ด้วยสภาพอิดโรยของ อวี่ซี ทำเอาเธอพร้อมที่จะล้มลงนอนได้ทุกเมื่อ แต่นั่นก็ได้แค่คิดเพราะนักศึกษาสาขาการระหว่างประเทศชั้นปีที่ สี่อย่างเธอไม่สามารถทำเช่นนั้นได้
อวี่ซีจำต้องแบกร่างพัง ๆ ของตัวเอง จากการโต้รุ่งเพื่อทำวิจัยจบเท่านั้นยังไม่พอ นักศึกษาทุนแบบเธอยังต้องทำพาร์ตไทม์ให้มหาลัยเป็นบรรณารักษ์ห้องสมุดจนถึงสามทุ่มในวันเสาร์อาทิตย์และในช่วงปิดเทอมดังเช่นวันนี้อีกด้วย
อวี่ซีบิดขี้เกียจพร้อมกับเหลือบมองนาฬิกาเป็นเวลาสามทุ่ม โชว์ขึ้นที่หน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นสัญญาณเตือนว่าถึงเวลาที่ต้องเธอกลับหอแล้ว ฉับพลันคล้ายกับว่าพลังชีวิตขอเธอถูกเติมเต็มขึ้นมาอย่างเต็มเปี่ยม อวี่ซีรีบยัดทุกอย่างใส่เป้สะพายภายในไม่ถึงห้านาที ก่อนจะตรอกบัตรออกงานอย่างเริงร่า เตียงนอนจ๋ารอฉันก่อนนะ
เฮดโฟนคุณภาพระดับกลางได้ถูกนำมาครอบลงศีรษะและใบหูเพื่อปิดกั้นเสียงจากโลกภายนอก อวี่ซีทั้งเดินทั้งไถโทรศัพท์ไปพร้อมกัน เธอเริ่มกดเข้าแอปพลิเคชันโซเชียลมีเดียอย่างวีแชตเพื่อเช็กข่าวสารของเพื่อนในสาขา
คนหนึ่งอยู่ปารีส อีกคนอยู่เวนิซ บางคนก็เตรียมรับช่วงต่อธุรกิจของครอบครัว แต่เพื่อนส่วนใหญ่ในสาขาของเธอล้วนต้องได้พบหน้าครอบครัวในช่วงปิดเทอมกันทั้งนั้น
อวี่ซีเลื่อนผ่านโมเมนต์ของเพื่อน ๆ ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ขัดกับใจที่เกิดความอิจฉาเล็ก ๆ ในใจ เธอทอดถอนใจอย่างปลงตก คนมีเป้าหมาย มีเงิน มีบ้านและครอบครัวนี่ดีจังนะ เมื่อคิดแล้วก็ยิ้มบาง ๆ กับตัวเอง ออกมาไม่นานก่อนจะโคลงหัวเพื่อไล่ความคิดลบที่คอยบั่นทอนจิตใจในหัวของตนออกไป
แต่แล้วเมื่อแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชันหนึ่งเด้งขึ้น อวี่ซีก็ต้องยิ้มกว้างออกมาอย่างช่วยไม่ได้ หากไม่กลัวจะถูกคนในรถไฟฟ้ามองว่าเป็นตัวประหลาดเธออยากจะกลิ้งหลุน ๆ ลงไปนอนกับพื้นพร้อมกับตีขาอย่างสะดีดสะดิ้ง ‘ช่างเรื่องอนาคตเส็งเคร็งนั่นเถอะ เพราะวันเสาร์สามทุ่มแบบนี้นิยายเรื่องโปรดของเธออัปแล้ว!!’
อมยิ้มน้อย ๆ ถูกฉายออกมาทางสีหน้า นี่นับว่าเป็นอีกครั้งที่อวี่ซีนึกเรื่องโชคดีได้จากการเป็นชนชั้นกลางไปทางล่างที่อาศัยอยู่คนเดียวออก ด้วยสถานะทางการเงินที่ไม่คงที่ทำให้เธอต้องหาที่พักที่ไกลจากใจกลางเมืองไปอีก ที่พักของเธออยู่สุดปลายสถานี เวลานี้อวี่ซีจึงสามารถหย่อนก้นนั่งลงบนรถไฟฟ้าอ่านนิยายที่รักได้อย่างสบายใจเฉิบ ไร้ซึ่งความกังวลว่าจะนั่งเลยสถานีที่ต้องลง
สาวโสดตัวคนเดียวหัวใจเปล่าเปลี่ยวอย่างเธอ นอกจากเรียนทำงานพิเศษเพื่อเอาตัวรอดไปวัน ๆ จะมีเวลาไปหาแฟนที่ไหนกัน เพราะเหตุนี้เธอจึงจำเป็นที่จะต้องหาเรื่องราวรัก ๆ ใคร่ๆ มาให้ชีวิตพอมีเรื่องในเขินวูบวาบ หน้าร้อนไปบ้างสิ
ช่วงนี้ตัวเธอกำลังติดนิยายเรื่อง ‘ห้วงใจนายท่าน’ ที่ถูกเธอจัดหมวดหมู่เอาไว้ว่าเป็น นิยายจีนพีเรียดที่เนื้อเรื่องน้ำเน่าฉบับสมบูรณ์แบบ บทพิสูจน์ความรักของโหวหนุ่มกับคุณหนูจวนราชครู
เมื่อพระเอก ฮั่วโยว ต้องรับอนุเข้ามาเพราะฮ่องเต้ทรราชผู้นั้นยัดเยียดมาให้เพื่อเป็นสายข่าวในจวน เพื่อแสดงความภักดีที่มีต่อฮ่องเต้ตัวร้ายอย่าง เซวียนจิ้ง ฮั่วโยวจำต้องน้อมรับหญิงงามนับสิบเข้าจวนอย่างเลี่ยงไม่ได้
นักอ่านอย่างอวี่ซีทั้งลอบฟินกับฉากเนื้อหาในม่านมุ้งของพระนาง สลับกับอ่านไปเธอก็ต้องกลอกตามองบนไปด้วย บ่อยครั้งที่เธอนึกดูแคลน พระเอกคนนี้ปากบอกรักนางเอกคนสวยอย่าง โจวเสี่ยวเม่ย นักหนา
แต่เขากลับไปเยือนเรือนของเหล่าอนุเป็นโขยงที่ฮ่องเต้ผู้นั้นประทานให้จนครบทุกคน อวี่ซีค่อนขอดในใจ ช่างเป็นพระเอกที่ปากว่าเอวถึงเสียจริง โหมแรงไปกับสาวงามมากเพียงนี้คุณพระเอกของเรื่องไม่กลายเป็นไตพร่องก่อนหรือไร
เมื่ออ่านถึงตอนล่าสุดทำให้อวี่ซีเปลี่ยนท่าทีจากการไถหน้าจอโทรศัพท์ด้วยท่าทีเรียบง่ายกลายมาเป็นอยากบีบโทรศัพท์ของตนให้แหลกคามือไปเสียตอนนี้ นั่นคงเป็นเพราะอารมณ์ฉุนเฉียวที่คุกรุ่นอยู่ในอก
จะไม่ให้เธอโมโหได้ยังไงเมื่อนิยายที่เธอเผลอเข้ามาอ่านในหมวดท็อปชาร์ตแท้ ๆ มีฉากเข้าหอที่ฟินกระจายที่พอทำให้สาวน้อยเวอร์จิ้นอย่างเธอมวนท้อง แต่ทำไมพล็อตห่วยแตกเหลือเกิน!
สำหรับเธอนอกจากอ่านฉากเอ็นซีเอาฟินแล้ว อวี่ซีคิดว่าพระนางในนิยายเรื่องนี้ช่างเป็นชายโฉดหญิงชั่วที่เหมาะสมกันอย่างแท้จริง
เพราะฮั่วโยวพบรักกับโจวเสี่ยวเม่ยได้จากการหักหลังตัวประกอบหญิงผู้หนึ่งอย่าง ซ่างกวนซี ท่านหญิงเฟิงอันที่เป็นถึงฮูหยินเอกของฮั่วโยวแต่กลับต้องตายอนาถ เพื่อปูทางรักให้พระนาง
ตัวละครซ่างกวนซีผู้นี้เรียกได้ว่าเป็นแม่บุญทุ่มอย่างแท้จริง ท่านหญิงที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจหนิงอ๋อง กลับยอมทำทุกอย่างเพื่อฮั่วโยว นางลดตัวมาแต่งกับฮั่วโยวตั้งแต่ที่เขายังเป็นซื่อจื่อจวนหย่งฉินโหวที่มีเพียงบรรดาศักดิ์
พอแต่งกับเขาดันมารู้ทีหลังว่าฮั่วโยวมีใจให้กับเพื่อนสนิทของตนอย่างโจวเสี่ยวเม่ย ซ่างกวนซีก็ข่มใจที่ปวดร้าวของตนเพื่อความสุขของสามีก็ถึงกับวางแผนช่วยโจวเสี่ยวเม่ยปีนเตียงฮั่วโยวได้สำเร็จ และยอมให้ฮั่วโยวรับโจวเสี่ยวเม่ยเป็นอนุหลังจากที่ตนเพิ่งแต่งเข้าจวนโหวไปเพียงสามเดือนเท่านั้น
ตอนล่าสุดที่อวี่ซีกำลังอ่านเนื้อเรื่องดำเนินมาถึงช่วงหลังจากที่ซ่างกวนซีใช้กองกำลังของบิดาช่วยฮั่วโยวโค่นฮ่องเต้ทรราชอย่าง
เซวียนจิ้งให้ลงจากบัลลังก์ได้สำเร็จ ตัวประกอบหญิงผู้นี้ช่วยพระเอกขึ้นเป็นฮ่องเต้คนใหม่ได้ แต่ผลตอบแทนที่ตัวซ่างกวนซีได้รับจากการความรักไม่เผื่อใจของตนคือ หนิงอ๋องและชายาต้องสิ้นชีพดับสูญ
จากที่นางวาดหวังว่าจะได้เป็นฮองเฮาครองคู่กับฮั่วโยวไปจวบจน ผมขาวกลับต้องถูกคุมขังไว้ที่ตำหนักเย็น เพราะหลังจากที่ซ่างกวนซีได้รู้ว่า โจวเสี่ยวเม่ยตั้งครรภ์ได้สองเดือนก็คลุ้มคลั่งตรงปรี่เข้าไปอาละวาดจนนางเอกต้องแท้ง
อวี่ซีอ่านพร้อมกลั้นสะอื้นไปด้วยคล้ายกับว่าซ่างกวนซีผู้นั้นก็คือตัวเธอเองเสียอย่างนั้น โดยเฉพาะประโยคของตัวประกอบหญิงพูดกับพระเอกก่อนถูกรวบตัวไปกักขังที่ตำหนักเย็น
‘ท่านพี่ ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงวันนี้ตัวข้าทำสิ่งใดผิดไปหรือ จวนโหวของท่านข้าก็ดูแลไม่ให้ขาดตกบกพร่อง อนุทั้งหลายของท่านก็ไม่ข่มเหงคอยให้พวกนางต้องเจ็บช้ำน้ำใจสักครา
แม้แต่ตอนที่ตัวข้ารู้ว่าท่านรักสหายเพียงคนเดียวของข้า ข้าก็ส่งเสริมวาสนารักของท่านกับนางได้ หรือบัลลังก์ที่ท่านใฝ่ฝันทั้งข้าและคนของจวน หนิงอ๋องต่างก็ประเคนมันมาให้ท่านได้ แต่หลังจากคนสกุลซ่างกวนพลีชีพเพื่อท่านได้ไม่นาน ในขณะที่ข้าน้ำตารินรดหมอนทุกเช้าค่ำ แล้วตัวท่านและนางแพศยาผู้นั้นถือดีอันใดถึงกล้ามีความสุขสีหน้าชื่นมื่นเช่นนี้กัน!’
นวลหน้างดงามเหนือใครอื่นเวลานี้ข้างแก้มกลับถูกรอยฝ่ามือจากชายตนที่รัก รอยนิ้วมือทั้งห้าคล้ายกับเป็นเครื่องย้ำเตือนว่าตั้งแต่ต้นจนจบเขาล้วนไม่เคยรักนางเลยสักครา
โหวหนุ่มในวันวานผู้นั้นฝืนใจเข้าหานางเพียงเพราะผลประโยชน์เท่านั้น ในวันนี้เขามีพร้อมทุกอย่างแล้วมีหรือจะแยแสสวะไร้ค่าเช่นนางอีก ซ่างกวนซีถ่มน้ำลายปนเลือด มองฮั่วโยวด้วยความสิ้นหวัง ก่อนจะแค่นหัวเราะเยาะออกมา
‘เสียแรงที่ข้าเคยเทิดทูนรักใคร่บูชา ฮั่วโยว ที่แท้ท่านก็เป็นเพียงจิ้งจอกตาขาวเนรคุณ ช่างเหมาะสมกับนางสารเลวผู้นั้นนัก แม้ได้เป็นฮ่องเต้แต่ผู้คนในต้าเยียนล้วนลอบดูแคลนที่ความรุ่งโรจน์ของท่านนั้นล้วนได้มาจากการเกาะชายกระโปรงสตรีผู้หนึ่ง!’
คำพูดของซ่างกวนซีคล้ายกับกระตุ้นความอ่อนไหวของฮั่วโยวขึ้นมา ตั้งแต่ที่แต่งกับนางมา เขาต้องถูกคนลอบนินทาและดูแคลนว่าเป็นบุรุษที่มีดีเพียงรูปโฉม ไม่ว่าเงินทอง หรืออำนาจในมือเขาล้วนได้มาจากสตรีสูงศักดิ์เรืองอำนาจเช่นซ่างกวนซี ทุกครั้งในยามที่มองหน้านาง ตัวเขาก็คล้ายกับได้ยินเสียงนินทาเหล่านั้นอยู่เสมอ
ด้วยโทสะที่ปะทุในอกจากการสูญเสียบุตรคนแรกและคำพูดจี้ใจดำของนางทำให้ฮั่วโยวคิดจะเงื้อมือตบซ่างกวนซีผู้นี้อีกหนแต่จำต้องลดมือลงเมื่อมือขาวบอบบางจากโจวเสี่ยวเม่ยเกาะแขนเขาร้องขอเอาไว้ ฮั่วโยวจึงชี้หน้าด่าสตรีไร้ยางอายที่นั่งที่พื้นแทน
‘สตรีร้ายกาจเช่นเจ้า ยังมีหน้าพูดพล่ามถึงความดีของตนอีกหรือ เจ้าแต่งให้ข้ามาห้าปีเป็นเพียงสตรีไร้ประโยชน์ที่ไม่อาจให้กำเนิดบุตรได้ยังมีจิตใจริษยาวางอำนาจในจวนจนอนุของข้าล้วนไม่อาจตั้งครรภ์ได้ เห็นแก่ที่เจ้าแต่งให้ข้ามานาน ไปสำนึกความผิดของตนในตำหนักเย็นเสียเถิด’
ฮั่วโยวสะบัดตัวหนีพร้อมกับกุมมือสตรีจิตใจอ่อนโยนที่เขารักสุดหัวใจจากไปพร้อมกัน นางเหม่อลอยมองชายหญิงทั้งสองที่เดินจากไป เหตุใดเขาจึงโง่เง่าไร้หัวคิดได้ถึงเพียงนี้ สตรีทั้งจวนรวมถึงนางไม่อาจตั้งครรภ์ได้ มีเพียง โจวเสี่ยวเม่ยที่สามารถตั้งครรภ์ให้เขาเพียงผู้เดียว เขาไม่นึกฉงนใจบ้างหรือไร
