ห้องโถงสกุลเยว่
รุ่ยกงกง ที่ยืนถือราชโองการอยู่มองคุณหนูที่มีชื่อในราชโองการอย่างหนักใจ เห้อ ทั้ง ๆ ที่งามปานนั้น ยังมิวายถูกส่งออกไปอย่างไร้ค่า
“เยว่ซิ่นอ้าย รับราชโองการ ด้วยถึงวัยออกเรือน แม้พ้นวัยปักปิ่นมาสองปีแล้ว แต่ความงามของเจ้ายังเป็นที่เลื่องลือถึงต่างแคว้น ….”
เยว่ซิ่นอ้ายรู้สึกว่าหางตาขวากระตุกแปลก ๆ ไหนจะไอ้ถ้อยคำในพระราชโองการนั้นอีก
“อีกทั้งฮ่องเต้แคว้นจ้าวอยากให้มีงานมงคลระหว่างแคว้น ผูกด้ายแดงระหว่างกัน จึงขอแต่งตั้ง เยว่ซิ่นอ้าย บุตรีของรองเสนาบดีฝ่ายขวาเป็นท่านหญิง พร้อมให้ติดตามขบวนบรรณาการเพื่ออภิเษกสมรสกับ จวิ้นอ๋อง ผู้เป็นพระอนุชาของฮ่องเต้แคว้นจ้าวในอีกหนึ่งเดือนถัดไป รับราชโองการ”
สิ้นคำพูดของรุ่ยกงกง นางรับพระราชโองการนั้นอย่างมึน ๆ นี่มันอะไรกัน ทำไมตาแก่ฮ่องเต้ถึงทำแบบนี้ ลูกสาวตัวเองไม่ยอมส่งไป แต่กลับมาบังคับคนอื่นเนี่ยนะ น่าตายนัก แล้วจวิ้นอ๋องนี่อยู่ในนิยายเรื่องไหนอีกล่ะ
“โอ้ อ้ายเอ๋อร์ช่างโชคดี ได้ข่าวว่าจวิ้นอ๋องผู้นี้มีแต่ความอัปลักษณ์ คงจะเหมาะกับเจ้ายิ่งนัก”
ฮูหยินรองมี่จิว เอ่ยพลางยิ้มเหยาะ สาเหตุที่นางไม่อยากอยู่ที่จวนนี้ก็เพราะเหล่าบรรดาเมียน้อยของบิดานี่ล่ะ หลังจากมารดาตายนางก็โดนรังแกมาโดยตลอด
“ท่านแม่รองนี่ช่างหูจมูกดีแท้ แต่อย่างน้อยในฐานะที่ข้าเป็น บุตรีที่เกิดจากภรรยาเอก จึงได้เป็นชายา แล้วน้องสามที่เกิดจากท่านเล่า อย่างน้อยคงได้เป็นแค่ เมียรอง หรือเป็นแค่อนุ”
เยว่ซิ่นอ้ายตอกกลับก่อนเดินออกไป ทิ้งให้ฮูหยินรองมี่จิว ยืนกำมือด้วยความโกรธ หลังจากฮูหยินเอกตาย นางหวังว่าสามีจะตั้งนางขึ้นเป็นฮูหยินเอก แต่เขากลับปล่อยตำแหน่งนั้นว่างไว้ราวเยาะเย้ยนาง แต่นางก็สะใจไม่น้อยที่นังเด็กร้ายกาจนี่ได้แต่งออกไปสักที
ภายหลังข่าวแพร่สะพัดไปทั่วเมืองหลวงทุกคนต่างลงความเห็นว่า นางสมควรโดนแล้ว ชอบกีดขวางบุพเพของอ๋องสิบเก้ากับน้องสาวนัก คราวนี้เวรกรรมคงตามทันนางแล้ว
ห้องนอนภายในเรือนใหญ่
คุณหนูที่ถูกพูดถึงในตอนนี้นั่งหน้ามุ่ยพยายามคิด และเค้นเอาความทรงจำออกมาตอนนี้เยว่ซิ่นอ้ายนั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเหม่อลอย นางไม่ได้กังวลเพราะต้องแต่งงานกับอ๋องอัปลักษณ์นั่นหรอก แต่ที่นางกังวลคือ นางไม่รู้เนื้อเรื่องต่อจากตอนนี้เลย นิยายเรื่องนี้ควรจบที่พระเอกนางเอกรักกันไม่ใช่เหรอ ทำไมเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ หรือนางพลาดบางตอน เอ๊ะ หรือว่าเป็นตอนที่เธอเผลอหลับไปแน่ ๆ เห้อ เธออยากจะบ้า
“อ้ายเอ๋อร์ ไยเจ้าไม่ขัดราชโองการเล่า เจ้ารู้หรือไม่ว่าอ๋องผู้นั้นโหดร้ายอย่างไร เจ้ายังอยากจะไปแคว้นจ้าวอีก”
เยว่ไป๋ พี่ชายฝาแฝดของนางเดินเข้ามาหานางอย่างหัวเสีย เขารู้สึกไม่ค่อยพอใจเท่าใดที่น้องสาวคนงามต้องแต่งออกไป หากเป็นชายในแคว้นนี้ยังพอตามไปยกเลิกได้ แต่กลับเป็นเชื้อพระวงศ์ต่างแคว้นที่มีข่าวลือเน่าเละอีก เขาห่วงว่านางจะไปเจอความโหดร้ายป่าเถื่อน
“ไป๋ไป๋ ข้าไม่อยากอยู่ที่นี่”
นางตอบพี่ชายไปพลางก้มหน้า หากอ๋องคนนั้นเป็นคนโฉดอย่างที่เล่าลือล่ะ นางก็แค่หย่าแล้วหนีไป แต่ในใจรู้สึกโหวง ๆ ที่ต้องจากบ้านเกิดไปไกล
“ข้าจะไปกับเจ้า”
เยว่ไป๋บอก ก่อนดึงน้องสาวเข้ามากอด
“ไป๋ไป๋ เจ้าจะไปกับข้าได้อย่างไร เจ้าเพิ่งเริ่มการค้า การค้าของเจ้าจะต้องมีเจ้าคอยดูแลอยู่ที่นี่ อย่าห่วงข้าเลยนะ ข้าดูแลตัวเองได้ เพียงเจ้าเขียนจดหมายติดต่อข้าตลอดก็เพียงพอ”
เยว่ซิ่นอ้ายบอกพลางมองหน้าแฝดผู้พี่ของตนด้วยความอุ่นใจที่อย่างน้อยก็มีเขาเป็นพี่ชาย ภายหลังมารดาจากไป บิดาเหินห่างและโทษที่นางทำให้หญิงที่เขารักต้องตาย เยว่ไป๋เห็นความเย็นชานี้จากบิดามาตลอด จึงไม่เข้าร่วมสอบเป็นจอหงวน แต่กลับมาเป็นพ่อค้าจึงถูกบิดาไล่ออกจากบ้าน แต่เพราะวันนี้รู้ข่าวว่าน้องสาวจะถูกส่งตัวไปต่างแคว้น จึงร้อนใจและห่วงนางมากที่สุด
“ข้า ข้าปกป้องเจ้าไม่ได้”
เยว่ไป๋กลั้นน้ำตา อ๋องโฉดนั่นใครบ้างจะไม่รู้กิตติศัพท์ความเหี้ยมโหด น้องสาวของเขาต้องถูกทำร้ายแน่ ๆ
“พี่ชาย ท่านเลิกร้องไห้เถอะ ท่านปกป้องข้ามาตลอด ถึงอย่างไร ข้าก็ต้องถูกแต่งออกจากที่นี่ ก็ไม่เลวร้ายเท่าไหร่หรอก หากไปต่างแคว้น”
นางปลอบผู้เป็นพี่ชาย แม้เขาจะเป็นพี่แต่มักร้องไห้ทุกครั้งที่นางมีเหตุทะเลาะวิวาทกับบรรดาพี่น้องคนอื่น ๆ ก็รักนางมากที่สุดเช่นกัน
เยวไป๋กับเยว่ซิ่นอ้ายคุยกันหลายเรื่อง โดยที่ทั้งคู่ไม่รู้ว่ามีสายตาหนึ่งที่คอยจับจ้องอยู่
“ช่างเป็นพี่น้องที่รักกันเสียจริง”
ชายในชุดดำเอ่ย ภายใต้ใบหน้าที่ซ่อนไว้ ซ่อนกลิ่นอายของความสูงศักดิ์ ก่อนเร้นกายหายไป
หนึ่งเดือนผ่านไป ขบวนบรรณาการของแคว้นเฉิน เดินทางไปยังแคว้นจ้าวช่างเงียบเหงามากในความรู้สึกของเยว่ซิ่นอ้าย เสี่ยวอิงน้อยที่ติดตามนางมาก็มัวแต่ง่วง ไม่มีหญิงรับใช้เพิ่มเติม อ่า ไร้ความสำคัญแท้จริงสำหรับจวิ้นอ๋องคนที่นางจะแต่งงานด้วย แต่ก็ยังดีที่มีสินเดิมที่บิดาของนางอุตส่าห์มอบให้
“เผื่อเขาทิ้งเจ้า”
คำพูดของบิดาที่มีต่อนางช่างเย็นชาเสียจริง เผื่อคนผู้นั้นทิ้งข้างั้นเหรอ ท่านพ่อ ท่านช่างรักลูกเสียจริง!
แคว้นเฉินกับแคว้นจ้าวเป็นแคว้นที่มีชายแดนติดกัน ดังนั้นขบวนบรรณาการจึงใช้เวลาเดินทางเพียงแค่ 20 วันเท่านั้น
“เรียนท่านหญิง ตามรับสั่งฝ่าบาท ขบวนเจ้าสาวจะต้องรอจวิ้นอ๋องมารับที่นี่ส่วนขบวนของบรรณาการให้เดินทางไปยังเมืองหลวงเลยขอรับ”
หัวหน้าทหารหน้าด่านเข้ามาแจ้งกับนาง เหอะ แบบนี้ก็ได้เหรอนางกลอกตามองบนพร้อมถอนหายใจยาว ๆ ดวงซวยแท้ ๆ รู้แบบนี้กลับใจเป็นนางร้ายดำเนินเรื่องตามนิยายก็ดี มีสีสันกว่านี้เยอะ
“จะให้ข้ารออยู่แบบนี้น่ะเหรอ”
นางถามพร้อมใช้สายตากดดันทหารผู้นั้น จนเขารู้สึกว่ามีเหงื่อซึมที่หลัง
“กะ เกรงว่าเป็นเช่นนั้นขอรับ นี่เป็นรับสั่งของฝ่าบาท”
เขาตอบพร้อมลอบมองใบหน้าของสตรีที่เป็นว่าที่พระชายาจวิ้นอ๋องอย่างแปลกใจ รอไปเถอะ จวิ้นอ๋องไม่มาแน่ เพราะก่อนหน้านี้ก็มีหญิงสาวบรรณาการจากต่างแคว้นถูกส่งมา ล้วนถอดใจแล้วหนีกลับไปหมดสิ้น ดูท่าทางนางก็คงไม่ต่างกัน
“หึ”
นางรู้สึกเหมือนโดนทิ้ง หลังจากได้รับคำตอบ แต่ก็รอ รอจนตะวันใกล้ตกดิน
“คุณหนู นี่ก็จะค่ำแล้วนะเจ้าคะ”
เสี่ยวอิงพูดอย่างกระวนกระวายพลางสอดส่องหาขบวนเจ้าบ่าวของจวิ้นอ๋องอย่างใจจดใจจ่อ หากว่าคุณหนูนางโดนทิ้งเล่า คงโดนนินทาไปทั้งสองแคว้นแน่
“นี่ ท่านนายกอง จวนของจวิ้นอ๋องอยู่ไกลจากที่นี่หรือไม่”
เยว่ซิ่นอ้ายเลิกม่านออกเพื่อถามนายกองทหารคนเดิมที่ยังยืนเฝ้าขบวนของนางอยู่ไม่ไกลนัก
“เพียงแค่ข้ามชายป่าตะวันออกไปก็ถึงแล้วขอรับ”
เขาตอบพลางคิดว่านางคงจะถอดใจกลับแน่นอน
“งั้นหากไม่รบกวนเจ้าจนเกินไป ข้าอยากให้เจ้านำทางพวกข้าไปที คนงานที่หาบของพวกนี้คงอยากจะพักเต็มประดา อีกอย่างหากทำงานยังไม่ลุล่วง ข้าคงไม่สามารถจ่ายค่าจ้างพวกเขาได้แน่นอน”
เยว่ซื่นอ้ายบอก ก่อนมองไปยังคนที่ติดตามนางจากแคว้นเฉิน คนพวกนี้พี่ชายนางจ้างมา ล้วนไม่ใช่คนจากราชสำนัก ทุกคนหวังแค่ว่ามาส่งนางก็เท่านั้น และหลังจากที่เดินทางมาหลายวันก็อยากจะพักเต็มที่ นาย กองรู้สึกแปลกใจ ที่นางอยากจะไปหาจวิ้นอ๋อง แทนที่จะกลับแคว้นตน จึงยินยอมนำทางไปส่งนาง
“ดูท่าว่า ผู้หญิงคนอื่นๆ คงถูกทิ้งเหมือนข้าสินะ ฝันไปเถอะเจ้าอ๋องบ้า คิดจะไม่รับผิดชอบข้าเหรอ ได้เจอข้าแน่”
ในเมื่อไม่อยากให้ข้าเป็นชายานัก ถึงขนาดไม่เหลียวแล ข้าจะแต่งงานกับท่าน แล้วพรุ่งนี้ข้าจะหย่า! แล้วเรียกร้องค่าเสียหายให้เยอะ ๆ คอยดูเยว่ซิ่นอ้ายบ่นพึมพำพร้อมทำสีหน้าเหมือนตัวร้ายเวลาเจอของเล่นใหม่ เสี่ยวอิงที่นั่งอยู่ข้างๆ ถึงกับกลืนน้ำลาย คุณหนู ท่านคงไม่คิดจะทำอะไรแผลง ๆ ใช่หรือไม่
การเดินทางมาที่จวนจวิ้นอ๋องนั้นใช้เวลาราวสองชั่วยาม จากประตูเมืองหลวงของแคว้นจ้าวจนถึงตอนนี้ก็ล่วงเข้ายามไฮ่ (21.00-22.59) แล้ว
“เอ่อ นี่เจ้านำทางถูกแล้วใช่หรือไม่”
เยว่ซิ่นอ้ายถามอย่างแปลกใจ นางทำใจมาตลอดทางว่าสภาพจวนอ๋องคงไม่ดีนักจากข่าวลือของเจ้าของ แต่ไม่คิดว่ามันจะแย่ แย่มากขนาดนี้
“ข้าขอส่งพวกท่านตรงนี้นะขอรับ ขอให้ท่านหญิงจงโชคดี”
ถ้าไม่โดนฆ่าก่อนนางคงฆ่าตัวตายแน่ ๆ อโหสิให้ข้าด้วยนะท่านหญิง เขาบอกก่อนโค้งคำนับแล้วเดินไปขึ้นมาแล้วจากไป ส่วนคนงานต่างมองหน้ากันเลิ่กลั่กเพราะจวนอ๋องดูร้างผู้คน หรือว่าไม่มีคนอยู่กันแน่ถึงได้ทรุดโทรมจนไม่เหลือเค้าจวนที่มีคนอยู่เลยสักนิด
“เสี่ยวอิง ไปเคาะประตูสิ”
เยว่ซิ่นอ้ายสั่ง ด้วยเหนื่อยมาทั้งวันแล้วหากไม่มีคนอยู่นางจะรีบไปหาที่พักอื่น
“มีคนอยู่ไหมเจ้าคะ”
เสี่ยวอิงทำตามคำสั่งนายสาวเดินตรงมาเคาะประตูจวนแล้วตะโกนเรียก จะว่าไปแล้วจวนนี่น่ากลัวราวกับจวนผีสิง ตั้งอยู่ห่างไกลบ้านเรือนผู้คนนัก
แอ๊ด…
เสียงเปิดประตูพร้อมชายที่สวมชุดพ่อบ้านมองเสี่ยวอิง แล้วกวาดตามองคนเหล่านี้ด้วยสีหน้าแปลกใจ
“นี่แม่นาง หากจะมาขอทาน ถัดไปไม่ไกลมีโรงหมอ จงพาพวกเจ้าไปเถอะ”
พ่อบ้านอู่บอกก่อนเตรียมตัวปิดประตูจวน
“เดี๋ยวก่อนท่าน พวกข้าหาใช่ขอทาน แต่เป็นขบวนเจ้าสาวที่มาจากแคว้นเฉินจ้าค่ะ”
เสี่ยวอิงพูด
พ่อบ้านอู่ครุ่นคิด พร้อมทำสีหน้าประหลาดใจ ทำไมถึงไม่หนีกลับแคว้นกัน
“หากท่านแปลกใจที่ข้าไม่หนี เพราะข้าไม่อยากหนียังไงล่ะ แล้วเจ้าบ่าวข้า เอ่อ ท่านอ๋องเล่า”
เยว่ซิ่นอ้ายเอ่ยก่อนก้าวลงมาจากเกี้ยว ยังดีที่มีแสงสว่างจากตะเกียงของคณะเดินทางของนางบวกกับแสงจันทร์ที่สาดส่องมา ไม่งั้นนางคงล้มหัวคะมำเป็นแน่ เพียงเพราะไอ้ผ้าคลุมหน้าเฮงซวยนี่
“คิดไม่ถึงว่า ชายาของข้าใจร้อนยิ่ง”
เสียงทุ้มที่ฟังแล้วเหมือนคำชมดังขึ้นก่อนเจ้าของเสียงจะเดินออกมา พ่อบ้านอู่รีบทำความเคารพชายที่แผ่กลิ่นอายสูงศักดิ์ผู้นี้ ภายใต้หน้ากากครึ่งท่อน เขาสวมชุดขาว และปล่อยผมยาวไร้เครื่องประดับใด ๆ แต่กลับทำให้ผู้ติดตามมารู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก
“ท่าน..”
เยว่ซิ่นอ้ายรู้สึกถึงแรงกดดันส่งมาที่นาง พะ พูดไม่ได้ นางเป็นอะไรไป
พ่อบ้านอู่ที่รู้สถานการณ์ดีถึงกับเหงื่อออก วันนี้เหรอ ใช่สิวันนี้เป็นวันที่ท่านอ๋องควรปลดปล่อย
“พระชายา กระหม่อมจะรีบให้คนไปเตรียมห้องพักให้ ส่วนพวกเจ้ารีบขนของเข้ามาไว้ก่อนเถอะ”
พ่อบ้านอู่พูด พลางมองจวิ้นอ๋องที่ตอนนี้จ้องว่าที่พระชายาอย่างไม่วางตา
“ท่านอ๋อง เสด็จกับห้องบรรทมไหมพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะรีบเตรียมของให้”
“แน่นอน ข้าย่อมรู้สึกอยากพัก แต่ขอต้อนรับพระชายาก่อน เจ้าไปจัดการส่วนที่เหลือเถอะพ่อบ้านอู๋”
จวิ้นอ๋อง หรือจ้าวเหวินสยุงบอก ก่อนเดินตรงมาหาเยว่ซิ่นอ้ายที่ตอนนี้นางพยายามที่จะพูด แต่โดนเขาสะกดไว้ ก่อนถูกฉุดร่างบางให้เข้ามาใกล้แล้วอุ้มนางเข้าจวนไปโดนไม่สนใจสายตาที่ตกตะลึงของทุกคน แม้แต่พ่อบ้านอู่!
“ชักช้าอยู่ใย รีบขนของเข้ามา ส่วนเจ้า ไปรอข้าที่ห้องโถง”
พ่อบ้านอู่สั่ง ก่อนมองเสี่ยวอิงน้อยที่ตอนนี้ชะเง้อมองเจ้านายตนอยู่
จ้าวเหวินสยุงบอกพลางก้มลงสูดกลิ่นเลือดของนางที่ซอกคอแล้วจรดริมฝีปากขบเม้มสร้างรอยเอาไว้ เขาใช้มือหนึ่งรวบตัวนางให้เผชิญหน้าเขาแล้วฝากรอยรักลงบนซอกคอของนาง พลางดึงสาบเสื้อออกแล้วโยนมันทิ้งไป ทำให้ตอนนี้เยว่ซิ่นอ้ายแทบไม่หลงเหลือเสื้อผ้าบนตัวนางแล้วนอกจากเอี๊ยมตัวบางขณะที่เขาขึ้นคร่อมนางเอาไว้
“มะ ไม่ได้นะ อย่าทำแบบนี้”
เยว่ซิ่นอ้ายพยายามบอกเขาด้วยเสียงอันสั่นเครือ อยากดิ้นหนีไปแต่ทว่ากลับไร้ซึ่งเรี่ยวแรงใด ๆ เมื่อโดนสะกดด้วยสายตาคู่นั้นของคนตัวโต ความรู้สึกวาบหวิวก่อตัวขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อคนเขาล่อลวงนางด้วยการขบเม้มสร้างรอยรัก พร้อมๆ กับมอบจุมพิตแสนหวานให้ ก่อนใช้นิ้วแตะเข้าไปที่กึ่งกลางดอกไม้งามของนางที่บัดนี้มีน้ำหวานไหลออกมา
“อ้ายเอ๋อร์ ข้า ต้อง การ เจ้า บอกข้าสิ ว่าเจ้าต้องการข้า”
เสียงอันสั่นพร่าบ่งบอกถึงความต้องการของเขาทำให้ร่างบางสั่นสะท้าน พร้อมรู้สึกหวาดกลัวเขา ไม่ใช่นางไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ยังอดกลัวไม่ได้
“ยะ อื้อ อ๊ะ ท่านอ๋อง ข้าทรมาน”
เสียงครางอันหวานใสดังขึ้นเมื่อเขาส่งนิ้วเรียวเข้าไปทักทายดอกไม้งาม ที่ช่างคับแน่น และบีบบรัดนิ้วเขาไว้
“บอกข้าสิ ว่าเจ้าอยากให้ข้าทำอะไร อ้ายเอ๋อร์ เจ้ายอมเป็นของข้าหรือไม่”
เขาก้มลงมากระซิบพร้อม ขยับนิ้วเข้าออกเพื่อเร่งจังหวะ เยว่ซิ่นอ้ายที่ตอนนี้นางรู้สึกดี และทรมานไปพร้อมกันส่งเสียงครางอย่างต่อเนื่อง
“ข้า อ๊ะ ข้ายอมเป็นของท่าน”
นางบอก พลันมีเครื่องหมายพระจันทร์ปรากฏขึ้นบนลำคอระหง สร้างความพึงพอใจให้คนตัวโตมาก ก่อนจะถอดหน้ากากออกแล้ว จ้องมองร่างเล็กที่ส่งสายตาหวานเยิ้มให้กับเขาเมื่อเขาหยุด
“หน้าท่าน เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้”
นางยกมือลูบใบหน้าท่อนบนที่มีรอยกากบาทลึกผ่านดวงตาของเขา ด้วยความเห็นใจ ก่อนที่สายตาคมจะเปลี่ยนเป็นดำมืด เมื่อมองหน้านางชัด ๆ แล้วมีส่วนคล้ายสตรีนางนั้นอยู่หลายส่วน
“อ๊า ท่าน อ๊ะ อื้อ ข้าเจ็บ”
เขาไม่ถนอมดอกไม้งามเมื่อนึกถึงสตรีนางนั้น สตรีที่ทำให้เขาเป็นเช่นนี้ เมื่อส่งแท่งหยกที่แข็งขึงเข้าไปในตัวนาง
“อื้อ เจ็ บ อ๊ะ ...”
เสียงครางจากความรู้สึกที่ไม่เคยพบเจอของคนร่างเล็กดังขึ้น ก่อนจะเขาเลื่อนขึ้นมาจูบปากเล็กที่ร้องประท้วง ตามด้วยซอกคอที่ชวนให้เขาขบเม้ม
“ตรงนั้นมะ... อ๊ะ เจ็บ อ๊ะ”
นางรู้สึกทรมานราวร่างกายแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ใหญ่ไป ทำไมมันเจ็บแบบนี้ ไหนหนังเอวีนางเอกครางเอาๆ วะ
“เจ็บหรือ”
เขาถามเมื่อเห็นนางทำสีหน้าเจ็บปวดเมื่อเขาค่อย ๆ ขยับสะโพก
“ขะ ข้า อ๊ะ อ๊า ท่าแกล้งข้า”
นางต่อว่าเสียงหวานก่อนส่งเสียงครางไม่หยุด เขามองนางที่ตอนนี้ดูยั่วยวนเกินคำบรรยาย ทรวงอกอิ่มขาวผ่องขยับตามจังหวะที่เขาเร่งเร้า นิมฝีปากบางสีหวานนั้นส่งเสียงครวญครางไพเราะจับใจ
“อื้อ ท่านอ๋อง ข้าไม่ไหวแล้ว อ๊า อื้อ “
ร่างเล็กรู้สึกเกร็งพลางรู้สึกราวได้ปลดปล่อยความรู้สึกบางอย่างออกมา
“หึ เจ้าช่างยั่วยวน”
จ้าวเหวินสยุงกระซิบบอกนาง เยว่ซิ่นอ้ายใบหน้าร้อนผ่าวด้วยความเขินอาย เขาจับนางนอนตะแคงแล้วทาบร่างประชิดบั้นท้ายยั่วยวนแล้วส่งแท่งหยกเข้าไปในดอกไม้งามแล้วขยับสะโพกแล้วเบียดแท่งหยกเข้าไปอีกครั้งด้วยจังหวะช้าๆ ก่อนจะค่อยๆ เร่งจังหวะขึ้น และถี่ขึ้น
“อ่าห์ อ้ายเอ๋อร์เจ้าช่างบีบรัดข้าเสียจริง”
ว่าพลางปลดปล่อยสายธารที่ขุ่นเข้าไปในตัวนางจนหมดทุกหยาดหยด เมื่อสิ้นสุดบทรักบทแรกเยว่ซิ่นอ้ายรู้สึกปวดระบมแทบจะลุกไม่ขึ้น ครั้งแรกก็จะตายแล้ว ทำไมเพื่อนนางในภพก่อนถึงบอกมันต้องรอบสองวะนี่
“ทะ ท่านอ๋อง ท่านลุกจากตัวข้าได้หรือไม่”
นางบอก พลางหลบตาคมที่ตอนนี้เขาลงมานอนข้างๆ นาง แต่ อ่า ซิกแพ็คนั่นมันแน่นจริงๆ นางคิดในใจ
“เจ้าคิดว่า แค่รอบเดียวข้าจะพอใจงั้นหรือ”
เขากระซิบก่อนขึ้นคร่อมนางอีกครั้ง
“แต่ข้าไม่ไหว”
นางเถียงก่อนถลึงตาใส่เขา นี่เจ็บอยู่นะเว้ย
“ข้าให้เจ้านอน และครางเฉยๆ จะเหนื่อยได้อย่างไร”
จ้าวเหวินสยุงว่าก่อนก้มลงปิดปากนางอีกครั้ง ถามว่าเจ็บแต่นางยอมเขาไหม เสียงครางอันรัญจววนคงเป็นคำตอบ
เสียงครางสอดประสานกันดังออกมาจากห้องบรรทมท่านอ๋อง เสี่ยวอิงที่ยืนก้มรอนายสาวพลางหน้าแดง ไหนคุณหนูบอกจะหย่าอย่างไรเล่า เหตุใดจึงยอมเข้าหอกับท่านอ๋องผู้นั้น แล้วนี่นางหลบมานั่งตั้งไกลยังได้ยิน เห้อออ เสี่ยวอิงบ่นพลางเงยหน้าชมดวงจันทร์ในค่ำคืนนี้ เช่นเดียวกับองครักษ์เงาที่ต่างหน้าแดงและหูแดงกันถ้วนหน้า ท่านอ๋องช่างร้อนแรงเสียจริง
......................................