บทที่ 1

1546 Words
 “ไม่เอาหรอกแม่ หนูไม่อยากไปยุ่งกับคุณๆ บ้านนั้น” “แม่ก็ไม่ได้ให้แกไปยุ่งวุ่นวายอะไรกับพวกเขาสักหน่อย แค่อยากให้แกไปช่วย ตามที่คุณลุงเขาขอมาแค่นั้นเอง” หญิงสาวร่างเล็กชะโงกหน้าเข้าไปใกล้ๆ คู่สนทนา “คุณลุงขอ หรือแม่ไปขอคุณลุงกันแน่คะ” ไม่เพียงแค่นั้นแต่เธอยังจ้องตาผู้หญิงที่เชิดคอตรง ผมที่เกล้ามวยซะสูงล้ำแทบไม่ให้ลูกผมกระดิกร่วงตามแรงโน้มถ่วงของโลกได้สักเส้นเขม็ง และไม่ยอมกะพริบตาสักครั้ง ประหนึ่งกลัวอีกฝ่ายจะหลบหลีกการจับพิรุธได้ “แหม ก็ทั้งประเทศนี้ไม่มีที่ไหนจะดีเลิศประเสริฐเท่าบริษัทของคุณปริตร สามีแม่อีกแล้วนี่” คนเป็นแม่พูดไปก็ยิ้มไป เมื่อได้นึกถึงสามีคนปัจจุบัน ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่พ่อของลูกเธอ แต่เพราะเขาคนนี้นี่แหละ ที่ทำให้เธอมีกินมีใช้อย่างเหลือเก็บ แถมต่อให้เอาไปหว่านให้ไก่จิกเล่นแทนข้าวทุกวันก็ยังไหว ที่สำคัญเศรษฐีพ่อม่ายคนนี้แม้อายุอานามจะมากแล้ว แต่ก็ยังหล่อล่ำ มาดแมน ควงไปไหนได้ไม่อายใคร จะเสียอยู่อย่างเดียวก็อีตรงเรือพ่วงเยอะไปหน่อย ตั้งสี่คนแน่ะ แล้วแถมแต่ละคนก็ยังเขี้ยวเล็บแพรวพราว และสุดแสนจะไม่ชอบขี้หน้าแม่เลี้ยงอย่างเธอ เรียกว่าเกลียดยังน้อยไปด้วยซ้ำ พอจะมีพูดรู้เรื่องอยู่บ้างก็เห็นจะเป็นคนโตสุด แต่ให้เอาเข้าจริงๆ เธอก็รู้ว่าเขาไม่เต็มใจจะพูดคุยเสวนาด้วยสักเท่าไรหรอก แต่นี่อาจจะเป็นข้อดีก็ได้ เพราะลูกๆ ของเขาไม่ค่อยจะยอมรับเธอเท่าไร สามีของเธอก็ไม่อยากจะมีเรื่องให้ปวดหัว เลยซื้อบ้านหลังใหญ่ริมแม่น้ำแถวนนทบุรีให้ ซึ่งราคาค่างวดมันก็ไม่ใช่น้อยๆ เลย “แม่พูดเหมือนไม่เคยเจอฤทธิ์เดชของคนพวกนั้น” “แกจะกลัวอะไร ยังไงคุณลุงเขาก็รักและตามใจแกยิ่งกว่าใคร” ถึงแม้ว่าสามีใหม่ของเธอจะมีลูกอยู่แล้วถึงสี่คน แต่ก็นับว่าเทวดาฟ้าดินยังไม่ใจจืดใจดำกับเธอมากนัก เพราะลูกทั้งสี่ของเขาเป็นผู้ชายทั้งหมด พอมาเจอ ‘นารถลักษณ์’ ลูกสาวตัวน้อยน่ารักของเธอเข้า เขาก็ทั้งเอ็นดู ทั้งตามใจมาแต่ไหนแต่ไร เลี้ยงดูลูกสาวเธออย่างดีตั้งแต่ตอนที่แต่งงานกันปีแรกๆ ตอนนั้นลูกสาวเธอวัยเพียงสิบสองขวบเท่านั้น จนตอนนี้โตเป็นสาวสวยแถมเรียนจบเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง สร้างความปลาบปลื้มให้พ่อเลี้ยงซะเหลือเกิน และที่สำคัญคุณปริตรยังหวงนารถลักษณ์อย่างกับไข่ในหิน ไอ้เรื่องที่อยากจะให้ไปทำงานที่บริษัทของเขา ถึงเธอเองจะคอยเรียบๆ เคียงๆ อยู่บ้าง แต่นั่นก็ไม่ใช่ทั้งหมด เพราะตัวสามีเองก็ไม่อยากจะให้ลูกสาวคนเล็กไปตกระกำลำบากที่ไหนอยู่แล้ว “ต่อให้กล่อมยังไงหนูก็ไม่เอาหรอกแม่ เบื่อการรบราฆ่าฟัน” นารถลักษณ์พูดเกินจริงซะที่ไหน เมื่อก่อนเคยอยู่บ้านเดียวกันพักหนึ่ง ทั้งที่เธอเด็กกว่าใคร แถมยังเป็นผู้หญิงอีกต่างหาก ยังโดนแกล้ง โดนรังแกรังเกียจ จะมีก็แต่ ‘คุณโต’ ที่พอจะห้ามคุณๆ อีกสามคนไว้ได้บ้าง ไม่งั้นคงไม่มีนารถลักษณ์ในวันนี้หรอก เอาเป็นว่าถ้าเลือกได้ เธอขออยู่ของเธอโดยที่ข้องเกี่ยวกับพวก ‘ธีรการณ์’ ให้น้อยที่สุดจะดีกว่า “แกกลัว ?” “เปล่า หนูไม่อยากมีเรื่อง รำคาญ” “นารถลักษณ์ ฟังแม่” เธอใช้สองแขนจับบ่าลูกสาวไว้แน่น “แกเก่งขนาดไหนมีแต่แม่ที่รู้ดีกว่าใคร ขนาดลุงปริตร แกยังทำให้เขารักเขาเอ็นดูแกได้ อยากจะได้อะไรขอให้บอก เขาประเคนให้ทุกอย่างแกก็รู้ และคุณๆ ทั้งสี่เขาก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรนักหนา แม่เชื่อว่าลูกแม่ต้องพิสูจน์ให้พวกเขาเห็นถึงความสามารถได้แน่ๆ” นารถลักษณ์เกือบจะซาบซึ้งถึงความเชื่อมั่นที่แม่มีต่อเธออยู่แล้ว... “แกยอมตกลงแล้วใช่มั้ย แม่จะได้โทรไปบอกคุณปริตรให้กำหนดวันเริ่มงานวันแรกมาให้แกเลย” “ไม่เอานะคะแม่” เธอเห็นแม่ตัวเองสะพายกระเป๋าแบรนด์เนมยี่ห้อดังเตรียมออกไป ท่าทางสบายใจเป็นอย่างยิ่งคงเพราะเห็นว่าจะมัดมือชกเธอได้ง่ายๆ และแม้เธอจะตะโกนไล่หลังไปสักเท่าไร ก็ดูท่าอีกคนจะทำเป็นไม่ได้ยินเลยสักนิด “ทำตัวเป็นปลิงคนเดียวยังไม่พอ คิดจะส่งลูกสาวมาสูบสมบัติอะไรพ่อฉันอีกล่ะ แม่เธอน่ะ” ประโยครุนแรงถูกส่งมายังหญิงสาวนับครั้งไม่ถ้วน จนตอนนี้ต่อให้มันจะยิ่งกว่านี้ นารถลักษณ์ก็ว่าตัวเองรู้สึกเฉยๆ กับมันซะแล้ว “ตรี มันจะก้าวร้าวไปหน่อยรึเปล่า ยังไงน้านุชก็เป็นเมียพ่อ” และก็เป็นพี่โตอีกตามเคยที่คอยห้ามปรามความบ้า และความร้ายกาจของ ‘คุณตรี’ น้องคนรอง แม่เธอเคยเล่าให้ฟังอยู่ครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้วว่าก่อนที่คุณตรีจะเกิด คุณลุงปริตรและคุณนาย แม่ของคุณๆ ทั้งสี่ พวกท่านได้มีลูกอีกคน แต่เกิดเหตุไม่คาดฝันเมื่อท่านได้แท้งลูกคนนั้นไป พอคุณตรีเกิด พวกท่านเลยตั้งชื่อที่แปลว่าสาม “ที่อุตส่าห์ถ่อมาถึงบ้านลักษณ์ก็เพื่อจะมาด่า ด่า ด่าแล้วก็พ่นพิษใส่เท่านั้นใช่หรือเปล่าคะ เพราะถ้าใช่ และคิดว่าด่าจบแล้วก็เชิญคุณตรีกลับไปซะเถอะค่ะ ลักษณ์ไม่อยากมีเรื่อง ไม่อยากทำให้คุณลุงต้องปวดหัว” เป็นบุตร ธีรกานต์ ลูกชายคนที่สามที่มีชื่อเล่นว่า สี่ มองนารถลักษณ์และพี่รองของตนทุ่มเถียงกันไปมา ยิ่งดูก็ยิ่งมัน ไอ้เขาน่ะถึงไม่ค่อยชอบขี้หน้าแม่เลี้ยงและลูกสาวของแม่เลี้ยงสักเท่าไร แต่ก็ไม่ได้ตั้งตัวเป็นปฏิปักษ์ขนาดพี่ตรีหรอก คนนั้นน่ะเขาลูกรักของแม่ เลยทนไม่ได้ที่จะมีใครมาแทนที่แม่ของพวกเรา และด้วยอุปนิสัยนี้ของเจ้าตัวเอง ทั้งที่หน้าตาแสนจะดีเกินหน้าดารานายแบบเกือบทั้งวงการ แต่เพราะปากที่มีสุนัขอยู่ทั้งฟาร์ม จึงทำให้ยังไม่มีสาวคนไหนทนพี่ชายเขาได้สักคน “วันนี้ยายลักษณ์เขาไม่ยอมลงให้พี่ตรีง่ายๆ แฮะ สงสัยแม่เค้าคงจะสอนมาดีนะพี่โต” “พอเลยเจ้าสี่ ถ้าไม่รู้จะพูดอะไรแกก็เงียบไปเลย” ปริญญ์ปรามน้องชาย ปานภูมิ น้องคนสุดท้องของครอบครัว ที่ปีนี้อายุยี่สิบห้าเข้าเบญจเพสพอดิบพอดี นั่งมองพี่ชายทั้งสามและน้องสาวต่างพ่อต่างแม่พูดคุยกันเสียงดังอยู่นานโดยที่ไม่ได้เอ่ยอะไร “ใช่แม่สอนมาดี สอนว่างานการไม่ต้องทำ แค่แต่งตัวสวยๆ ไปเดินเฉิดฉายในที่ที่มีคนรวยๆ อยู่ก็พอ เผื่อไปฟลุ๊คเข้าตาโดนใจไอ้หน้าโง่คนไหนเข้าก็สบายไปทั้งชาติ” ตรีศูลยังไม่ยอมลดราวาศอกง่ายๆ “คนรวยๆ ที่คุณตรีหมายถึงนี่รวมพ่อของตัวเองอยู่ด้วยหรือเปล่าคะ” ตรีศูลกัดฟันกรอด “เนรคุณ ! พ่อฉันเลี้ยงดูงูเห่าอย่างเธอและแม่มากี่ปี กล้าดียังไงถึงเอาพ่อฉันไปเปรียบกับไอ้หน้าโง่พวกนั้น” นารถลักษณ์ถอนหายใจอย่างหนักอก เธออยากมีพี่น้อง ยิ่งถ้าเป็นพี่ชายคงจะดีมาก และการที่แม่ได้แต่งงานใหม่และครอบครัวใหม่ก็มีพี่ชายให้เธอถึงสี่คนทำให้เธอแสนจะดีใจในทีแรก แต่พอรู้ว่าถูกรังเกียจ ความดีใจทั้งหมดที่เคยมีก็อันตรธานหายไปจนสิ้น “ค่ะ ลักษณ์ยอมรับว่าตัวเองผิด ผิดที่เอาคำพูดของคุณตรีมาพูดต่อ ถ้าเป็นคุณตรีพูดเอง ต่อให้จะกระทบกระเทียบเปรียบว่าคุณลุงโง่ ก็คงไม่ผิดใช่หรือเปล่าล่ะคะ” “เธอนี่มัน...” “พอๆ ทั้งตรี ทั้งลักษณ์นั่นแหละ ยิ่งเถียงกันไปเถียงกันมา ก็เหมือนกับสาวไส้ให้กากิน พี่น้องกันทั้งนั้น” “เหอะ ใครจะนับญาติก็นับไป ขอร้องอย่าเอาผมเข้าไปแปดเปื้อนด้วย” “ลักษณ์ยอมตายซะดีกว่าจะต้องเกิดมามีพี่อย่างคุณตรีค่ะ พี่โต” สรรพนามนำหน้าที่ใช้เรียกทั้งสองคนที่ต่างกันของหญิงสาว เพราะมีปริญญ์คนเดียวที่ไม่ยอมให้เธอเรียกเขาว่าคุณเหมือนที่เรียกคนอื่นๆ ปริญญ์กุมขมับ นึกอยากจะบ้าให้รู้แล้วรู้รอด
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD