อ๋องที่มีแต่ได้กับได้ NC

3730 Words
หลังจากวันนั้น นางก็ไม่ได้เจอเขาอีก อ๋องงี่เง่า เห็นข้าเป็นแค่ที่ระบายอารมณ์หรือยังไง พอไม่มีอะไรกลับหลบหน้านาง เห้อ เอาไงดี นางไม่ยอมอยู่เฉย ๆ แน่ เพราะเงินในจวนก็ลดลงทุกวัน ต้องหาลู่ทางทำการค้าเพื่อหาเงินเข้าจวน “พระชายาเพคะ ทรงทำหน้าเช่นนี้อีกแล้วนะเพคะ” เสี่ยวอิงสังเกตเห็นพระชายาที่ทำหน้ามุ่ย พร้อมขมวดคิ้วอยู่หลายหน และเป็นเช่นนี้มาหลายวันแล้ว “ท่านอ๋องอยู่หรือไม่” เยว่ซิ่นอ้ายถาม นางอยากจะรู้หนักว่าเหตุใดเขาจึงเอาแต่หลบหน้านางอยู่เรื่อย ทำราวกับนางพรากพรหมจรรย์เขาอย่างนั้น “ท่านอ๋องยังไม่ออกมาจากห้องทรงงานเลยเพคะ” เสี่ยวซีตอบ แม้ในจวนจะมีความเป็นอยู่ดีขึ้น มีบ่าวไพร่คอยรับใช้มากมาย แต่นางรู้สึกว่าพระชายากลับดูเศร้าหมองลง “เสี่ยวซี ข้าขอถามอะไรเจ้าหน่อยเถิด เหตุใดท่านอ๋องถึงโดนตัดเบี้ยหวัดเล่า” เยว่ซิ่นอ้ายถาม แม้ว่านางจะให้พี่ชายสืบเรื่องราวของจวิ้นอ๋องท่านนี้มาบ้างแล้วแต่นางก็ยังเชื่อเพียงครึ่งเดียว ข่าวลือกับความจริงของคนอื่นไหนเล่าจะเทียบเท่ากับการได้ถามจากคนใกล้ชิด ที่อาจอยู่ในเหตุการณ์จริง ๆ “พระชายาเหตุการณ์ตอนนั้นเสี่ยวซีเพิ่งอายุได้แค่สี่ขวบเองนะเพคะ” เสี่ยวอิงท้วง เยว่ซิ่นอ้ายกุมขมับ เห้อ นางหลงลืมไปแล้วหรือยังไงนะ งั้นขอคิดเรื่องทำการค้าก่อนแล้วกัน “พระชายา เรื่องกิจการเดิมของท่านอ๋องที่ยังคงมีอยู่คือ หอนางโลมนามว่า เฟิ่งฮวา และร้านขายเครื่องประดับหลันไป๋พ่ะย่ะค่ะ” พ่อบ้านอู่ถูกเรียกมาสอบถามเรื่องกิจการเดิมที่เหลืออยู่เอ่ยตอบพระชายาที่ก้มตรวจบัญชีที่ได้รับจากสองกิจการนี้ทุกเดือน พบว่า หอนางโลมนั้นเป็นชื่อของจวิ้นอ๋องก็จริง แต่รายได้กลับไม่มากนัก เพราะเขามอบรายได้ให้กับนางโลมที่เข้ามาอยู่โดยไม่หักแม้แต่บาทเดียว เออ เอาเข้าไปสิ ส่วนร้านเครื่องประดับนั้น แทบจะไม่มีรายได้เลยแม้แต่น้อย “ท่านพ่อบ้าน ข้าจะขอเข้าไปดูแลกิจการร้านเครื่องประดับได้หรือไม่ คิดว่าท่านอ๋องคงไม่ว่าอะไรหรอกใช่ไหม?” เยว่ซิ่นอ้ายยิ้มให้ ใจจริงอยากดูแลหอนางโลมมากกว่า แต่นางไม่ถนัดแนวนี้เลย “ตามแต่พระชายาประสงค์เถิดพ่ะย่ะค่ะ” พ่อบ้านอู่ยิ้มให้ จวิ้นอ๋องสั่งการเขาไว้แล้วว่าหากพระชายาอยากทำอะไรก็ปล่อยนางเขาจึงไม่คิดขัด “แล้วที่คนเขาลือกันเรื่องจวิ้นอ๋องก่อกบฏเพียงเพราะนางในดวงใจเลยทำให้เขาเป็นเช่นนี้ เป็นเรื่องจริงหรือไม่” เยว่ซิ่นอ้ายถามพร้อมจ้องพ่อบ้านอู่เพื่อจับตาดูว่าเขาจะยอมบอกหรือไม่ “นั่นก็มีส่วนความจริงพ่ะย่ะค่ะ หากแต่ว่าถ้าพระชายาอยากจะรู้อะไรมากกว่านี้ คงต้องเอ่ยถามท่านอ๋องจะดีกว่านะพ่ะย่ะค่ะ” พ่อบ้านอู่ตอบ ก่อนโค้งคำนับแล้วเดินจากไป “ข้าก็อยากจะถามอยู่หรอก แต่ดูหน้านายของท่านสิ หึ ทำหน้าราวกับว่าข้าไปแย่งข้าวเขา” เย่วซิ่นอ้ายบ่นพึมพำเบาๆ วันต่อมานางออกจากจวนเพื่อไปดูร้านขายเครื่องประดับ ที่พอเห็นสภาพแล้วนางถึงกับกุมขมับ มิน่าเล่าไม่มีรายได้เลยสักอีแปะเดียว สภาพร้านที่ทรุดโทรมพร้อมเครื่องประดับที่เก่าเกินจะมีคนกล้าซื้อ นางเลยสั่งซ่อมแซมทุกอย่างรวมถึงหาคนงานมาเพิ่มด้วย “โอ๊ะ นั่นใช่พระชายาจวิ้นอ๋องที่เขาพูดกันรึเปล่า” เสียงซุบซิบของสตรีวัยกลางคนที่ขายซาลาเปาอยู่ตรงข้ามร้านเอ่ยเบา ๆ กับสตรีวัยเดียวกันที่ขายน้ำชาอยู่ข้างๆ “น่าสงสารนางจัง ดูสิงามขนาดนี้แต่ได้สามีไร้ความสามารถ” “อ๋องผู้นั้นจะทำอันใดนอกจากไปเที่ยวนางโลมและเมาสุราอยู่ทุกวัน” “น่าสงสารนางเสียจริง มีสามีเป็นอ๋อง แต่หน้าตานั้นล้วนอัปลักษณ์” “นางก็มิได้งามเสียหน่อย งามสู้ฟางกุ้ยเฟยก็ยังมิถึงครึ่งหนึ่งด้วยซ้ำ” เสียงซุบซิบนั้นดังขึ้น แม้เย่วซิ่นอ้ายจะพยายามทำความเข้าใจว่าคนพวกนี้ คงนินทาเพื่อความสนุก แต่มันเกินไปแล้ว มาว่านางไม่สวยงั้นเหรอ “ใครนะที่ไม่งาม” เสียงของเยว่ซิ่นอ้ายดังแทรกขึ้น ก่อนยิ้มเย็นให้กลับคนที่จับกลุ่มนินทานางอยู่ “เหตุใดจึงเงียบเล่าท่านป้า ไม่ตอบข้าเล่า” นางยิ้มให้อีกครั้งพร้อมมองสตรีวัยกลางคนผู้นั้นที่ใบหน้ายังถือดีอยู่ “ท่านก็มิได้งามนี่เจ้าคะ” สตรีวัยกลางคนนางนั้นตอบพร้อมรอยยิ้มเยาะ เช่นเดียวกับผู้อื่นที่ร่วมวงนินทานี้ “ข้าอาจมิงาม แต่ข้ารู้สึกว่าที่ดินตรงนี้เป็นที่ของจวิ้นอ๋องที่ได้รับพระราชทานให้เก็บค่าเช่าได้ อ่า กล่าวว่าเขตนี้เป็นของจวิ้นอ๋อง แปลกที่ข้ากลับพบว่าไม่มีผู้ใดยอมจ่ายค่าเช่าเลยแม้แต่น้อยสงสัยเดิมค่าเช่าที่คงถูกไปสินะ ข้าเปิดให้ผู้อื่นมาเช่าและขึ้นราคาดีหรือไม่พวกท่านจะได้ไม่ว่างมานินทาผู้อื่น” นางรู้ว่าตรงนี้คือทำเลทองแม้พ่อค้าใหญ่พยายามขอซื้อแต่จวิ้นอ๋องไม่ยอมขายเพราะอยากให้เหล่าชาวบ้านมีรายได้จึงไม่คิดเพิ่มค่าเช่า แล้วดูคนพวกนี้สิ น่าตายนัก “เอ่อ พระชายาอย่าได้ถือสาพวกเราเลย” “ท่านควรใจกว้างบ้างสิ” “ข้าจะถือว่าครั้งนี้ไม่ได้ยินอะไร แต่หากพวกท่านยังคงนินทาคนอื่นโดยเอาสนุกปาก ไม่มีมูลความจริงแม่แต่น้อยล่ะก็ เตรียมหาที่ทำกินที่อื่นได้เลย” เยว่ซิ่นอ้ายบอกก่อนเดินกลับไป ทิ้งให้ชาวบ้านมองหน้ากันอย่างลนลาน พระชายาจวิ้นอ๋องช่างร้ายเสียจริง นางสามารถสั่งให้แม่ค้าที่ชอบนินทาผู้อื่นกลุ่มนั้นสงบปากสงบคำจนคนแถวนั้นรู้สึกสบายใจมากขึ้น เพราะเบื่อเต็มทีเช่นกัน มุมหนึ่งของโรงเตี๊ยม ชายที่สวมชุดสีม่วง หน้าตาดูหล่อเหลาคมคาย มองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพลางอมยิ้ม “น้องสะใภ้ข้า ช่างน่าสนใจเสียจริง” เขายิ้มร้าย จ้าวเหวินจาง หรือเหวินอ๋องพูดก่อนจ้องมองเยว่ซิ่นอ้ายด้วยสายตาอยากครอบครอง “ท่านอ๋อง ได้เวลานัดพบแล้วพ่ะย่ะค่ะ” คนของเขามารายงาน จึงเร้นกายไปทันที “ท่านอ๋อง ทรงเป็นอย่างไรบ้าง” เจิ้งเหอ องครักษ์ส่วนตัวเอ่ยถามอาการของจวิ้นอ๋องหลังจากไปพบกับคนผู้นั้นอีกครั้ง แล้วพบว่าอาการของเขานั้นดูย่ำแย่เต็มที “นะ นางอยู่ที่ไหน” จ้าวเหวินสยุงพูด เขาต้องการเจอนางเดี๋ยวนี้ “พระชายาอยู่ข้างนอกพ่ะย่ะค่ะ พ่อบ้านอู่บอกว่าพระชายาไปดูร้านหลันไป๋พ่ะย่ะค่ะ” เจิ้งเหอตอบ ก่อนมองดูเจ้านายตนที่ตอนนี้แสดงอาการทรมานและกดดันเขา ซวยแน่แท้ข้าเจิ้งเหอนะเจิ้งเหอ “ข้าจะไปหานาง!” จ้าวเวินสยุงบอก ก่อนรีบใช้กำลังภายในกระโดนออกไปทันที ด้วยพิษที่อยู่ในตัวนั้นกำเริบแล้ว ทางด้านพระชายาจวิ้นอ๋องที่นั่งอยู่บนเกี้ยวกำลังเดินทางกลับจวน กำลังคิดคำนวณรายจ่ายของร้านหลันไป๋อีกพร้อมส่ายหน้า แล้วถอนหายใจ “ใจคอเจ้าอ๋องบ้านั่นจะไม่ให้ข้ามีเงินเก็บเลยรึยังไง คอยดูเถอะถ้าร้านนี้ได้กำไรแล้วข้าจะเก็บเข้าคลังของข้าคนเดียว” เยว่ซิ่นอ้ายบ่นก่อนรู้สึกว่าตาขวากระตุกสลับกับตาซ้ายแปลกๆ “ทำไมข้ารู้สึกว่าจะมีเรื่องอีกนะ” ทันทีที่พูดจบเกี้ยวก็หยุดชะงัก นางรู้สึกว่าข้างนอกนั้นเงียบผิดปกติ จึงค่อย ๆ เลิกผ้าม่านดูก็พบว่าจวิ้นอ๋องยืนมองนางราวกับว่าจะกินเลือดกินเนื้อ “เอ่อ ท่านอ๋อง” เยว่ซิ่นอ้ายรู้สึกว่าทุกคนต่างก้มหน้าไม่กล้ายื่นมือเข้ามาแทรก เมื่อเขาดึงตัวนางเข้ามาใกล้ ๆ แล้วก้มลงสูดดมกลิ่นกายที่ซอกคอนาง “ข้าจะพาเจ้าไปชมน้ำตก” จ้าวเหวินสยุงกระซิบก่อนอุ้มนางแล้วกระโดดไป ทิ้งให้เจิ้งเหอมองท่านอ๋องอย่างประหลาดใจ อย่าบอกนะว่าท่านอ๋องจะพาพระชายาไปชมน้ำตกจริง ๆ เขาจึงรีบไปจัดการพื้นที่ที่น้ำตกเพื่อป้องกันไม่ให้ใครย่างกรายเข้ามาใกล้ น้ำตกกลางป่าที่น้อยนักจะมีคนเข้ามา เนื่องจากเสียงเล่าลือกันว่ามีปีศาจร้ายอยู่ที่นี่ แต่กลับมีบรรยากาศที่แสนจะสงบสุขทั้งน้ำที่ใสแจ๋ว ไหลเอื่อย ๆ ลงมาทำให้มีต้นไม้ใหญ่น้อยเกิดเรียงรายกันอยู่ “สวยจัง” เยว่ซิ่นอ้ายพูด ภายหลังที่เขาวางตัวนางลงข้าง ๆ ลำธารที่น้ำจากน้ำตกไหลลงมา “อื้อ ยะ หยุดก่อน…” เมื่อวางนางลงเขากลับซุกไซร้ที่คอนางมากขึ้นพลางจุมพิตที่ข้างแก้ม และใบหู ก่อนโอบเอวบางดึงรั้นให้เข้ามาแนบชิดมากยิ่งขึ้น แต่นางกลับพยายามขัดขืน และผลักเขาออก ทำให้เขาไม่พอใจนัก “เหตุใดเจ้าจึงดื้อนัก!” จ้าวเหวินสยุงบอกก่อนดึงร่างเล็กเข้ามาอีก “ท่านเห็นข้าเป็นอะไรกัน… ท่านเห็นข้าเป็นที่ระบายความใคร่อย่างเดียวของท่านหรือ” เยว่ซิ่นอ้ายพูดก่อนที่น้ำใส ๆ เริ่มไหลออกมา พร้อมจ้องมองเขาที่มองนางอย่างไม่พอใจเช่นกัน “หากข้าตอบว่าใช่เล่า เจ้าจะทำอย่างไร” จ้าวเหวินสยุงตอบพร้อมมองหน้านาง ที่ตอนนี้กำลังร้องไห้เพียงเพราะนางไม่อยากให้เขาร่วมรัก แต่ทว่าความรู้สึกบางอย่างสะกิดในใจให้ดึงนางเข้ามากอด “งั้นท่านก็จงทำเถอะ..” เยว่ซิ่นอ้ายร้องไห้ นางมีสิทธิ์ที่จะขัดขืนเขาด้วยเหรอ พลางสะอึกสะอื้นจากความรู้สึกข้างในใจจากคำพูดของเขา ท่านช่างใจร้ายนักจวิ้นอ๋อง เขาชะงักรู้สึกว่าพิษภายในกายนั้นหยุดไปเฉย ๆ ความต้องการที่ไม่สามารถระงับได้กลับหยุดและหายไป เมื่อเขากอดนางไว้ใกล้ ๆ “เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้านั้นช่างโง่งม เพียงเพราะหญิงที่ตนรักนั้นต้องการ ข้าจึงได้ทำร้ายผู้อื่นเพื่อนาง แต่สุดท้ายข้าต่างหากที่โดนทำร้าย..” เย่วซิ่นอ้ายเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยความรู้สึกแปลกใจที่อยู่ ๆ เขาก็หยุดลวนลามนาง น้ำตาที่ไหลอาบแก้มกลับแห้งหายเพียงเพราะคนตัวโตใช้นิ้วเช็ดน้ำตาให้ “ครั้งนั้นข้าเป็นเพียงองค์ชายปลายแถว หลงรักคู่หมั้นของพี่ชายที่เป็นเหวินอ๋อง ข้าช่างโง่งมที่เชื่อใจนาง นางใช้ข้าเป็นเพียงบันไดไต่เต้าขึ้นไปเป็นพระสนมของฮ่องเต้ แล้วถีบหัวส่งข้า ข้าโดนกล่าวหาว่าเป็นกบฏ ถูกพี่ชายตัดขาด โดนลงโทษด้วยพิษคืนรัญจวนที่อาจจะกำเริบได้ในทุกเมื่อ นั่นทำให้ข้าจำเป็นต้องหาสตรีมาร่วมรักในวันที่พิษกำเริบ และโดนกรีดหน้าให้อัปลักษณ์.. จนกระทั่งข้าได้พบเจ้า เจ้ามีสัญลักษณ์ของเครื่องหมายพระจันทร์ ที่มีพลังหยินเหมาะสำหรับร่วมรัก..” จ้าวเหวินสยุงพูดพลางจ้องมองใบหน้างามที่จ้องมองเขาด้วยสายตาที่เศร้าสร้อย ก่อนจะพบว่ามือบางเอื้อมมาแตะที่หน้ากากพลางขยับตัวเข้ามาใกล้เขามากยิ่งขึ้น ก่อนมองด้วยสายตาที่หวานซึ้ง “ข้าสัญญา ว่าจะทำให้ท่านหายดี” เยว่ซิ่นอ้ายบอกก่อนจูบเขาเบา ๆ สัมผัสนุ่มของริมฝีปากบางประกบปากเขาอย่างเงอะงะ เขาจึงดึงตัวนางเข้ามาใกล้ก่อนนั่งลงข้าง ๆ ริมลำธาร แล้วดึงตัวนางให้ขึ้นมานั่งบนตักเขา แล้วมอบจูบที่แสนเร่าร้อนให้อย่างหวานซึ้ง “เจ้าจะยอมให้ข้าร่วมรักกับเจ้าตรงนี้ได้หรือไม่..” เขาพูดก่อนขบเม้มเบาๆ ที่ซอกคอทำให้นางรู้สึกสั่นสะท้านจากความรู้สึกดีนี้ “นะ นี่ท่าน ข้าว่าเราควรกลับจวนก่อน” เย่วซิ่นอ้ายรู้สึกถึงใบหน้าที่แดงซ่าน ตรงนี้เลยเหรอ โอ๊ยย “ข้ารอไม่ไหวแล้วอ้ายเอ๋อร์ หากเจ้าไม่ให้ ข้าจะไปหานางโลมมาบรรเทาจากพิษนี้” เขากล่าว ก่อนรู้สึกถึงใบหน้าที่บึ้งตึงของร่างเล็ก “ท่านกล้าเหรอ หากท่านไปหานางโลมมาอุ่นเตียง ข้าจะไม่ยอมให้ท่านแตะต้องข้าอีก!” เย่วซิ่นอ้ายว่านางไม่พอใจมากที่เขาจะไปหาหญิงอื่น “งั้นก็..” เขาโน้มกายลงมาจูบนางก่อนส่งลิ้นเข้าไปเก็บความหอมหวาน แล้วจัดการดึงเสื้อของนางออกไปเหลือไว้เพียงเอี๊ยมตัวบาง จูบนั้นทวีความรุนแรงขึ้น มือสากสอดเข้าไปใต้เอี๊ยมลูบอกนุ่มที่มียอดแข็งตามอารมณ์ เสียงครางดังขึ้นมายิ่งปลุกเร้าอารมณ์ของเขาให้ทวีความต้องการมากขึ้นก่อนจะยกเอวนางขึ้นมาให้คร่อมตัวเขาแล้วให้นางทิ้งสะโพกลงมาสัมผัสกับความแข็งกร้าวที่ถูไถกับดอกไม้งามราวผีเสื้อที่หยอกล้อกับบุปผา “แยกขาด้วยอ้ายเอ๋อร์” เย่วซิ่นอ้ายทำตามด้วยความเขินอ้าย แม้ว่านางจะเคยดูหนังเอวีมาหลายเรื่องแต่พอเจอของจริง กลับรู้สึกเขินอาย เขากดเอวนางลงมายังแท่งหยกที่จ่ออยู่ปากทางโพรงสวาทที่กระตุกเล็กน้อย “อ๊ะ อ๊า” เสียงครางแผ่วเบาราวกับจะขาดใจ สะโพกแกร่งขยับโยกขึ้นเป็นจังหวะทรวงอกงามกระเพื่อมตามจังหวะที่กายแกร่งมอบให้ ร่างเล็กขยับไปมาตามแรงโยกส่งผมให้เส้นผมนุ่มสวยตกลงมายังกลางหลัง ปิ่นที่ปักไว้จึงตกลงไปยังพื้นโดยที่เจ้าตัวมิได้สนใจนัก “อ๊า อื้อ อ๊ะ ท่านอ๋อง” เสียงครางของนางยิ่งทำให้เขาเร่งจังหวะยิ่งขึ้น “ท่านพี่ เรียกข้าว่าท่านพี่!” จ้าวเหวินสยุงสั่งพลางมองร่างเล็กที่ขยับโยกไปมา ปากเล็ก ๆ ส่งเสียงครางอย่างยั่วยวน “อื้อ ทะ ท่านพี่เจ้าคะ ข้า อ๊ะ” เขายิ้มพึงพอใจกับคำเรียกของนางจึงเร่งเร้าจังหวะให้ถี่ขึ้น “อ่ะ อ๊ะ อ๊า” เสียงครางที่ดังขึ้น ส่งให้สายธารร้อนแห่งชีวิตเข้าไปในร่างนาง ก่อนที่นางจะซุกลงบนอกแกร่งด้วยเหนื่อยล้าจากการนั่งอยู่บนตัวเขามานาน เขากลับพลิกตัวนางลงยกสะโพกนางขึ้นก่อนแยกขาเรียวออกแล้วขยับอีกครั้ง “อื้อ ท่านพี่” เสียงหวานครางอีกครั้งเมื่อเขาก้มลงดูดดึงยอดอกอย่างชอบใจ กายข้างล่างขยับเข้าออกอย่างรู้จังหวะ สายธารแห่งรักไหลเยิ้มไปทั่วต้นขาเรียวด้วยการกระแทกที่รุนแรง ครั้งแล้วครั้งเล่าที่เขาร่วมรักกับนางราวกับว่านางคือปีศาจจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ที่ล่อหลอกเขาด้วยกลิ่นรัญจวนและร่างกายที่เย้ายวน กว่าเขาจะยอมหยุดก็ทำเอานางปวดระบมไปทั่วตัว โดยเฉพาะส่วนเอว “เหนื่อยมากหรือไม่” เสียงทุ้มถามพลางพรมจูบซอกคอนางภายหลังการร่วมรักรอบสุดท้ายนางทำแก้มป่องแล้วไม่ยอมพูดกับเขาเลย เขาตระกองกอดนางด้วยความอ่อนโยน แม้ตอนนี้อยู่ในช่วงโพล้เพล้แล้วก็ตาม แต่เขากลับชอบใจที่ร่างเล็กยอมตามใจเขาถึงขนาดนี้ “ท่านพี่ ขะ ข้าเจ็บ” เย่วซิ่นอ้ายบอก ไหนบอกรอบเดียวอย่างไร นี่ตั้งสี่รอบ เอวนางนั้นระบบไปหมด ไหนจะผมที่ยุ่งเหยิงอีก นางพยายามผลักเขาออก แล้วจัดเสื้อผ้าและผมให้เข้าที่ “ทำไมเจ้าช่างดื้อนัก” เขามิได้ถือสาที่นางพยายามผลักเขาออกช่างน่ารักเสียจริง “ปิ่นข้า ท่านเห็นหรือไม่” นางมองหาปิ่นที่หล่นหายไป ก่อนจะพบว่าเขายื่นปิ่นหยกสีขาวรูปผีเสื้อให้กับนาง “เอ๊ะ นี่ไม่ใช่ของข้า” เยว่ซิ่นอ้ายบอก แต่เขากลับดึงนางให้มาใกล้แล้วบรรจงปักปิ่นให้กับนาง “นี่เป็นของเสด็จแม่ แต่ตอนนี้ข้าให้เจ้า” จ้าวเหวินสยุงบอกพลางปักปิ่นลงบนมวยผมที่นางเกล้าไว้แล้วด้วยสายตาที่อ่อนโยน “ขอบพระทัย” เย่วซิ่นอ้ายทำหน้าไม่ถูกเพราะโดนเขามองด้วยสายตาอ่อนโยนเช่นนั้น “อ้ายเอ๋อร์…” เขาเอ่ยเสียงหวานก่อนก้มลงมามอบจูบให้นางอีกรอบ จูบนี้ช่างหวานล้ำ และเอาแต่ใจจนทำให้ร่างเล็กอ่อนระทวยอยู่ในอ้อมกอดของเขา “พะ พอแล้ว ท่านพี่” นางบอกก่อนก้มหน้างุด ด้วยสายตาร้อนแรงที่เขาส่งมาให้ นางกลัวว่านางจะใจอ่อนยอมเขาอีกครั้ง “เจ้าอยากเล่นน้ำหรือไม่อ้ายเอ๋อร์” จ้าวเหวินสยุงเอ่ยถามก่อนก้มมองคนตัวเล็กด้วยความรู้สึกดี “หม่อมฉันว่า เราควรกลับจวน” เยว่ซิ่นอ้ายตอบก่อนลุกขึ้นแล้วทำท่าจะเดินหนี นี่พิษของเขายังไม่หยุดกำเริบหรืออย่างไร “ตามใจเจ้าก็แล้วกัน..” เขาบอกก่อนยิ้ม อ่า นี่เขายิ้มอย่างงั้นหรือไม่ได้ยิ้มแบบนี้มานานแค่ไหนแล้วนะแล้วเดินตามไป จนไปเจอรถม้าจอดอยู่พร้อมกับเจิ้งเหอที่นั่งรออยู่ “ทูลท่านอ๋อง และพระชายารถม้าพร้อมแล้วพ่ะย่ะค่ะ” จ้าวเหวินสยุงพยักหน้ารับรู้ จึงประคองร่างเล็กขึ้นไปบนรถม้าแล้วสั่งให้เจิ้งเหอพากลับไปยังจวน จวนจวิ้นอ๋อง บ่าวในจวนต่างพากันแปลกใจที่ท่านอ๋องและพระชายากลับมาพร้อมกัน แม้เสี่ยวอิงและเสี่ยวซีจะกลับมาก่อนแล้วก็ตาม ด้วยกิริยาที่ท่านอ๋องประคองพระชายาลงจากรถม้า อีกทั้งสายตาที่ทั้งคู่นั้นจ้องมองกัน ช่างหวานชื่นเสียนี่กระไร! หลังจากนั้นเพียงไม่กี่วัน ข่าวลือว่าจวิ้นอ๋องกับพระชายารักกันหวานชื่นก็แพร่สะพัดไปทั่วเมืองหลวง สร้างความดีใจให้กับคนที่สนับสนุนจวิ้นอ๋องอยู่ไม่น้อย อย่างน้อยจวิ้นอ๋องก็เจอคนที่ดีกับเขาแล้ว และช่างเป็นคู่ที่เหมาะสมกันเสียจริง “พระชายาเพคะ ทรงวาดชุดบุรุษพวกนี้ทำไมเหรอเพคะ” เสี่ยวซีถามด้วยความอยากรู้ เพราะเห็นพระชายาออกแบบเครื่องประดับที่จะวางขายแล้วยังมุ่งมั่นวาดรูปเสื้อผ้าบุรุษหลายแบบอยู่นานสองนาน “ข้าอยากจะตัดชุดเพิ่มให้ท่านอ๋อง” เย่วซิ่นอ้ายตอบยิ้ม ๆ ชุดของเขาล้วนมีแต่สีดำกับสีขาว คุมโทนเกินไปแล้ว หากได้ใส่สีอื่นบ้างคงหล่อขึ้น ไม่สิเขาหล่ออยู่แล้ว สีหน้าที่บ่งบอกถึงความหลงใหล พร้อมด้วยสายตาที่หวานเยิ้มจนทำให้เสี่ยวซี และเสี่ยวอิงอมยิ้มก่อนมองตากันด้วยความเข้าใจ พระชายากำลังตกหลุมรักท่านอ๋อง หรืออาจกล่าวได้ว่า รักท่านอ๋องไปแล้วเป็นแน่ ก่อนจะเหลือบไปเห็นจวิ้นอ๋องที่กำลังเดินเข้ามายังศาลาริมน้ำแห่งนี้ จึงยอบกายทำความเคารพ จ้าวเหวินสยุงพยักหน้าเชิงให้ทั้งคู่ออกไป แล้วเดินเข้ามามองกิริยาอาการของชายาตนที่ทำหน้าราวกับมีความสุขมาก ๆ เช่นนี้ก็นึกขำอยู่ในใจ “คิดถึงข้าหรือไม่..” เขากระซิบเพราะต้องไปตามหาหมอที่อาจรักษาอาการของเขาได้ แต่ก็คว้าน้ำเหลวทุกคราจึงไม่ได้เจอนางมาหลายวันแล้ว “แน่นอน ข้าย่อมคิด.. เอ๊ะ ท่านพี่” เย่วซิ่นอ้ายตอบไปด้วยเพราะคิดว่าตนนั้นอาจคิดถึงเขาจนหูฝาด “ใยทำหน้าเช่นนั้น คิดถึงข้าก็บอกมาสิ” จ้าวเหวินสยุงว่า ก่อนจ้องหน้าร่างเล็กที่ก้มหน้าแล้วมีแก้มแดงระเรื่อ ทำให้เขารู้สึกอยากจะกอดนางเสียตรงนี้ “ท่านพี่ ท่านหายไปตั้งหลายวัน ข้านึกว่าท่านจะทิ้งข้าเสียแล้ว” เย่วซิ่นอ้ายพูดอย่างน้อยใจ เชอะ ไปไหนไม่เคยบอกหรอก “ข้าไปตามหาหมอเทวดา ที่อาจจะช่วยข้าได้ แต่ก็คว้าน้ำเหลว…อ้ายเอ๋อร์ข้าขอโทษที่ไม่ได้บอกเจ้าไว้ เอาเป็นว่าหากข้าจะไปไหนข้าจะบอกเจ้า” จ้าวเหวินสยุงเอ่ย ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เขาเห็นนางงอนเล็ก ๆ น้อย ๆ แล้วนางช่างน่ารักเหลือเกิน “ข้าแค่เป็นห่วง.. ท่านพี่ ให้ข้าช่วยตามหาหมอมาช่วยท่านได้หรือไม่..” เย่วซิ่นอ้ายขอ บางทีถ้านางขอให้พี่ชายช่วยอาจจะเจอหมอที่สามารถมารักษาเขาได้ “เอาสิ ข้าตามใจเจ้า” เขาบอกก่อนลูบหัวนางเบาๆ ด้วยความรู้สึกขอบคุณ ก่อนจะมองดูกระดาษที่นางออกแบบเครื่องประดับหลายอย่างแล้วยิ้มเบา ๆ “ทูลท่านอ๋อง และพระชายา มีเทียบเชิญจากพระสนมฟางกุ้ยเฟยพ่ะย่ะค่ะ” พ่อบ้านอู่นำเทียบเชิญที่เพิ่งได้รับมาถวาย พร้อมสังเกตสีหน้าพระชายาที่ดูประหลาดใจเช่นเดียวกันกับเขา “ออกไปได้แล้ว” จ้าวเหวินสยุงบอกก่อนก้มมองเทียบเชิญอย่างไม่พอใจ แต่มือนั้นสั่นเทา พร้อมกับความรู้สึกที่เจ็บแปลบในใจ นางกล้าดีอย่างไรส่งเทียบเชิญมาให้เขา “ท่านพี่…” เย่วซิ่นอ้ายยื่นมือมากุมมือเขาเบา ๆ แต่เขากลับสะบัดออก และไม่กล้าสบตานาง “ข้าจะไป อยากให้เจ้าเตรียมตัวด้วย” เขาพูดก่อนเดินออกไปทันที ทิ้งให้นางมองเขาด้วยความรู้สึกเศร้าใจ เขาคงยังไม่ลืมนางใช่หรือไม่ ฟางกุ้ยเฟย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD