บทที่1. เจ้าชายบนหอคอยกับสาวน้อยต่ำศักดิ์

1513 Words
บทที่1. เจ้าชายบนหอคอยกับสาวน้อยต่ำศักดิ์ ทำไมมนุษย์ถึงได้เกิดขึ้นมาบนโลกใบนี้ล่ะ? นั่นสินะ เราทุกคนเกิดมาบนโลกใบนี้เพื่ออะไร? เป็นคำถามที่ไม่มีคนตอบได้ ไม่มีมนุษย์คนไหนรู้ สรรพสิ่งบนโลกเกิดมาเพื่ออะไร เราทุกคนเรียนรู้การใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน ความเลื่อมล้ำในสังคม ล้วนแล้วแต่มนุษย์นี่แหละที่เป็นคนกำหนด ถูกแบ่งแยก ถูกกำหนดด้วยคนที่มีอำนาจมากกว่า อำนาจนั่นมาจากคนมั่งมี เขาระบุระดับชั้น แยกคนมั่งมีกับคนยากจนไว้คนละระดับกัน          แต่ในบางครั้ง...ความรักก็ชักพา ทำให้กำแพงแห่งชนชั้นถูกทำลายลง!!          ณ.ยอดตึกสูงบนอาคารรูปสามเหลี่ยม          บนเตียงขนาดใหญ่มีร่างเปลือยเปล่าของคนสองคนที่กำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอย่างเร่าร้อน เสียงลมหายใจที่ดังผ่านโพรงจมูกเหมือนเสียงลมหายใจของกระทิงหนุ่มที่มากไปด้วยพละกำลัง ลำตัวมันปราบเต็มไปด้วยคราบเหงื่อที่ผุดซึมออกมาตามรูขุมขน เนื่องจากความร้อนในร่างกายผลักดันออกมา          “ได้โปรดแม็ก ฆ่าฉันให้ตายได้เลยค่ะ!”          ร่างอวบอุ่นเกร็งตัวยกขึ้นสูง สะโพกผายส่ายร่อนตอบรับการโจนจ้วงของชายคนที่ตนเองพร่ำวิงวอนอย่างยินดี          แม็กซิมัส โจนส์ ยิ้มมุมปาก ดวงตาคมกริบวาววับ เขาคือ มหาเศรษฐีหนุ่มเจ้าของร้านอาหารชื่อดังที่มีสาขาเกือบทั่วโลก ‘Little Jones Restaurants.’ เป็นทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลใหญ่อย่างโจนส์ กิจการหลายอย่างที่คนในตระกูลถือครอง แต่แม็กซิมัสก็ยังขวนขวายหางานใหม่เพิ่มเรื่อยๆ ตามประสาคนมีไฟ          มุมปากสีเข้มกระตุกยิ้ม ขณะกระแทกสะโพกสอดความขึ้งเครียดแทรกลึกลงไปในกลีบสวาทให้แรงเร็วยิ่งขึ้น เขาโยกสะโพกสวนใส่สุดแรงเกิด ขยับร่างกายอย่างเมามันสุดแรงตามอารมณ์หนุ่มที่กำลังพลุ่งพล่าน โหมความกระสันซ่านสาดซัดใส่ความแน่นหนึบแบบไม่ออมแรง กางมือขยำเนินเนื้ออวบหยุนจนเต่งเต้ายู่ยี่ เนื้ออวบอัดปลิ้นออกมาตามง่ามนิ้ว แต่เจ้าตัวกลับยิ้มหวานให้ รีบกระดกลำตัวแอ่นความอวบอิ่มเสนอสนองให้อย่างเต็มใจ          แรงอัดกระแทกดังก้องห้องกว้าง พึ่บ! พึ่บ! เสียงครวญครางดังประสานเสียงคำราม          ก่อนจะจบลงเมื่อพายุอารมณ์ลูกใหญ่ถูกปลดปล่อย...          แม็กซิมัสเบี่ยงกายลงจากเตียงนอน เขาฉวยเสื้อคลุมสีน้ำตาลไหม้มาคลุมร่างเปลือย ก่อนจะเดินไปทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้บุนวมริมระเบียง คว้าแก้วคริสตัสเนื้อดีที่มีน้ำสีอำพันติดก้นแก้วขึ้นมากระดกดื่มแก้กระหาย สายตาคมกริบตวัดผ่านเรือนกายอรชรที่นอนแผ่อ้าอร่างฉ่าง คู่ขาอวบอั๋นนอนหอบหายใจระโหยอยู่กลางเตียงด้วยสภาพชวนสังเวท ด้วยแววตาเฉยชา          เขาชักสายตากลับมา ทอดมองวิวเบื้องหน้าที่เต็มไปด้วยแสงไฟยามค่ำคืน บนอาณาจักรที่ตนเองเป็นเจ้าของ          ข้อมือล่ำสันถูกยกขึ้นสูง เขาเพ่งมองหน้าปัดนาฬิกาโรแล็กซ์ เพื่อดูเวลา พร้อมกับเสียงโทรศัพท์ส่วนตัวก็ดังขึ้น          ตืด...          ชายหนุ่มกดรับ “ถึงเวลานัดแล้วครับเจ้านาย” เสียงทุ้มเรียบจากปลายสาย          “อืม...” แม็กซิมัสครางรับ เขากดวาง ก่อนจะโยนโทรศัพท์เครื่องนั้นไว้บนโต๊ะตัวเดิม          หลังประตูห้องน้ำปิดงับลง ประตูหน้าก็ถูกดันเปิดเข้ามา แม่สาวทรงโตผวารีบกระชากผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวไว้ พลางส่งสายตาไม่พอใจมองคนมาใหม่ที่ยืนหน้านิ่งอยู่ปลายเตียง          “ไม่มีมารยาท!” เสียงหวานใสกระซิบดุ          “เธอควรรีบแต่งตัว แล้วออกไปจากที่นี่...ก่อนที่เจ้านายของผมจะออกมาดีกว่านะครับ”          คำแนะนำที่หวังดีสุดๆ มันแฝงไว้ด้วยคำเตือน เมื่อกิตติศัพท์ของแม็กซิมัสใครๆ ก็รู้ดีถึงความเจ้าอารมณ์ ชายหนุ่มมีสมญานามว่า ‘ซาตาน’ ด้วยใบหน้าถมึงทึงน่าเกรงขาม บวกกับความมั่งมีที่ทำให้คนอย่างเขานึกอยากทำอะไรก็ได้ โดยไม่มีใครกล้าต่อสู้          ดูเหมือนว่าหล่อนจะพอรู้ อาการลนลานที่เกิดขึ้นหลังได้ยินคำเตือน หล่อนฉวยชุดเดรสสีอ่อนที่หล่นอยู่บนพื้นขึ้นมาสวมลวกๆ ก่อนจะกระโจนลงจากวิมานที่ทอดกายนอนอยู่เกือบ30นาทีด้วยความเร็วที่สุด เท่าที่ตนเองจะทำได้          คาร์ล ล้วงกระดาษชิ้นเล็กๆ ออกมาจากกระเป๋าเสื้อ ยื่นให้แม่สาวหน้าตื่นที่ยืนอยู่ด้านข้าง          หล่อนตะครุบหมับเกือบเหมือนเป็นการกระชาก จากนั้นสีหน้าตื่นๆ ก็เปลี่ยนไป แววตาสดใสระยิบระยับ ทันทีที่มองเห็นจำนวน ‘เงิน’ ที่ระบุอยู่บนกระดาษชิ้นนั้น          หล่อนรีบยัดกระดาษลงไปในร่องอก เดินนำหน้าคาร์ลตรงไปยังลิฟต์ ก้าวเข้าไปด้านในโดยไม่ต้องรอให้คาร์ลสั่งซ้ำ ก่อนประตูลิฟต์ปิด “หากเมื่อไหร่ที่แม็กต้องการ เรียกใช้ฉันได้ทุกเวลานะคะคุณ”          การ์ดหนุ่มโครงศีรษะให้กับประตูลิฟต์ที่ปิดงับลง เขาเดินย้อนกับไปที่เดิม ยืนรออยู่ด้านนอกอย่างสงบ          แม็กซิมัสดันประตูให้เปิด เขาอยู่ในชุดหรูเตรียมพร้อม เนี๊ยบตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า รองเท้าหนังมันวับสะท้อนภาพผู้ชายที่หล่อเหลาปานเทพบุตร ใบหน้าคมคายเด่นสะดุดตา แม้จะบึ้งไปสักนิด แต่ก็ยังดูดีจนสาวๆ เหลียวมอง          “คุณลอร่ารออยู่ที่ห้องอาหารครับ”          คาร์ลโน้มตัวรายงาน ขณะที่ลิฟต์เคลื่อนตัวลงจากชั้นสูงสุด ไปยังห้องอาหารชื่อดังที่แม็กซิมัสเป็นเจ้าของ          ลอร่า บาร์ว บุตรีของรัฐมนตรีคนสำคัญของพรรคการเมืองชื่อดังที่ดำรงตำแหน่งเป็นรัฐบาลในสมัยนี้          คู่หมายที่มีการทาบทามกันมาระยะหนึ่ง แต่แม็กซิมัสยังไม่ตกลงใจ เมื่อเขารู้ดี บิดาของฝ่ายหญิงตั้งใจใช้เขาเป็นบันไดเพื่อก้าวข้ามขึ้นไปดำรงตำแหน่งสำคัญยิ่งขึ้นไปอีก เมื่อแม็กซิมัสมีฐานการเงินที่แน่นปั๋ง! สามารถดันให้ตนเองก้าวถึงฝันได้สำเร็จ และแม็กซิมัสรู้ตัวดี เขาคิดทบทวนผลได้ผลเสียหลายตลบ เมื่อผลประโยชน์ที่ได้รับนั้นอาจจะทำให้กระทบกระเทือนความมั่นคงของตนเอง ชายหนุ่มจึงยังรีๆ รอๆ เพื่อตรึกตรองให้ถี่ถ้วนกว่านี้          สิ่งแรกที่แม็กซิมัสมองเห็น ทันทีที่เดินผ่านประตูห้องอาหารเข้าไป ลอร่าโบกมือให้ มีรอยยิ้มเต็มหน้าหวาน          ชายหนุ่มพยักหน้าให้บริกรที่โค้งตัวจนศีรษะแทบติดพื้น คาร์ลถอยหลังเดินไปนั่งโต๊ะเยื้องๆ กับเจ้านาย ที่นั่น มีการ์ดรุ่นหนุ่มนั่งอยู่ก่อนแล้ว2-3 คน          “คุณมาสาย” เสียงกระเง้ากระงอด กับรอยยิ้มที่หุบฉับ ทันทีที่แม็กซิมัสทิ้งตัวลงนั่งด้านข้าง          มุมปากสีเข้มมีรอยยิ้มเล็กน้อย เขาสอดมือเข้าไปในอกเสื้อ ล้วงกล่องแบนๆ สีน้ำเงินเข้มออกมายื่นส่งให้สาวเจ้า          ลอร่าเบิกตาโต สร้อยเพรชเส้นเล็กๆ สะท้องแสงไฟอยู่ตรงกลางกล่อง ถึงจะไม่ใช่เพชรน้ำงามเม็ดใหญ่เท่าไข่ห่าน แต่มันคือของกำนัลชิ้นแรกที่แม็กซิมัสมอบให้เธอ          “ผมเสียเวลาหาเจ้านี่มาให้คุณ มันน่าจะเหมาะกับคุณนะ”          ชายหนุ่มกล่าวเสียงทุ้ม ผสมกับรอยยิ้มจางๆ มุมปาก ทำให้อาการตะบึงตะบอนของลอร่าจางหายไปทันที          “สวยค่ะ แต่จะดีกว่านี้ ถ้าคุณเป็นคนสวมให้ฉันด้วย”          ลอร่าปั้นหน้าให้เคร่งขึ้น หลังจากหลุดอาการดีใจจนออกนอกหน้า เธอยกพวงผมขึ้น เมื่อแม็กซิมัสดันตัวลุกขึ้นยืน เขาทาบสร้อยเพชรระย้าลงบนลำคอเรียวของหญิงสาว พร้อมกับแสงแพลชที่สว่างขึ้นวูบนึง!           อากาศเริ่มอุ่นขึ้นเมื่อก้าวเข้าสู่เดือนมีนาคม ต้นไม้ที่สลัดใบทิ้งเพราะอากาศหนาวเริ่มแตกใบอ่อนและทำท่าจะออกดอกให้เห็น เป็นสัญญาณที่ดีสำหรับคนที่มาจากดินแดนในเขตร้อน อากาศเย็นสบายเช่นนี้ มันทำให้ทิชา สาวเอเซียคนขยันจะได้มีเวลาทำงานหาเงินเพิ่มขึ้นในแต่ละวัน ชีวิตนักเรียนทุนที่ต้องหาค่ากินค่าอยู่เอง มันจึงทำให้ชีวิตประจำวันของเธอเต็มไปด้วยตารางงาน ไม่ว่าจะงานพิเศษ งานประจำ หรือตารางเรียน ทิชามีเวลาเหลือแค่3ชั่วโมงสำหรับพักผ่อน แต่ก็ไม่ได้ทำให้เจ้าตัวเดือดร้อน เมื่อเธอเป็นสาวแกร่งสู้ชีวิตคนหนึ่ง ถึงร่างกายจะบอบบาง แต่ใครๆ ก็รู้ หัวใจเธอแกร่งยิ่งกว่าภูผา          “ว้าว! จะได้เห็นดอกไม้สวยๆ แล้วสินะ”          หญิงสาวพึมพำเบาๆ ตอนที่เงยหน้าเห็นกิ่งต้นซากุระที่ยืนต้นอยู่หน้าหอพักกำลังมีใบอ่อนแตกยอดแซมขึ้นมา          มือเรียวยัดแซนวิชขนมปังโฮลวีทอาหารเช้าง่ายๆ ที่ช่วยให้ตนเองมีกำลังใส่ปาก ตวัดปลายเท้าคร่อมอานจักรยาน ก่อนที่รถจักรยานคันเก่าๆ จะวิ่งฉิวไปบนถนนคอนกรีตที่เริ่มมีผู้คนออกมาเดินเตร็ดเตร่ไปมาบ้างแล้ว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD