่อมา นลินทราตื่นขึ้นในตอนเช้าตรู่ ข้างกายไม่มีร่างของสามีนอนอยู่จึงดูเวลาจากนาฬิกาบนผนัง “เพิ่งจะหกโมงเอง พี่ซีตื่นแล้วหรือเนี่ย เช้าจัง” เธอลุกจากเตียงแล้วเดินไปที่คอกกั้นเด็กเพื่อดูบุตรสาวตัวน้อย แต่แล้วก็อดยิ้มไม่ได้ เมื่อเห็นสามีที่ตนคิดว่าเขาตื่นแต่เช้านั้น แท้จริงแล้วเขามานอนอยู่กับลูกในคอก หมายความว่าเมื่อคืนยายหนูคงตื่นกลางดึกแล้วนพฤทธิ์ยังนอนไม่หลับ หรืออาจได้ยินเสียงก่อนเธอ จึงรีบลงไปนอนหรือเล่นกับลูกอยู่ในนั้น เพื่อให้เธอได้นอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มที่ นลินทรายกมือขึ้นปิดปากเพื่อกลั้นขำเพราะท่านอนของสองพ่อลูกนั้นชวนให้หัวเราะจริง ๆ จึงเดินไปหยิบโทรศัพท์มือถือมาถ่ายรูปเก็บเอาไว้ให้สามีดูตอนตื่น คนพ่อนอนหงายปกติ โดยมีขาป้อม ๆ ของเจ้าตัวเล็กพาดอยู่บนคอ ช่างเป็นภาพที่บ่งบอกถึงการเป็นทาสลูกโดยสมบูรณ์จริง ๆ นลินทรายืนมองทั้งคู่อย่างแสนรัก นึกถึงตอนคบกับนพฤทธิ์ช่วงปีแรก มีแต่คนบอกว่าคู่ของเธอกับเขาไม่น่าไปกันรอด บางคนถึงกับปรามาสว่าอีกไม่นานคงเลิกกัน คนในวงการบันเทิงบางคนยังพูดลับหลังเธอด้วยซ้ำว่านางร้ายอย่างเธอคงเป็นได้แค่ของเล่นคนรวย ที่พอเขาเล่นจนเบื่อก็จะเขี่ยทิ้ง แต่ในที่สุดเธอกับนพฤทธิ์ก็จับมือฝ่าฟันกันมาร่วมห้าปีและมีพยานรักด้วยกันหนึ่งคน นพฤทธิ์เป็นสามีที่ดี เขาไม่เคยเข้ามาก้าวก่ายงานของเธอเลยแม้แต่ครั้งเดียว ไม่ว่าจะตอนที่เธอยังเป็นนักแสดง หรือแม้กระทั่งตอนนี้ที่ผันตัวมาเป็นผู้จัดละครป้อนให้กับทางสถานีโทรทัศน์แล้วก็ตาม เธอยังคงรับงานถ่ายแบบและถ่ายโฆษณาอยู่บ้าง ตั้งแต่มีลูก งานโฆษณาที่เข้ามาส่วนใหญ่มักเป็นผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเด็กทั้งนั้น และโฆษณาบางตัวก็ต้องการให้นพฤทธิ์ร่วมถ่ายด้วย ซึ่งเขาก็ไม่เคยมีปัญหาหรือขัดข้องเลยสักครั้ง หญิงสาวเข้าห้องน้ำเพื่อทำธุระส่วนตัว ไม่นานนักก็กลับออกมาโดยมีผ้าขนหนูพันกายมาผืนเดียว เธอได้ยินเสียงหัวเราะเอิ๊กอ๊ากของลูกสาวตัวน้อยจึงเดินไปหาสองพ่อลูกที่นั่งเล่นกันอยู่ในคอก “นึกยังไงถึงลงไปนอนกับลูกในคอกล่ะคะ ยายหนูตื่นหรือ” “อืม ตื่นกลางดึกน่ะ พี่ออกมาจากห้องน้ำพอดีก็เลยลงมาเล่นกับลูกซะเลย จะได้ไม่ต้องกวนนิ้งด้วย” นลินทราก้มลงไปหอมแก้มสามีกับบุตรสาว ก่อนจะเดินไปทางห้องแต่งตัว ไม่นานนักก็กลับออกมาในชุดลำลองธรรมดาสำหรับใส่อยู่บ้าน “คุณแม่สวยจังเลยเนอะ แต่พ่อว่าอนาคตหนูต้องสวยกว่าคุณแม่แน่ ๆ เลย” เธอค้อนให้สามี “ปากหวานไม่เคยเปลี่ยน ไปล้างหน้าได้แล้วค่ะ เอาลูกมาให้นิ้งเถอะ นิ้งจะอาบน้ำเปลี่ยนแพมเพิร์สให้ยายหนูแล้ว” “คร้าบผม” เขาอุ้มลูกสาวชูขึ้น เจ้าตัวเล็กเมื่อเห็นมารดากางแขนจะเข้ามาอุ้มต่อก็เตะขายิ้มร่าด้วยความดีใจ “เมื่อคืนกลับมากี่ทุ่มหรือคะ” เมื่อคืนเขาไปงานเลี้ยงรุ่นที่โรงแรม เธอลืมถามเพราะหลับก่อนที่เขาจะกลับถึงบ้าน “ประมาณตีสามน่ะ” เขายิ้มแหย “แสดงว่าเมื่อคืนไปต่อที่อื่นกันด้วยหรือคะ เพราะนิ้งเห็นคอเสื้อมีรอยลิปสติกด้วย” เมื่อกี้ตอนเข้าไปอาบน้ำ เธอเห็นเสื้อเชิ้ตที่เขาถอดไว้ในตะกร้ามีรอยลิปสติกเด่นหราจนน่าหมั่นไส้ นพฤทธิ์แทบตาเหลือก รีบลนลานออกมาจากคอกกั้นเด็กทันที “เพื่อนพี่มันแกล้งน่ะนิ้ง ไม่มีอะไรจริง ๆ นะพี่สาบานได้เลย นิ้งก็รู้ว่าพี่ไม่ใช่คนเจ้าชู้ แต่งงานกันมาพี่ก็ไม่เคยนอกลู่นอกทางเลยสักครั้ง นิ้งเชื่อพี่นะ ไปถามไอ้ธามดูก็ได้เพราะไอ้ธามมันก็ไปงานเลี้ยงรุ่นด้วยเหมือนกัน” นลินทราแสร้งทำหน้านิ่ง ๆ ทั้งที่ความจริงจะหลุดหัวเราะออกมาอยู่รอมร่อ เธอทำทีเป็นถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วอุ้มลูกเดินเข้าห้องน้ำไป เมื่ออาบน้ำให้ลูกเสร็จแล้ว หญิงสาวจึงอุ้มลูกมาแต่งตัวในคอกกั้นเด็ก ไม่นานนักก็ได้ยินเสียงเปิดประตู ตามมาด้วยกลิ่นครีมอาบน้ำหอมกรุ่น ไม่ต้องเดาก็รู้ว่านพฤทธิ์คงไปอาบน้ำที่ห้องของบิดามา หลังจากแต่งตัวให้บุตรสาวตัวน้อยเสร็จแล้ว นลินทราก็ถูกสวมกอดจากทางด้านหลังตามมาด้วยการระดมจูบชุดใหญ่ที่แก้มและต้นคอจนในที่สุดหญิงสาวก็หลุดหัวเราะออกมาจนได้ “พอแล้วพี่ซี เดี๋ยวเถอะ” เธอผลักหน้าเขาออกไปห่าง ๆ เขาอาบน้ำแต่ไม่ยอมโกนหนวดให้เรียบร้อย เจตนาจะกลั่นแกล้งเธอกลับชัด ๆ “แกล้งมาแกล้งกลับไงครับ พี่ไม่ขี้โกง นี่แน่ะ ๆ” เขายังคงเอาไรหนวดมาถูไถตามแก้มและต้นคอของเธอ ทำให้นลินทราหัวเราะเสียงดังลั่น ซึ่งพอเจ้าตัวเล็กเห็นดังนั้นจึงหัวเราะตามไปด้วย “หัวเราะจนเหนื่อยแล้วละสิ ทั้งแม่ทั้งลูกเลย ไปครับ ไปหาอะไรหม่ำกันดีกว่า” ชายหนุ่มเป็นฝ่ายอุ้มลูกสาวแล้วยื่นแขนให้ภรรยาใช้เป็นหลักยึดตอนลุกขึ้นยืน จากนั้นก็พากันลงไปรับประทานอาหารเช้ากัน หลังแต่งงาน นลินทราย้ายมาอยู่บ้านนพฤทธิ์ เพราะบ้านหลังใหญ่นี้มีเพียงแค่บิดา พี่สาวและหลานสาวของเขาเท่านั้น ไม่นับรวมบรรดาแม่บ้านและคนสวน ส่วนมารดาของเขายังคงใช้ชีวิตอยู่ที่สถานปฏิบัติธรรมเช่นเคย ซึ่งทุกคนในครอบครัวจะพากันไปเยี่ยมเดือนละสองครั้ง ตอนนี้นพวรรณ พี่สาวของนพฤทธิ์กำลังคบหาดูใจกับพ่อม่ายลูกติดคนหนึ่งซึ่งเป็นนักธุรกิจในแวดวงสินค้าบริโภคเช่นกัน และที่สำคัญทั้งสองคนเคยคบหากันตอนเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยอีกด้วย ทั้งคู่มีแพลนว่าจะแต่งงานกันเร็ว ๆ นี้ ซึ่งหากแต่งแล้วคงย้ายไปอยู่บ้านสามี นพฤทธิ์จึงอยากให้นลินทรามาอยู่บ้านของตนเพราะไม่อยากให้บ้านเงียบเหงาเกินไป อดีตสามีของนพวรรณเพิ่งถูกศาลตัดสินจำคุกหลายข้อหา ทั้งยักยอกทรัพย์ โกงทรัพย์สินของผู้อื่น ทำร้ายร่างกาย ใช้ตำแหน่งหน้าที่ในทางมิชอบ งานนี้บิดาของนพฤทธิ์ทุ่มเงินในการติดตามคดีอย่างเต็มที่ จนในที่สุดก็สามารถลากคออดีตลูกเขยแสนเลวเข้าตะรางได้สำเร็จ นลินทรากับนพฤทธิ์นอนตะแคงหันหน้าเข้าหากันโดยมีเจ้าตัวเล็กนอนหลับปุ๋ยอยู่ตรงกลาง สายตาของทั้งคู่จับจ้องอยู่แต่ใบหน้าของบุตรสาวอย่างแสนรัก ทุกครั้งที่เจ้าตัวน้อยขยับตัว ชายหนุ่มก็จะตบก้นเบา ๆ ให้หลับต่อ “ลูกเราน่ารักจังเลยเนอะ” เขาพูดโดยที่สายตาไม่ละไปจากใบหน้าของบุตรสาว “หลงลูกนะเนี่ย” เธออดเย้าสามีไม่ได้ แต่เขาก็หลงลูกสาวหัวปักหัวปำจริง ๆ “พี่ว่าจะทำเหมือนในสารคดีที่เคยอ่านละ ถ่ายรูปกับลูกทุกปีในวันเกิดของเขาที่มุมเดิมสถานที่เดิม ทำเป็นอัลบั้มเก็บเอาไว้ให้เขาดูตอนโต” “ก็ดีนะคะ เราจะได้เห็นพัฒนาการแต่ละช่วงอายุของยายหนูด้วยว่าเป็นยังไงบ้าง ตอนนี้คลานได้แล้ว อีกหน่อยก็คงหัดตั้งไข่ หัดเดิน พอเดินได้แล้วอีกไม่กี่ปีก็เตรียมตัวเข้าอนุบาล จะว่าไป เวลามันก็ผ่านไปเร็วจริง ๆ เลยเนอะ” “อืม แต่ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี ๆ พี่ก็อยากให้เรายังอยู่ด้วยกันอย่างนี้ไปนาน ๆ อยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่า ขอบคุณมากนะนิ้งที่เลือกแต่งงานกับผู้ชายอย่างพี่” นลินทรายิ้ม “ตื๊อเก่งเช้าถึงเย็นถึงขนาดนั้น ใครจะใจแข็งได้ลงล่ะคะคุณนพฤทธิ์ขา” เธอนึกถึงวันแรกที่เจอผู้ชายคนนี้ในโรงพยาบาล เขามาเยี่ยมเธอในฐานะผู้ว่าจ้าง และผู้ที่พาเธอมาส่งโรงพยาบาลด้วยตัวเอง เขาดูสุภาพแต่ก็เป็นกันเอง ถึงหน้าตาไม่เรียกว่าหล่อเหลาแต่ก็จัดว่าเป็นผู้ชายดูดีคนหนึ่ง เขามาเยี่ยมบ่อยเสียจนเธอวางตัวไม่ถูก ทั้งยังนำของกินติดไม้ติดมือมาด้วยทุกครั้ง จะปฏิเสธก็ไม่กล้าพอ เลยได้แต่คอยแบ่งรับแบ่งสู้ไป แม้เธอจะออกจากโรงพยาบาลมาแล้วเขาก็ยังหมั่นมาเยี่ยมมาหาตามกองถ่ายหรือแวะมาที่บ้านเสมอ จากความเกรงใจไม่กล้าปฏิเสธ กลายเป็นอยู่ในช่วงทดลองคุย และเรื่อยไปจนถึงการคบหาดูใจ จนในที่สุดก็ลากยาวมาจนถึงตอนนี้ “ทำไงได้ละครับ เจอสาวถูกใจทั้งที ถ้าไม่รีบตื๊อรีบจีบพี่ก็กินแห้วสิครับน้อง” เขายื่นหน้ามาจูบหน้าผากของเธอแล้วพูดต่ออีกว่า “พี่รักนิ้งนะ” “รักพี่ซีค่ะ ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะคะ” เธอพูดจบก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังมาจากตรงกลาง แอ๊... เมื่อก้มมองไปก็เห็นเจ้าตัวเล็กนอนลืมตาแป๋ว ยิ้มแฉ่ง ถีบขาไปมาราวกับจะบอกว่า...พ่อจ๋าแม่จ๋า เล่นกับหนูหน่อย เธอเงยหน้าหัวเราะกับสามีที่คุยกันจนลูกตื่น ก่อนจะก้มลงไปหอมแก้มยุ้ย ๆ นั่นฟอดใหญ่ “แต่แม่รักหนูที่สุดในโลกเลย” จบบริบูรณ์

Great novels start here

Download by scanning the QR code to get countless free stories and daily updated books

Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD