Chapter 1 – ชดใช้ (1/3)

1763 Words
Chapter 1 – ชดใช้       คำเตือน : บางส่วนอาจมีเนื้อหาไม่เหมาะสม โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน “ขอบคุณที่มาอุดหนุนนะครับ โอกาสหน้าเชิญใหม่ครับ” ริมฝีปากบางระบายยิ้มหวานจนตาหยีของพนักงานหนุ่มตัวเล็กถูกมอบให้กับลูกค้าคนหนึ่งที่กำลังก้าวออกจากร้านกาแฟสไตล์โมเดิร์นในย่านใจกลางเมือง   กรุ๊งกริ๊ง   “La dolce vita Café ยินดีต้อนรับครับ”   เสียงกระดิ่งหน้าร้านดังขึ้นอีกครั้งเมื่อมีลูกค้าคนใหม่ผลักบานประตูเข้ามา ดวงตาคู่หวานมองชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ผู้เป็นเจ้าของโครงหน้าได้รูปที่มีแว่นกันแดดแบรนด์ดังสวมทับอยู่ ทว่า ไม่ได้ทำให้เสน่ห์ของอีกฝ่ายลดลงแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามมันกลับเพิ่มความลึกลับดูน่าค้นหาให้เจ้าตัวมากขึ้นกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ   “สวัสดีครับ ไม่ทราบว่าคุณลูกค้าจะรับอะไรดีครับ” เจ้าของเสียงใสหลังเคาน์เตอร์อย่างจิณณ์เอ่ยถามขึ้นเมื่อร่างสูงมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า หากแต่สิ่งที่ได้กลับมาจากอีกฝ่ายมีเพียงสีหน้าเรียบนิ่ง นิ่งอยู่นานนับนาทีจนริมฝีปากบางค่อยๆ ลดลง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเม้มแน่นเข้าด้วยกันอย่างประหม่า   จริงอยู่ที่จิณณ์เคยรับมือกับลูกค้าของร้านมามากมายหลายรูปแบบ แต่กับคนที่เพียงแค่ยืนกอดอกนิ่งๆ ก็สามารถแผ่รังสีความกดดันออกมาปกคลุมบริเวณโดยรอบได้อย่างง่ายดายแบบนี้ บอกตามตรงว่าเขาเพิ่งจะเคยเจอเป็นครั้งแรก   อึดอัดเหมือนกันแฮะ   “เอ่อ…”   “อเมริกาโน่ร้อน”   ไม่ทันจบประโยค คนที่เอาแต่ยืนทำหน้านิ่ง ลอบสำรวจดวงหน้าหวานของพนักงานหนุ่มตรงหน้าภายใต้แว่นกันแดดแบรนด์หรูอยู่นานก็เอ่ยบอกเสียงเรียบ ให้จิณณ์ที่กำลังจะเอ่ยถามซ้ำอีกครั้งต้องชะงักค้าง ออกอาการเหวอเบาๆ ก่อนจะรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติแล้วทำหน้าที่ของตัวเองต่อ   “อ่า, ครับ ไม่ทราบว่าคุณลูกค้าจะทานที่ร้านหรือรับกลับบ้านดีครับ”   “ร้าน”   “ครับ อเมริกาโน่ร้อนหนึ่งแก้ว ทั้งหมด 89 บาทครับ” คำตอบอันแสนสั้นและได้ใจความบวกกับน้ำเสียงทุ้มนุ่มที่ฟังดูไร้ความรู้สึก ทำเอาคนที่เคยมีความมั่นใจและเป็นมิตรกับลูกค้ามานักต่อนักได้แต่ส่งแห้งกลับไปให้อีกฝ่าย   “รับมาทั้งหมดหนึ่งพันบาทนะครับ” จัดการวางเงินไว้บนเคาน์เตอร์ตรงหน้าพนักงานหนุ่มเป็นที่เรียบร้อย เจ้าของร่างสูงใหญ่ก็พาตัวเองไปยังโต๊ะริมหน้าต่างตัวในสุดอย่างรวดเร็วโดยไม่คิดสนเงินทอนแม้แต่น้อย   “อเมริกาโน่ร้อนได้แล้วครับ”   เพียงไม่นานแก้วเครื่องดื่มร้อนๆ หอมกรุ่นก็ถูกนำมาวางเสิร์ฟลงตรงหน้าลูกค้าตัวสูง พร้อมรอยยิ้มหวานๆ จนตาหยีอันเป็นเอกลักษณ์ของพนักงานหนุ่มตัวน้อยอย่างที่เจ้าตัวชอบทำเป็นประจำ   “แล้วก็นี่เงินทอน 911 บาทครับ” จิณณ์วางถาดใส่เงินทอนที่อีกฝ่ายลืมไว้ลงบนโต๊ะเรียบร้อย ปลายเท้าเรียวก็หมุนตัวเตรียมกลับไปประจำตำแหน่งตรงหน้าเคาน์เตอร์ดังเดิม   หมับ   “…”   “เอ่อ…คุณลูกค้าต้องการอะไรเพิ่มเติมอีกหรือเปล่าครับ”   ทว่า ยังไม่ทันจะได้ก้าวเดินมือหนาข้างหนึ่งกลับคว้าข้อมือเรียวของเขาเอาไว้เสียก่อน ส่วนอีกข้างก็ยัดถาดใส่เงินทอนในมือเรียวก่อนจะเกี่ยวดึงเอาแว่นออก เผยให้เห็นโครงหน้าอันหล่อเหลา แสงไฟจากตัวร้านสะท้อนเข้ากับดวงตาคู่คมกริบราวกับพญาเหยี่ยวที่มองสบกลับมานิ่งๆ ทำเอาจิณณ์ถึงกับเผลอกลืนน้ำลงคออึกใหญ่ ก่อนจะเค้นเสียงถาม   “ให้ผมเหรอครับ”   ไร้ซึ่งคำตอบใดๆ จากอีกฝ่ายเช่นเดียวกับหลายนาทีที่ผ่านมา มีเพียงมือหนาที่เลื่อนลงหยิบแก้วเครื่องดื่มขึ้นดื่ม ดวงตาคู่คมเสมองออกไปนอกร้านอย่างไม่สนใจร่างบางของพนักงานหนุ่มตรงหน้า   “เอ่อ…ขอบคุณครับ” เป็นจิณณ์เองที่ทำลายความเงียบเกือบนาทีที่อีกฝ่ายสร้างขึ้น ร่างบางเอ่ยขอบคุณเจ้าของทิปเบาๆ อีกครั้ง ก่อนจะหมุนตัวกลับไปยังเคาน์เตอร์ที่มีพี่สาวเจ้าของร้านคนสวยยืนอยู่อย่างงงๆ   “นี่ครับพี่ทับทิม”   “อะไรล่ะน่ะ นี่ได้ทิปจากลูกค้าอีกแล้วเหรอเรา”   “ครับ ผมคืนให้เขาก็ไม่ยอมรับ”   “โห คราวนี้เยอะเป็นพิเศษแฮะ สงสัยจะเป็นสายเปย์แน่ๆ เลย” ทับทิมที่เพิ่งออกมาจากครัวด้านในก้มลงมองจำนวนเงินในถาดตรงหน้าอย่างคร่าวๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นแซวลูกน้องหน้าหวาน   “ผมก็งงๆ อยู่เหมือนกันพี่”   “ฮาๆ เป็นคนมีเสน่ห์ก็แบบนี้แหละน้า~ ได้ทิปจากลูกค้าหนุ่มๆ ตลอดเลย”   “พี่ทับทิมก็~”   “ไม่ต้องมาทำหน้าแบบนั้นใส่พี่เลยนะ โอเคๆ เลิกแซวแล้วก็ได้จ้า” เจ้าของร้านคนสวยว่ายิ้มๆ อย่างนึกเอ็นดู พอเห็นหน้ามุ่ยๆ ของเจ้าลูกหมาแล้วก็อดไม่ได้ เป็นต้องแกล้งแหย่ให้ยู่ลงกว่าเก่าสักหน่อย   “ว่าแต่วันนี้ร้านเงียบๆ นะเนี่ย นอกจากสุดหล่อคนนั้นก็ไม่เห็นมีใครมาเลย”   “นั่นสิครับ” นัยน์ตาเรียวสวยกวาดมองไปรอบๆ ร้านพลางคิดตามอย่างที่พี่ทับทิมว่า ตั้งแต่ลูกค้าร่างสูงคนนั้นเข้ามาในร้านก็ไม่มีลูกค้าคนอื่นเข้ามาอีกเลย แม้แต่ลูกค้าเจ้าประจำที่มักจะมาสั่งเครื่องดื่มหรือขนมไว้ทานเล่นในเวลานี้ก็ยังไม่เห็นแวะมาเหมือนทุกที   ความคิดที่ทำให้จิณณ์เผลอหันไปมองดวงหน้าหล่อเหลาของคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟาหนังติดกับกระจกใสบานใหญ่ของร้านอย่างลืมตัว แต่ก็เป็นอันต้องสะดุ้งตกใจ เมื่อสบเข้ากับดวงตาคู่คมที่ตอนนี้กำลังจ้องมาทางเขาเช่นเดียวกัน   “ถ้าอย่างนั้นเรากลับเลยก็ได้นะจิณณ์ เหลือลูกค้าคนเดียวเอง พี่อยู่ได้”   “แต่อีกครึ่งชั่วโมงก็ถึงเวลาเลิกงานแล้ว ให้ผมอยู่ช่วยต่อจนปิดร้านเลยก็ได้นะครับพี่ทับทิม”   “ไม่ต้องหรอกมันดึกแล้ว หอเราอยู่ตั้งไกลกลับคนเดียวค่ำๆ มืดๆ แบบนี้อันตรายจะตาย เดี๋ยวทางนี้พี่ให้ไอ้เม็ดพลอยมันจัดการแทนแล้วกัน”   “น้องออกไปส่งเค้กให้ลูกค้าข้างนอกไม่ใช่เหรอครับ”   “ใช่จ้ะ”   “แล้วแบบนี้จะกลับมาทันเหรอ ให้ผมช่วยดีกว่า” เสียงหวานยังคงยืนยันในเจตนารมณ์ของตัวเองอย่างหนักแน่น    ไม่ได้หรอกยังเหลือเวลาอีกตั้งเกือบครึ่งชั่วโมงกว่าจะครบตามตารางงาน ขืนให้เขากลับก่อนแบบนี้ก็เท่ากับเอาเปรียบพี่ทับทิมน่ะสิ   “พี่รู้ว่าเราอยากช่วยนะจิณณ์ แต่กว่าเราจะนั่งรถกลับ กว่าจะถึงหอก็ยิ่งดึกเข้าไปใหญ่ แถวนั้นยิ่งมีข่าวไม่ค่อยดีอยู่ด้วยสิช่วงนี้ รีบกลับเถอะถือว่าพี่ขอแล้วกัน”   “เอาอย่างนั้นเหรอครับ”   “อื้อ กลับเถอะพี่เป็นห่วงเราจริงๆ”   “ก็ได้ครับ งั้นผมกลับเลยนะพี่” เห็นสายตาที่สื่อชัดถึงความเป็นห่วงของเจ้าของร้านคนสวยที่เขาเคารพรักเหมือนพี่สาวแท้ๆ คนหนึ่งแบบนี้ จิณณ์เลยได้แต่ยอมแพ้และทำตามคำขอร้องนั้นอย่างจำนน   ช่วงขาเรียวก้าวเดินไปตามเส้นทางของท้องถนนในยามค่ำคืนอย่างเชื่องช้า ไม่เร่งรีบเท่าไหร่นักอย่างเช่นทุกวันที่ผ่านมา หากแต่บรรยากาศโดยรอบของวันนี้มันกลับรู้สึกต่างออกไปจากเดิม ตรงที่ปากทางเข้าซอยห้องพักของเขามันดูเงียบสงัดและมืดกว่าทุกที   เงียบเกินไปจนน่ากลัว   หมับ   “อื้อออออออ” จิณณ์เบิกตากว้าง ร่างบางดิ้นไปมาด้วยความตกใจ เมื่อจู่ๆ ก็มีผ้าชื้นน้ำบางอย่างมาปิดที่จมูก ก่อนจะตามมาด้วยท่อนแขนแกร่งที่โอบรัดรอบตัวเขาเอาไว้แน่นจากทางด้านหลัง   “อ่อยอ่ะ อ่อยอี๊” (ปล่อยนะ ปล่อยสิ)   “ตัวแค่นี้แต่ทำไมฤทธิ์เยอะจังวะ” คนด้านหลังสบถเสียงห้วนอย่างหัวเสีย เมื่อดูท่าแล้วว่าร่างบางในอ้อมแขนของเขาจะไม่ยอมสิ้นฤทธิ์ง่ายๆ อย่างที่ควรจะเป็น   “ทนหน่อยมึง เดี๋ยวยาก็ออกฤทธิ์” อีกเสียงทุ้มดังขึ้น เรียกให้คนที่กำลังดิ้นขลุกขลักอยู่ต้องชะงักนิ่ง พยายามเพ่งสายตามองเจ้าของเสียงทั้งสองตรงหน้าผ่านความมืด   ยา…ยาอะไรกัน   แล้วคนพวกนี้เป็นใคร ต้องการอะไรจากเขา   จิณณ์เริ่มดิ้นไปมาอีกครั้งเมื่อได้สติ ร่างบางหวังเพียงให้ตัวเองหลุดพ้นจากการรัดแน่นนี้ ทว่า ร่างกายกลับไร้เรี่ยวแรงเอาดื้อๆ พลันน้ำตาก็รื้นขึ้นรอบหน่วยตาเรียวอย่างหวาดกลัว เมื่อไม่อาจรู้ได้ว่าคนพวกนี้ต้องการอะไรจากเขากันแน่ ก่อนสายตาจะพร่าเลือนและโลกทั้งใบตรงหน้าก็มืดดำลงพร้อมสติที่จางหาย   . . .   “อื้ม~”   เปลือกตาบางสีมุกค่อยๆ เปิดขึ้นพร้อมกับเสียงครางสั่นแผ่วเบาในลำคอ ยามฤทธิ์ของยาสลบหมดลง จิณณ์ผุดลุกขึ้นนั่งแทบทันที เมื่อภาพตรงหน้าฉายชัดถึงผนังเพดานและหลอดไฟต่างๆ มากมายราคาแพงที่ไร้ซึ่งการเปิดใช้งานประดับตกแต่งอยู่   ไม่ต้องเดาให้เสียเวลาก็รู้เลยว่าที่นี่ไม่ใช่ห้องเช่าราคาถูกแสนถูกของเขาอย่างแน่นอน…แล้วมันคือที่ไหนกันล่ะ   “อ้ะ!”   ความเจ็บร้าวตรงบริเวณข้อมือขัดความสงสัยของจิณณ์ให้หยุดชะงัก เผลอหลุดร้องเสียงหลงออกมา ก่อนดวงหน้าหวานที่เหยเกเพราะความเจ็บจะก้มลงมองสิ่งที่รัดมือเรียวของตัวเองอยู่   พรึ่บ!   “ฟื้นแล้วสินะ”   “อ้ะ คะ คุณเป็นใคร” ตาเรียวหรี่ลงนิด พยายามปรับโฟกัสให้คุ้นชินกับแสงไฟที่จู่ๆ ก็สว่างขึ้นทั่วทั้งห้อง กายบางถดหนีออกห่างจนแผ่นหลังแนบชิดพนักเตียงนอน เมื่อร่างสูงใหญ่ของใครบางคนกำลังก้าวเข้ามาใกล้อย่างเชื่องช้า ทว่า มั่นคงและหนักแน่น   “คุณ…คุณลูกค้าเมื่อตอนนั้น” โครงหน้าหล่อเหลาได้รูปกับดวงตาสีดำที่ดูคมกริบและเยือกเย็นราวกับจะแช่แข็งคนมองแบบนี้จิณณ์จำมันได้อย่างแม่นยำ   ทำไมเขาถึงมาอยู่กับอีกฝ่ายได้ล่ะ

Great novels start here

Download by scanning the QR code to get countless free stories and daily updated books

Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD