น้องสาวตัวแสบ

1256 Words
‘องค์อร ศิลาขาว’ หญิงสาวผมยาวหน้าตาสะสวย ผิวขาวอย่างคนเหนือ ทั้งที่ปราศจากเครื่องสำอาง แต่เธอก็ยังดูน่ารัก ทรวดทรงองค์เอวดูเย้ายวน หากแต่ถูกปิดซ่อนเอาไว้ด้วยเสื้อยืดตัวโคร่งแบบผู้ชาย องค์อรเรียนจบนิติศาสตร์จากมหาวิทยาลัยรามคำแหงด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง แต่เพราะต้องดูแลน้องสาววัยยี่สิบเอ็ดที่เรียนอยู่ปีสี่ กับน้องชายวัยสิบขวบ และสิบสองขวบ จากที่ตั้งใจว่าจะเรียนเนติบัณฑิต และสอบตั๋วทนายความ จึงต้องเริ่มทำงานเป็นเสมียนในสำนักงานทนายความไปพลางๆ ก่อน แล้วพักเรื่องอย่างอื่นเอาไว้ทั้งหมด เพราะเงินที่หาได้ก็ต้องใช้จ่ายอย่างกระเบียดกระเสียร เธอจึงแทบจะไม่เหลือเงินสำหรับใช้ส่วนตัว เพื่อเก็บเงินส่งให้พ่อแม่ที่เชียงรายให้ได้มากที่สุด หญิงสาวเปิดประตูเข้ามาภายในห้องเช่าของอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งย่านรามคำแหงที่มีเพียงตู้เสื้อผ้า และเตียงนอนเหล็กสีดำ เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีก็เพียงแค่กระติกต้มน้ำร้อนกับกระทะไฟฟ้า องค์อรเหลือบไปมองนาฬิกาที่ฝาผนัง เมื่อเห็นว่าเพิ่งจะสามทุ่มก็เดินไปทิ้งตัวลงนั่งกับเตียงอย่างเซ็งๆ ก่อนจะนอนหงายลงไปกับที่นอนอย่างเหนื่อยหน่าย สีหน้าของเธอบ่งบอกว่ากำลังเซ็งสุดชีวิต เพราะเพิ่งจะถูกไล่ออกจากงานพิเศษมาหมาดๆ ปกติหลังเลิกจากงาน เธอจะทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟที่ร้านข้าวต้มแถวสนามกีฬาหัวหมากต่อจนกระทั่งถึงห้าทุ่ม แต่เพราะถูกเด็กวัยประมาณเจ็ดขวบสองคน คนหนึ่งเป็นผู้ชายกับอีกคนหนึ่งเป็นผู้หญิงวิ่งเล่นกันแล้วมาชนจนต้มยำกุ้งที่กำลังจะไปเสิร์ฟให้กับลูกค้าหกราดรดตัวเอง ไหนจะต้องเจ็บตัว แล้วยังถูกไล่ออกอีกเพราะต้มยำกุ้งร้อนๆ กระเด็นไปถูกเด็กทั้งสองคนที่เป็นลูกของลูกค้าด้วย ทั้งที่โดนกระเด็นใส่แค่นิดเดียวแต่คนเป็นพ่อแม่กลับเอาเรื่องใหญ่โตอย่างกับถูกราดรดทั้งตัว ตรงกันข้ามเธอต่างหากที่ปวดแสบปวดร้อนไปหมด คำขอโทษก็ยังไม่ได้รับ แต่กลับต้องเป็นฝ่ายขอโทษเสียเอง และถึงจะขอโทษไปแล้วแต่ก็ยังโวยวายต่อจนลงเอยที่เธอถูกไล่ออก “ไอ้เด็กบ้าพวกนี้ อย่าให้เจออีกนะ แม่จะจับตีให้ก้นลายเลยคอยดูเถอะ” ขณะที่กำลังจะเคลิ้มหลับ โทรศัพท์ที่เก่าคร่ำคร่าก็ส่งเสียงเตือนว่ามีข้อความเข้า หญิงสาวรีบหยิบมาดูเพราะคิดว่าเป็นเรื่องงาน แต่ทันทีที่เปิดอ่านเธอถึงกับมองข้อความตาค้าง เพราะบัตรเครดิตที่ทำไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน กลับมีข้อความแจ้งว่าเพิ่งจะถูกใช้ซื้อสินค้าในราคาเกือบสี่หมื่น องค์อรอ่านข้อความทวนไปมาหลายรอบจนแน่ใจว่าไม่ได้ตาฝาด ก่อนจะรีบหยิบกระเป๋ามาหาบัตรเครดิต เมื่อไม่เจอก็เทของออกจากกระเป๋าจนหมด ใช้มือปัดของไปมาจนว่าบัตรเครดิตหายไป สีหน้าของเธอซีดลงในทันทีจนเห็นได้ชัด เธอนึกย้อนไปเมื่อตอนช่วงหัวค่ำที่ ‘นันทิดา’ น้องสาววัยยี่สิบเอ็ดปีมาเยี่ยม ก็แปลกใจตั้งแต่แรกแล้วที่อยู่ๆ คนเป็นน้องสาวมาหาทั้งที่ปกติไม่เคยไปมาหาสู่กันสักเท่าไหร่ "ยายนุ่นนะยายนุ่น ทำไมถึงทำแบบนี้" องค์อรรีบเปิดดูเฟสของนันทิดาเพื่อดูว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน เมื่อเห็นว่าเพิ่งจะเช็กอินที่ผับหรูย่านทองหล่อ หญิงสาวถอดเสื้อยืดออกแล้วหยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวมาสวมแทน ก่อนจะออกจากห้องไปอย่างร้อนใจ รถแท็กซี่ขับมาจอดที่หน้าผับแห่งหนึ่ง องค์อรนับเหรียญจนครบแปดสิบสามบาทแล้วส่งให้กับคนขับแท็กซี่ “ขอโทษด้วยนะคะที่จ่ายเป็นเหรียญหมดเลย” เธอทำหน้าแหย่เมื่อเห็นหน้าตึงๆ ของคนขับแท็กซี่ ก่อนจะก้าวลงจากรถแล้วตรงเข้าไปในผับ ซึ่งเป็นกึ่งร้านอาหารกึ่งผับ หญิงสาวเดาว่าคนเป็นน้องสาวน่าจะอยู่ในโซนที่เป็นผับเล่นดนตรีสด ตามประสาคนชอบเที่ยว เมื่อเข้าไปภายในองค์อรรีบยกมือขึ้นปิดหู เพื่อลดทอนเสียงที่ดังราวอยู่ท่ามกลางสนามรบ พร้อมๆ กับกวาดสายตามองหานันทิดา เมื่อเห็นว่าอยู่กับผู้ชายกลุ่มใหญ่ก็รีบเข้าไปหา เมื่อถึงก็คว้ามือแล้วบีบเอาไว้แน่น “บัตรเครดิตของพี่อยู่ไหน” “พี่อร” นุ่นตกใจที่เห็นองค์อร “เธอขโมยบัตรเครดิตของพี่มาใช่ไหม” องค์อรคิดว่าตัวเองถามเสียงดังแล้ว แต่คนเป็นน้องสาวก็ยังทำหน้าเหมือนกับไม่ได้ยิน เธอจึงดึงข้อมือเพื่อให้ออกไปคุยด้านนอก แต่นุ่นขืนตัวไม่ยอมเดินตาม องค์อรหันมองดุดุแล้วออกแรงฉุดจนคนเป็นน้องสาวที่มีรูปร่างเล็กว่าถึงกับเซจนเกือบเสียหลักทำท่าว่าจะล้ม แต่ผู้ชายที่อยู่ในกลุ่มคว้าได้ทันเสียก่อน “ใครหรือนุ่น” หนุ่มผิวขาว ท่าทางดูเป็นแบดบอยส่งเสียงถาม แล้วหันมององค์อรอย่างจะเอาเรื่อง “อย่ามายุ่ง พี่น้องเขาจะคุยกัน” องค์อรตวาดอย่างไม่กลัว แล้วใช้มือผลักให้พ้นทาง ก่อนจะกึ่งฉุดกึ่งลากคนเป็นน้องสาวออกไปด้านนอก “บอกมาสิ เธอขโมยบัตรเครดิตพี่มาใช่หรือเปล่า” องค์อรถามนันทิดาทันทีที่ออกมาด้านนอก “เปล่า” นันทิดาปฏิเสธน้ำเสียงหงุดหงิด แต่องค์อรไม่เชื่อ เมื่อเห็นกระเป๋าแบรนด์เนมที่นันทิดาสะพายอยู่ เธอถึงกับโกรธจนควบคุมสติเอาไว้ไม่ได้ คว้ากระเป๋ามาเปิดออกแล้วค้นบัตรเครดิต จนเห็นว่ามันอยู่ก้นกระเป๋า “นี่ไง ยังจะมีหน้ามาโกหก” องค์อรตีไหล่นันทิดาอย่างแรง หลายครั้งด้วยความโมโห “สี่หมื่น เธอซื้อไปได้ยังไง แล้วพี่จะเอาเงินที่ไหนไปใช้หนี้ ทำไม่ทำแบบนี้ ทำไมทำกับพี่แบบนี้” คนเป็นพี่ทั้งตีทั้งตวาด นันทิดาเริ่มหมดความอดทน “นุ่นเจ็บนะ” เมื่อเห็นว่าคนเป็นพี่ยังไม่หยุดก็ผลักที่อกจนองค์อรล้มลงกับพื้น คนเป็นพี่สาวจ้องหน้าคนเป็นน้องแววตาโกรธเกรี้ยว นันทิดาจ้องหน้ากลับ แล้วตวาดใส่ “ก็แค่สี่หมื่น เดี๋ยวนุ่นขอยืมเพื่อนมาใช้ให้ก็ได้ ไม่รู้จะงกอะไรรักหนา” องค์อรรีบลุกขึ้นเมื่อเห็นนันทิดาทำท่าจะเดินไป หญิงสาวคว้ากระเป๋าเอาไปถือไว้ “อย่ามาปากดี เรียนก็ยังไม่จบใครที่ไหนจะให้เธอยืมตั้งสี่ส้าห้าหมื่น” “เอาของนุ่นคืนมานะ” นันทิดาตรงเข้าแย่ง แต่องค์อรชิงผลักก่อนจนนันทิดาล้มลงกับพื้นไปบ้าง “พี่จะเอาไปขาย ได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น ที่เหลือก็ถือว่าเป็นค่าโง่ที่พี่ไว้ใจเธอมากไป” องค์อรตวาดใส่คนเป็นน้องสาว พูดจบก็หันหลัง แล้วเดินตรงไปที่ถนนเพื่อเรียกแท็กซี่ ไม่สนใจเสียงโวยวายของนันทิดาอีก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD