เป็นเวลากว่าสองสัปดาห์ที่ซ่างกวนซียอมอยู่เหย้าเฝ้าเรือนเพื่อให้หนิงอ๋องและพระชายาหลูวางใจได้จนกระทั่งอาการป่วยของนางหายปลิดทิ้ง ในระหว่างนี้มีบ่อยครั้งที่นางต้องนึกฉงนใจจนต้องฉุกคิดถึงคำที่เสี้ยวจิตซ่างกวนซีพูดไว้ว่าตนคือซ่างกวนซี
เพราะแม้ว่านางจะทะลุมิติเข้ามาในนิยาย แต่กลับคุ้นเคยกับผู้คนและทุกสิ่งในจวนอ๋องและโลกแห่งนี้ ยังมีกิจวัตรประจำวันของซ่างกวนซีไม่ว่าจะเป็นการกิน การนอน นางก็ล้วนปฏิบัติด้วยความเคยชินราวกับตนเคยทำเช่นนี้ ไม่มีแม้กระทั่งคนใกล้ชิดสักคนที่สามารถสังเกตเห็นถึงการเปลี่ยนแปลง
ถึงนางจะสามารถปรับตัวเข้ากับชีวิตปัจจุบันในภพนี้ได้เป็นอย่างดี กระนั้นซ่างกวนซีก็ยังอดไม่ได้ที่จะเบื่อหน่ายกับการอยู่แต่ในจวน เมื่อหวนนึกถึงเป้าหมายข้อสุดท้ายที่ตนได้เขียนลงกระดาษเซวียนจื่อเมื่อสองสัปดาห์ก่อนที่ว่า กินดื่มเที่ยวให้เต็มที่ มีหรือว่านางจะยอมอยู่แต่ในจวนเพื่อฆ่าเวลารอกลับเมืองหลวงเพียงอย่างเดียว
ซ่างกวนซีมาดมั่นตั้งใจว่าคืนนี้นางจะต้องออกไปท่องชมเมืองเหอตงแห่งนี้ให้ได้!
“หงหง เจ้าแน่นะวันนี้พวกเราจะออกไปได้” เสียงหวานของซ่างกวนซีถามสาวใช้คนสนิท ที่เพิ่งกลายมาเป็นสหายคนแรกของนางตั้งแต่เข้ามาอยู่ในโลกนิยายนี้ นางถามอีกฝ่ายเพื่อยืนยันให้แน่ชัดว่าจะไม่มีเรื่องอันใดผิดพลาด
“บ่าวมั่นใจเจ้าค่ะ บ่าวได้ข่าวว่าท่านอ๋องและพระชายาต่างจะมีแขกจากแดนไกลมาเยือน” เลี่ยวหงพยักหน้าหงึกหงัก ตอบเจ้านายสาวอย่างกระตือรือร้น
ซ่างกวนซีลูบคางเรียวงามอย่างใช้ความคิด การออกไปเที่ยวนอกจวนครั้งนี้ต้องเตรียมการอย่างรัดกุมไม่น้อย นางรู้ซึ้งดีแล้วว่าการกระทำในอดีตล้วนส่งผลต่ออนาคต เพราะซ่างกวนซีคนนั้นได้สร้างเรื่องโดยการออกไปขี่ม้าเล่นสนุกจนตนต้องเจ็บตัวเป็นเดือน ทำให้กำหนดการที่ควรกลับเมืองของ หนิงอ๋องและพระชายายืดเยื้อออกไปอีก ผลกรรมเลยมาตกที่นางต้องโดนเพ่งเล็งจนแทบจะกระดิกตัวไปไหนไม่ได้เสียเลย
“แล้วรถม้าเล่า ถูกตระเตรียมไว้แล้วหรือ”
“เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ อาเพ่ยจะเป็นคนขับรถม้าพาพวกเราออกไปในคืนนี้เจ้าค่ะ”
ก่อนหน้านี้นางบอกปัดหนิงอ๋องและพระชายาว่าตนยังไม่ฟื้นไข้ดีนัก จึงไม่สะดวกออกไปรับแขกในคืนนี้ ทั้งบิดามารดาล้วนไม่ว่าอะไร
พวกเขาได้แต่คิดว่าดีเสียอีก หากซ่างกวนซีไปร่วมงานด้วยสติไม่เข้าร่องเข้ารอยจนเผลอล่วงเกินแขกในคืนนี้ นั่นนอกจากจะเป็นการขายหน้าจวนหนิงอ๋อง แล้วยังเสื่อมเสียไปถึงชื่อเสียงอันดีงามของท่านหญิงเฟิงอันที่บุตรสาวของพวกตนอุตส่าห์ลงแรงจ้างคนไปสร้างคำยินยอเหล่านั้นหรอกหรือ
ยิ่งคิดซ่างกวนซียิ้มออกมาเมื่อได้รู้ว่าทุกอย่างที่เตรียมไว้พร้อมเสร็จสรรพจะเหลือก็เพียงรอเวลาให้เหล่าบรรดาแขกทั้งหลายมาปรากฏตัวก็เพียงพอแล้ว
ต้นยามโหย่ว ซ่างกวนซีให้สาวใช้คนสนิทเลือกหาชุดใหม่เพื่อปรับเปลี่ยนการแต่งการของตน จากอาภรณ์หรูหราสีสันสดใสถูกแทนที่ด้วยผ้าฝ้ายเรียบง่าย ปิ่นงามพู่ระย้าถูกเปลี่ยนเป็นปิ่นไม้ธรรมดา
หลังจากที่เลี่ยวหงจับเจ้านายของตนแต่งกายให้คล้ายคลึงกับหญิงสาวชาวบ้านให้มากที่สุด แต่ไม่วายทำให้เลี่ยวหงถอนหายใจออกมาหลังจากที่เห็นผลลัพธ์ที่ปรากฏตรงหน้า
“ท่านหญิง บ่าวว่าใส่หมวกคลุมแทนเถิดเจ้าค่ะ”
เลี่ยวหงเอ่ยพร้อมกับคิดในใจท่านหญิงของตนกล้าคิดได้อย่างไรที่จะแปลงโฉมเป็นหญิงชาวบ้าน เพราะเมื่อแต่งออกมาแล้วกลับไม่ใกล้เคียงกับคำสั่งท่านหญิงเลยสักนิด
เมืองเหอตงอยู่ติดชายแดน สตรีชาวบ้านล้วนช่วยครอบครัวทำไร่นากันทั้งนั้น เมื่อตากแดดเป็นเวลานานผิวกายย่อมต้องคล้ำกว่าสตรีในเมืองหลวงแม้แต่คุณหนูจวนขุนนางในท้องที่และจวนคหบดีที่ดูแลผิวกายนาน ๆ ครั้งถึงออกจากจวนที่เลี่ยวหงบังเอิญพบก็ยังไม่เคยเห็นผู้ใดมีผิวกายผุดผ่องชุ่มชื้นดุจหิมะแรกเช่นท่านหญิงเลยสักคน นอกจากท่านหญิงจะมีสตรีคนใดที่สามารถแต่งกายด้วยผ้าหยาบได้ออกมางดงามน่ามองถึงเพียงนี้
และไม่ใช่เพียงเลี่ยวหงที่เหนื่อยหน่ายใจ ซ่างกวนซีมองตนเองในกระจกก็ท้อแท้เช่นกัน นี่คือความทุกข์ของหญิงงามหรือไรกัน จะขยับกายไปที่ใดล้วนลำบากยิ่ง ไม่ว่าจะทำอันใดล้วนถูกจับตามองไปเสียหมด
ซ่างกวนซีนึกสงสัยใคร่รู้สาวงามในประวัติศาสตร์จีนทั้งสี่ พวกนางใช้ชีวิตอย่างไรกัน
“ถ้าเช่นนั้น แต่งเป็นบุรุษเป็นอย่างไร!” ซ่างกวนซีพูดโพล่งขึ้นก่อนจะโดนสาวใช้ของตนเอ่ยตัดบทความคิดนี้อย่างไม่ไยดี
“โธ่..ท่านหญิง ผ้ารัดอกม้วนสุดท้ายถูกใช้ตั้งแต่ท่านลอบออกไปขี่ม้าคราก่อนแล้วเจ้าค่ะ”
ซ่างกวนซีก้มมองซาลาเปาก้อนนุ่มสองก้อนที่อยู่บนอกตน นางคิดในใจ ยุคโบราณนี้มีผงฟูหรือไรกันเหตุใดนางต้องมีซาลาเปาก้อนใหญ่ตั้งแต่อายุสิบหกเช่นนี้ด้วย
