พระชายาหลูนิ่งงันแต่เป็นหนิงอ๋องที่เป็นฝ่ายพะวักพะวนนั่งไม่ติดขึ้นมาแทน จะให้เขายอมรับได้อย่างไรว่าบุตรสาวที่ตนทะนุถนอมดุจดั่งแก้วตาดวงใจ เวลานี้กลายมาเป็นแม่นางน้อยรูปโฉมงดงามเหนือใครอื่นแต่สมองกลับใช้การไม่ได้เสียแล้ว..
“เสี่ยวซี ข้าคือหนิงอ๋อง ซ่างกวนเสียน บิดาของเจ้าอย่างไรเล่า และนี่ก็เป็นมารดาของเจ้า หลูหมิ่น พระชายาหลูแห่งหนิงอ๋อง เสี่ยวซีเด็กดีของพ่อ เจ้ากล้าจำพวกเราไม่ได้เชียวหรือ” หนิงอ๋องพูดด้วยความร้อนรนพร้อมทั้งเขย่าตัวบุตรีไปด้วย
อวี่ซีที่เวลานี้กลายเป็นซ่างกวนซีหญิงงามที่ไร้สมองไปเสียแล้ว ทั้งหัวและหูของนางมีแต่เสียงอื้ออึง คำพูดของหนิงอ๋องคล้ายกับว่าเป็นสายฟ้าฟาดลงมายังกลางกระหม่อมของนางก็ไม่ปาน
อวี่ซีเหงื่อซึมไปทั่วแผ่นหลัง เนื้อตัวของนางเย็นเฉียบ มันเป็นเรื่องยากที่จะยอมรับได้ถึงเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น เพียงแค่เพราะนางอ่านนิยายแล้วเห็นใจตัวประกอบหญิงผู้นี้ จึงทำให้ตัวนางกลายมาเป็นซ่างกวนซีที่กำลังจะตาย
ยังไม่เพียงเท่านั้น ซ่างกวนซีผู้นี้นับว่าเป็นตัวหายนะอย่างแท้จริง นางโง่งมเพราะรักบุรุษที่ไม่เห็นค่าตนยังไม่พอ นางยังพาผู้คนจวนหนิงอ๋องไปเยือนปรโลกด้วยกันอีกด้วย
มารดามันเถิด นี่นางทะลุมิติมาเพื่อตายอีกรอบหรอกหรือไรกัน!!
“ท่านอ๋อง พระชายา ท่านหญิงเป็นลมลงอีกรอบแล้วเพคะ!!!”
สาวใช้ต้องหวีดร้องอีกครายามที่ได้เห็นเจ้านายน้อยของตนที่ฟื้นมาไม่ทันไรก็ตั้งท่าจะเป็นลมล้มพับอีกครั้งเสียแล้ว
นับว่าเป็นอีกครั้งที่อวี่ซีไม่รู้ว่าตนกำลังอยู่ที่ใดกันแน่ ภาพที่ดวงตาของนางมองเห็นนั้นมืดครึ้มทว่ายังคงมีแสงส่องสว่างอยู่รำไร ที่ที่นางอยู่นั้นมองไม่เห็นต้นไม้สักต้น
หากแต่มีลมอ่อน ๆ พัดโชยมาอยู่เป็นระยะอย่างต่อเนื่องช่วยนำพาให้ทั่วร่างนางรู้สึกปลอดโปร่งโล่งเย็นสบาย
อวี่ซีกำลังเดินออกไปสำรวจเพื่อคลายความสงสัย ทว่าเมื่อถึงตอนที่นางจะก้าวเดินนั้น เท้านางกลับไม่อาจติดพื้นได้...นี่ไม่ใช่ว่าวิญญาณของนางได้หลุดออกจากร่างอีกครั้งแล้วหรือไร
ความสิ้นหวังที่กำลังก่อตัวทำให้อวี่ซีอยากทรุดตัวลงพื้น แต่นางรู้ว่าหากตนทำเช่นนั้นต้องออกมาเป็นภาพที่ตลกอย่างไม่อาจปฏิเสธได้แน่นอน ขนาดเท้านางไม่ติดพื้น ถ้าลองทิ้งตัวลงทั้งร่าง คงเป็นภาพคล้ายกับว่านางกำลังโชว์อภินิหารนอนกลางอากาศชนิดที่ว่าหนังจีนกำลังภายในต้องมาศึกษาดูงานอย่างแน่นอน
อวี่ซีกำลังลอยเคว้งคว้างไปมา นางคิดว่าหากท่านเซอร์ไอแซกนิวตัน บิดาแห่งแรงโน้มถ่วงในตำราเรียนในชาติก่อนของนางมาเห็นภาพนี้ต้องร่ำไห้เลยทีเดียว
อวี่ซีคิดเรื่องสัพเพเหระไปทั่วนั่นเป็นเพราะนางไม่อยากยอมรับว่าวิญญาณของนางได้หลุดจากร่างอีกครั้งแล้ว ทั้งที่นางตั้งใจว่าจะอยู่กับบิดามารดาของตนแต่นางไม่อาจฝืนลิขิตสวรรค์อีกครั้งจนได้
เหตุใดจึงให้นางพบกับครอบครัวอีกหนแต่กลับให้นางพลัดพรากจากพวกเขา นางไม่อยากตาย นางยังคงอยากมีชีวิตอยู่ แต่กลับต้องมาเป็นผีสางเร่ร่อนไม่มีร่างหรือพื้นที่ให้อยู่อาศัย หรือแม้กระทั่งการเข้าสู่วัฏสงสารเฉกเช่นคนทั่วไปยังมิอาจทำได้
“เจ้ายังไม่ตายหรอก ทั้งยังไม่ใช่ผีด้วย” เสียงนุ่มนวลละมุนหูชวนให้ น่าฟังดังขึ้นจากข้างหลัง
อวี่ซีชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะหันหลังไปมองยังที่มาของเสียงหวานใสนั้น สตรีผู้นั้นมีรูปร่างหน้าตางดงามดั่งนางเซียน ช่างดูเหมาะสมกับการเป็นเจ้าของเสียงนุ่มหวานหูอย่างแท้จริง
ทว่านอกเหนือจากใบหน้างดงามของแม่นางผู้นี้กลับปรากฏรังสีของความหม่นหมองตรอมตรมแผ่ซ่านอยู่ คล้ายกับตัวนางได้ผ่านเรื่องทุกข์โศกเหลือคณา พลอยทำให้ผู้พบเห็นต้องเศร้าหมองสงสารนางไปด้วย
อวี่ซีย่อมไม่ใช่ข้อยกเว้น นอกเหนือจากการร่วมเห็นใจนางเพียงแค่ได้พบเห็น แต่อวี่ซีกลับจำนางได้อย่างแม่นยำเพราะนางได้พบเห็นรูปโฉมเช่นนี้ไปเมื่อครู่ก่อนจะเป็นลมล้มพับอีกครา
“..เจ้าคือ..ซ่างกวนซีหรือ”
ซ่างกวนซีอมยิ้มน้อย ๆ แล้วเอ่ยตอบนาง “..ข้าคือเจ้า”
อวี่ซีคิดพร้อมกับเกาหัวแกรก ๆ อย่างงุนงง ตัวประกอบหญิงผู้นี้เจ้าคิดจะล้อเล่นอันใดกัน เห็นกันอยู่ชัด ๆ ว่าตัวนางเป็นเพียงปรสิตมาจากอีกโลกแล้วมาสิงร่างซ่างกวนซีชั่วครู่ก่อนจะโดนร่างเดิมปฏิเสธวิญญาณอย่างกะทันหันจนได้กลายเป็นผีไร้บ้านเช่นนี้
ซ่างกวนซีคล้ายกับได้ยินเสียงความคิดของอวี่ซีก็ต้องหลุดหัวเราะออกมา “เจ้าโง่กว่าที่ข้าคิดเอาไว้มากเลยทีเดียว”
อวี่ซีถลึงตามองซ่างกวนซี คิดค่อนขอดในใจ แม่นางผู้นี้เป็นคนเช่นไรกันพบเจอกันครั้งแรกก็ด่านางโง่ออกมาอย่างโจ่งแจ้งเสียแล้ว สายตาตื้นเขินเช่นนี้สมแล้วที่ได้รับบทบาทเป็นเพียงตัวประกอบหญิงในนิยาย!
อวี่ซียังไม่ทันได้ค่อนขอดซ่างกวนซีต่อก็โดนแม่ตัวประกอบหญิง ตัวดีลอยมาเขกหัวครั้งหนึ่งอย่างแรงพร้อมถลึงตาดุนาง
“..เจ้ารู้อย่างไรว่านี่เป็นเพียงเรื่องถูกแต่งขึ้น เมื่อกลางวันเจ้าก็ได้ลองสัมผัสเนื้อตัวท่านพ่อท่านแม่แล้วไม่ใช่หรือ ทุกคนในโลกนี้ล้วนมีเลือดเนื้อมีความรู้สึกเช่นเดียวกับผู้คนบนโลกที่เจ้าจากมา ข้าก็คือตัวเจ้า และที่เจ้าได้ย้อนเวลามาที่แห่งนี้อีกครานั่นเป็นเพราะจิตใจไม่อาจปล่อยวางของพวกเราทั้งคู่..”
“จิตที่ไม่อาจปล่อยวางของพวกเราทั้งคู่ หมายความว่าอย่างไร”
อวี่ซีถามกลับทันที จิตที่ไม่ปล่อยวางอันใดกัน ชีวิตก่อนหน้านี้อวี่ซีมั่นใจว่าตนได้ใช้ชีวิตไปวัน ๆ เพื่อเอาตัวรอดไปเท่านั้น นางยังมีอันใดที่ยังยึดติดอยู่อีกหรือ
“ยามที่เจ้าได้อ่านเรื่องราวพวกนั้น นอกจากเจ้าจะเจ็บปวดไปกับสตรีนามว่าซ่างกวนซี ลึก ๆ ในใจของเจ้าแล้วยังมีความรู้สึกไม่ยินยอมไม่อยากให้ชะตาชีวิตของนางจบลงดังเช่นที่เจ้าอ่านไม่ใช่หรือ..”
อวี่ซีเบิกตากว้าง ซ่างกวนซีรู้ถึงความรู้สึกนึกคิดของนางในช่วงเวลานั้นได้อย่างไรกัน ไม่ผิด ในตอนนั้นนางอยากไปกลับแก้ทางเดินของตัวประกอบหญิงผู้นั้นเหลือเกิน อีกทั้งในใจนางยังคงเจ็บปวดเจียนตายคล้ายกับว่าตนกำลังตายตามซ่างกวนซีไปเสียอย่างนั้น
“เจ้าจะบอกระหว่างเรา มีบางอย่างที่เกี่ยวพันกันอย่างนั้นหรือ” อวี่ซีย้อนถามซ่างกวนซีเสียงตะกุกตะกักอย่างเชื่อครึ่ง ไม่เชื่อครึ่ง
“ไม่ผิด ข้าบอกแล้วว่าเราทั้งคู่ต่างเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน ข้าคือ ตัวเจ้าในวันวาน นั่นจึงเป็นสาเหตุที่เราทั้งคู่ต่างรับรู้ความรู้สึกนึกคิดของอีกฝ่าย” ซ่างกวนซีอธิบายด้วยน้ำเสียงนิ่งสงบ พร้อมทั้งมองอากัปกิริยาของอวี่ซีแล้วพูดขึ้นต่อ
“ชีวิตเจ้าในฐานะอวี่ซีผู้นั้นได้จบลงแล้ว นับต่อจากนี้จะไม่มีสตรีที่ชื่อ อวี่ซีต่อไป โปรดจดจำไว้ว่าเจ้าคือซ่างกวนซีและซ่างกวนซีก็คือเจ้า”
อวี่ซีกำลังถามซ่างกวนซีต่อไป ทว่าเวลานี้นางสังเกตได้ว่าแสงสีขาวที่เปล่งประกายมาจากตัวซ่างกวนซีกำลังเลือนรางมากขึ้นไปจากเดิม นางจำเป็นต้องละทิ้งคำถามเหล่านั้น เลือกที่จะเอื้อมมือเพื่อไขว่คว้าจับไปที่เงาสลัวของซ่างกวนซีเอาไว้
“..เจ้าจะไปที่ใดกัน! ในเมื่อเราทั้งคู่ต่างต้องการเปลี่ยนโชคชะตาไปด้วยกัน เหตุใดจึงจะทิ้งข้าให้ฟันฝ่ามันไปผู้เดียว”
อวี่ซีพูดด้วยความตื่นตระหนก นางส่ายหน้าด้วยความไม่ยินยอม ใจของนางวูบโหวงคล้ายกับถูกคว้านเอาบางส่วนออกไปด้วย
“ข้าเป็นเพียงเสี้ยวจิตของเจ้าเท่านั้น ไม่ว่าเจ้าจะเป็นอวี่ซี หรือเป็น ซ่างกวนซีล้วนมีข้าอยู่เคียงข้างเสมอ อาซี เปลี่ยนมันให้ได้ คนสกุลซ่างกวนต้องไม่พลีชีพเพราะความโง่งมหลงผิดของซ่างกวนซีในกาลก่อน เจ้าจะต้องสุขสมดั่งที่ใจปรารถนา นับจากนี้อย่าให้ผู้ใดลิขิตชะตาเจ้าได้อีก”
เสี้ยวจิตของซ่างกวนซีลูบเบามาที่หัวของนางก่อนสลายหายตัวไปในหมู่มวลอากาศ ที่ไม่ว่าตัวนางจะไขว่คว้าเอื้อมจับไว้เพียงใดก็ได้มาเพียงความว่างเปล่า