แต่แล้วซ่างกวนซีก็ต้องหัวเราะออกมาคล้ายกับสติหลุดลอยไป เมื่อคิดได้ว่าฮั่วโยวรู้แล้วอย่างไร ในเมื่อในสายตาเขานางเป็นเพียงสตรีร้ายกาจมากด้วยเล่ห์เพทุบาย ในขณะที่สตรีอย่างโจวเสี่ยวเม่ยนั้นเป็นดั่งดอกบัวขาวไม่แปดเปื้อนโลกีย์ที่เขาทั้งรักและเทิดทูนถึงปานนั้น
ฮั่วโยวสั่งให้คนนำตัวนางไปยังตำหนักเย็นเพื่อสำนึกในความผิดที่ตนก่อ ทว่าเวลานี้ตัวนางเพียงสำนึกเสียใจโง่งมที่หลงรักคนไร้หัวใจ จนหมดสิ้นไปเสียทุกอย่างทั้งครอบครัว ทั้งอำนาจ
เป็นตัวนางที่ดื้อรั้นไม่ฟังคำบิดามารดา เป็นนางที่ดันทุรังเพียงเพราะคิดว่าหากอาศัยเวลาในหัวใจสักเสี้ยวจะมีนางอยู่ในนั้น ในเมื่อเขาไร้รัก ฮั่วโยววาสนาท่านและข้าขอให้จบลงที่ชาตินี้เถิด
อวี่ซีที่อ่านมาถึงตอนที่ซ่างกวนซีเลือกที่จะปิดฉากชีวิตของตนด้วยตนเองในตำหนักเย็น
เธอไม่รู้ตัวเลยว่าน้ำตาของเธอนั้นรินไหลออกมาตั้งแต่ตอนไหน หัวใจของเธอปวดหน่วงคล้ายกับรู้สึกและเข้าใจถึงสิ่งที่ซ่างกวนซีเผชิญ ตัวเธอสามารถรับรู้ถึงความเจ็บปวด ความสิ้นหวังและความหมดอาลัยตายอยากของตัวละคร ในหัวของอวี่ซีฉายภาพตำหนักเย็นอันอ้างว่างไร้ผู้คน คล้ายกับว่าเธออยู่ที่แห่งนั้นมาก่อน
อาการปวดแปลบที่ศีรษะของอวี่ซีเริ่มก่อตัวขึ้นมาเรื่อย โทรศัพท์ในมือเรียวยาวของเธอพลันร่วงหล่นลงไปที่พื้นของรถไฟฟ้า อวี่ซีกัดฟันข่มความเจ็บปวดเพื่อเอื้อมหยิบมันขึ้น เพียงแต่ในเวลานี้อาการปวดศีรษะเริ่มทวีคูณหนักหน่วงมากขึ้นเรื่อย ๆ
จนในที่สุดเธอก็ทรุดลงไปกับพื้น ผู้คนมากมายต่างห้อมล้อมเพื่อดูอาการของเธอ หากแต่มันกลับสายไปเสียแล้วเมื่อดวงตาของเธอมองเห็นเพียงความมืดมิด สีสันและรูปร่างต่าง ๆ ที่เธอเคยมองเห็นพลันอันตรธานหายไปจนหมดทิ้ง ก่อนที่โสตประสาทสัมผัสทั้งห้าของอวี่ซีจะดับวูบไม่รับรู้ สิ่งใดอีกต่อไป…