“ช่างเถอะ ข้าแต่งกายเช่นนี้เพราะคิดเผื่อไว้ถึงเหตุสุดวิสัยและเพื่อให้พ้นจากจวนไปก่อน” ซ่างกวนซีพูดพร้อมจัดเสื้อผ้าของตนไป “อย่าลืมหยิบอาภรณ์สีสดไปไปเปลี่ยนด้วยชุดหนึ่ง”
เลี่ยวหงพยักหน้ารับอย่างขันแข็ง จวบจนกระทั่งยามซวี เมื่อทุกอย่างพรักพร้อมแล้ว ทั้งนางและเลี่ยวหงก็อาศัยจังหวะที่พระชายาหลูและหนิงอ๋องรับแขกมาเยือน ลักลอบไปทางท้ายจวนเพื่อไปยังทางหมาลอด ที่ซ่างกวนซี คนก่อนใช้ลอบออกจากจวนอยู่เป็นประจำ
เวลานี้ซ่างกวนซีเข้าใจแล้วว่าเหตุใดนอกจากนางและสาวใช้คนสนิทอย่างเลี่ยงหงก็ไม่มีผู้ใดค้นพบทางหมาลอดแห่งนี้ ดูเสียสิ! หญ้าขึ้นปกคลุมทางลอดขนาดนี้เกรงว่าไม่ต้องรอพระเอกนางเอกมาตามฆ่าไม่แน่ว่าต้องตายเพราะโดนงูฉกเข้าแล้ว
“ท่านหญิงไม่ไปแล้วหรือ อาเพ่ยมารอพวกเราแล้วนะเจ้าคะ”
เลี่ยวหงที่ล่วงหน้ามุดออกไปก่อนตะโกนจากด้านนอกกำแพงเพื่อเร่งรัดเจ้านายของตน
เมื่อได้ฟังเสียงตะโกนของเลี่ยวหงกอปรกับคิดถึงจุดมุ่งหมายที่นางตั้งใจจะไปในคืนนี้ซ่างกวนซีไม่คิดจะทำตัวโอ้เอ้คอยพะวงหน้าพะวงหลังอีกต่อไป
หญ้ารกร้างเพียงเท่านี้มีหรือจะมาเลิกล้มปณิธานอันยิ่งใหญ่ของนางได้ หอคณิกาชายอันดับหนึ่งของเมืองเหอตงยังคอยนางอยู่ หนุ่มน้อยเหล่านั้นยังรอสตรีงามน้ำใจกว้างคอยเลี้ยงอยู่!
ซ่างกวนซีคุกเข่าก่อนคลานฝ่าพุ่มกอหญ้าทันที โชคดีที่เลี่ยวหงอาสาล่วงหน้าออกไปก่อนทำให้ทางลับออกจากจวนพอปรากฏเป็นลู่ทางให้นางคลานตามไปอย่างง่ายดาย ล้มลุกคุกคลานมานาน ในที่สุดซ่างกวนซีก็สามารถมุดรูโหว่ของกำแพงออกมาจนได้ นางคิดว่าที่ตนใช้เวลาไม่นานคงเพราะร่างนี้เคยมุดหนีออกไปเที่ยวเล่นผ่านทางหมาลอดแห่งนี้บ่อยครั้งจนชินเสียแล้วกระมัง
“ท่านหญิงทางนี้เจ้าค่ะ!!” เลี่ยวหงโบกมือเรียกนาง
ซ่างกวนซีหอบแฮ่ก ๆ ราวกับสุนัข ไม่ต้องอาศัยการส่องคันฉ่องดูนางก็เดาได้ว่าสภาพตนในยามนี้คงสะบักสะบอมมากเกินทน สาวใช้ผู้รู้ความของตนเมื่อเห็นเจ้านายเหนื่อยหอบก็เข้ามาลูบหลังนางอ่อนโยน
ซ่างกวนซีมองเลี่ยวหงตาปริบ ๆ ตัวนางยังไม่ทันได้กล่าวขอบคุณด้วยความซึ้งใจ สาวใช้ข้างกายของนางก็ทำให้พูดไม่ออกอยู่นานเพราะหลังจากที่ตนถูกเลี่ยวหงลูบหลังสองสามครั้ง อีกฝ่ายก็รีบดึงให้นางวิ่งตามทันที อาหงคนดีเร่งรีบเกินไปแล้ว ตกลงว่าเจ้าหรือข้าที่กระเหี้ยนกระหือรืออยากจะพบ ชายงามมากกว่ากัน!