ซ่างกวนซีสะลึมสะลือตื่นขึ้นมาด้วยหางตาที่เปียกชื้น เหงื่อชุ่มแผ่น หลังบางจากการดิ้นรนคอยวิ่งไล่จับเสี้ยวจิตของตน ความทรงจำของนางต่อติดอย่างสมบูรณ์ทั้งมาจากนิยายที่ได้อ่าน รวมไปถึงความทรงจำของร่างนี้อย่างละเอียด
ก่อนที่วิญญาณอีกเสี้ยวจากอนาคตของนางจะผสานตัวกับ ห้วงจิตในภพนี้ เรียกได้ว่าเวลานี้ตัวนางได้กลายเป็นซ่างกวนซีอย่างแท้จริงแล้ว
ย่อมเป็นเรื่องยากที่จะยอมรับได้ที่นางเพียงอ่านนิยายบนรถไฟฟ้า ก็ต้องหัวใจวายเฉียบพลันและตื่นมาพบว่าตนได้กลายมาเป็นตัวประกอบในนิยายเรื่องหนึ่ง แต่ที่น่าทึ่งไปกว่าเรื่องที่นางเข้ามาอยู่ในโลกของนิยาย
คือการที่เสี้ยวจิตของตัวละครที่วิญญาณของนางมาสิงร่าง ดันเป็นฝ่ายมาบอกว่าแท้จริงแล้วนางคือซ่างกวนซีผู้นั้นเสียเอง ที่นางควรทำในเวลานี้คือควรลืมตัวตนอวี่ซีนั่นไปเสีย เพราะถึงอย่างไรนางก็ไม่คิดกลับและไม่อาจกลับไปยังโลกความเป็นจริงในอนาคตนั่นอีกแล้ว
แม้เสี้ยวจิตซ่างกวนซีคนก่อนจะคอยพร่ำบอกว่า บทบาทตัวประกอบหญิงในนิยายคือนางในอดีตชาติ ทว่าสำหรับนางแล้วในเมื่อซ่างกวนซีในนิยายได้จบชีวิตไปแล้ว ซ่างกวนซีคนก่อนย่อมไม่ใช่ตัวนางอีกต่อไป เพราะเวลานี้นางมีสติที่ตื่นรู้ และตั้งใจจะอยู่เพื่อตนเองและบิดามารดาเท่านั้น ฉะนั้นซ่างกวนซีคนใหม่ผู้นี้จะไม่หวนคืนเส้นทางเดิมโดยเด็ดขาด
ตั้งแต่ที่นางลืมตาขึ้นมาก็ได้เห็นหนิงอ๋องและพระชายาคอยเฝ้าอยู่ นี่นางทำให้บิดามารดาเป็นห่วงอีกแล้วหรือ ซ่างกวนซีคลึงขมับของตนพร้อมทั้งเอ่ยถามด้วยเสียงแหบแห้งจากการขาดน้ำ
“ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้าหลับไปกี่วันแล้วหรือเจ้าคะ”
ซ่างกวนซีกึ่งถามกึ่งออดอ้อนเพื่อหวังให้บิดามารดาของตนเอ็นดูสงสารตนมากขึ้นไปอีก เพื่อไม่ให้ทั้งคู่ติดใจในเรื่องที่ตนได้ก่อเอาไว้
ทว่าคำตอบที่ได้รับจากบิดาก็ทำนางไร้วาจาที่เอื้อนเอ่ยคำใดกลับไป
“อาซี เจ้าหลับไม่ถึงครึ่งเค่อเสียด้วยซ้ำ”
หนิงอ๋องมีสีหน้าลังเลและพูดอย่างไม่เต็มเสียงนัก เพราะรู้ว่าบุตรีของตนมากแผนการคงคิดจะใช้อาการป่วยตนขอให้เขาและชายายกโทษให้อีกตามเคย
สำหรับหนิงอ๋องแล้วเพียงแค่บุตรสาวฟื้นขึ้นมานั่นก็เพียงพอแล้ว ด้วยความที่เขามีบุตรีเพียงคนเดียวทำให้หนิงอ๋องต้องคอยให้ท้ายซ่างกวนซีอยู่เสมอ ในขณะที่พระชายานั้นเคร่งครัดในธรรมเนียมและกฎเกณฑ์นานทีปีหนถึงจะยอมผ่อนปรนให้นางได้
ทุกเล่ห์ของซ่างกวนซีที่ถูกมาใช้เพื่อออดอ้อนนั้นมีเพียงหนิงอ๋องที่ใจอ่อนแต่กลับใช้ไม่ได้ผลกับมารดา ครั้งนี้ก็เช่นกัน
ตื่นยังไม่ทันเต็มตาซ่างกวนซีต้องโอดครวญเสียงสูงเมื่อถูกพระชายาหลูบิดเอวตนอีกหน
“อ๊ะ! ท่านแม่เจ้าคะ เบามือหน่อยเถิด ข้าผิดไปแล้ว”
พระชายาหลูจ้องบุตรีคนเดียวของตนตาเขม็ง หากไม่ติดว่าซ่างกวนซียังจับไข้อยู่นางคิดจะฟาดอีกฝ่ายสักยกให้คลายความซุกซนลงบ้าง
“เจ้าโตจนปิ่นก็ปักได้ปีหนึ่งแล้ว เหตุใดเจ้ายังซุกซนราวกับยังเป็นเด็กอยู่อีก หากกลับเมืองหลวงไปผู้คนไม่หัวร่อหรือไร ว่าจวนหนิงอ๋องมีบุตรสาวไม่ได้ความผู้หนึ่ง เป็นเช่นนี้จะแต่งออกไปบ้านใดได้อีก!”
“อาหมิ่น ตบแต่งอันใดกัน เสี่ยวซีของพวกเรายังเป็นเด็กน้อย แต่งไม่ออกพ่อก็เลี้ยงเจ้าได้”
หนิงอ๋องพูดด้วยน้ำเสียงขึงขังจริงจังส่วนบุตรสาวก็ยิ้มรับคำบิดาไม่โต้แย้งใดใด นั่นกลับทำให้พระชายาหลูต้องถอนหายใจออกมา หนิงอ๋องผู้เป็นสามีของนางถึงกับมีความคิดเหลวไหลผิดแผกจากธรรมเนียมของแคว้น เป่ยหยา ดังเช่นหากซ่างกวนซีไม่มีความคิดจะตบแต่งกับผู้ใด ตัวเขาก็ยินดีจะเลี้ยงบุตรสาวคนนี้ไปตลอดชีวิต
อีกทั้งหนิงอ๋องยังเคยให้พ่อค้าทาสคัดเลือกชายงามมาให้ซ่างกวนซีเลือกสรรคนที่ถูกใจไว้ปรนนิบัติตั้งแต่นางอายุสิบสี่ปี พระชายาหลูเมื่อคิดถึงเรื่องนี้คราใดคล้ายกับว่าเลือดลมตีขึ้นหน้านางด้วยความโมโหทุกครั้ง ยังดีที่ซ่างกวนซีในตอนนั้นไม่ได้ไร้หัวคิดจนเผลอตอบตกลงตามหนิงอ๋องไปอีกคน
การกระทำผิดแผกและไม่แยแสในขนบธรรมเนียมของหนิงอ๋องล้วนมีที่มาที่ไป หนิงอ๋อง มีบรรดาศักดิ์ชินอ๋อง แห่งแคว้นเป่ยหยาและเป็นอ๋องต่างแซ่ผู้เดียวที่มียศถาบรรดาศักดิ์สูงและมีฐานอำนาจกว้างขวาง
นั่นก็เพราะสกุล ซ่างกวน นั้นสืบอำนาจเป็นแม่ทัพใหญ่คอยปกปักรักษาชายแดนมาหลายชั่วอายุคน และในอดีตสกุลซ่างกวนนั้นเป็นหนึ่งในสามวีรบุรุษผู้ร่วมก่อตั้งแคว้นเป่ยหยาร่วมกับสกุลจ้าวและสกุลเซวียน
ในสามตระกูลใหญ่จ้าว เซวียน และซ่างกวนต่างร่วมกันคานอำนาจกันมาหลายยุคหลายสมัย วาจาสัตย์ที่บรรพบุรุษสกุลซ่างกวนได้ให้ไว้ในก่อนตั้งแคว้นเป่ยหยาว่าจะขอปกปักรักษาแว่นแคว้นแต่ไม่ปกครอง
ทำให้บุตรหลานสกุลซ่างกวนยึดถือเอาวาจานั้นอย่างเคร่งครัด ฮ่องเต้ที่ถูกบันทึกในประวัติศาสตร์แคว้นจึงไม่มีคนแซ่ซ่างกวนเลยสักคนเดียว มีเพียงฮ่องเต้ที่มาจากสกุลจ้าวสลับกับสกุลเซวียนเท่านั้น
กาลเวลาล่วงผ่านสกุลจ้าวจากที่เคยเพลี่ยงพล้ำในการผลัดเปลี่ยนแผ่นดินกับสกุลเซวียนหลายครั้ง สกุลจ้าวจึงผันตัวกลายมาเป็นเสาหลักขุนนางฝ่ายบุ๋นของราชสำนักแทน
นับตั้งแต่นั้นฮ่องเต้แคว้นเป่ยหยาล้วนสืบเชื้อสายมาจากคนสกุลเซวียน หากมองภายนอกสกุลเซวียนนั้นมีรากฐานแข็งแกร่งมั่นคง สามารถครองบัลลังก์ได้กว่าร้อยปี ทว่าภายในกลับระส่ำระส่ายเกิดการแย่งชิงอำนาจระหว่างคนในสกุลเซวียนอยู่บ่อยครั้ง
ดังเช่นเหตุการณ์เมื่อสิบห้าปีก่อนเกิดเหตุการณ์นองเลือดครั้งใหญ่ ในประวัติศาสตร์ เกิดการขัดแย้งภายในสกุลเซวียน นำโดยอดีตจวิ้นอ๋องเซวียนอวี้ นำกองกำลังส่วนหนึ่งเข้ายึดวังหลวงโค่นล้มพี่ชายของตน
โดยอาศัยช่วงที่นายท่านผู้เฒ่าซ่างกวนหรือท่านปู่ของนางและหนิงอ๋องบิดาของนางที่เป็นเพียงซื่อจื่ออยู่ในเวลานั้นทำการศึกภายนอกอยู่ สังหารทายาททั้งพระราชโอรสและพระราชธิดาของฮ่องเต้ราชวงศ์ก่อนทุกพระองค์แล้วตั้งตนเป็นฮ่องเต้พระองค์ใหม่ เริ่มรัชศกใหม่ตั้งแต่นั้นมา
ถึงกระนั้นไม่ว่าพวกเขาจะผลัดเปลี่ยนแผ่นดินไปอยู่คนแซ่เซวียนคนใด ก็มิอาจแต่ก็ไม่อาจสั่นคลอนฐานอำนาจหนิงอ๋องผู้เป็นแม่ทัพใหญ่และจิตศรัทธาของชาวเป่ยหยาที่บูชาคนสกุลซ่างกวนในฐานะแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดินได้
เหตุการณ์นองเลือดวังหลวงเมื่อสิบห้าปีก่อน แม้จะแสดงแสนยานุภาพเซวียนอวี้จะร้ายกาจปานใด ทว่าพยัคฆ์ร้ายอย่างฮ่องเต้เซวียนอวี้ยังคงมีคนใต้อาณัติได้ทำการประมาทเลินเล่อปล่อยปลาตัวใหญ่หลุดรอดไปจากแหอย่าง เซวียนจิ้ง ผู้เป็นองค์ชายเก้าที่อายุเพียงเจ็ดปี ผู้เป็นโอรสองค์สุดท้องของฮ่องเต้ราชวงศ์ก่อนไป
หากแต่ผู้ใดจะคาดคิดได้ว่า สิบห้าปีให้หลังเซวียนจิ้งผู้ได้รับบทบาทเป็นทรราชตัวร้ายในเรื่องได้กลับมาทวงแค้นได้สำเร็จ สำหรับนางแล้วเซวียนจิ้งผู้นี้นับว่าเป็นผู้มีความสามารถอย่างแท้จริง
แม้กระทั่งพระเอกอย่างฮั่วโยวเองก็ต้องพลาดท่าให้เล่ห์เหลี่ยมเขาอยู่หลายหน นางคิดว่าหากฮั่วโยวไม่ใช่ลูกรักนักเขียนและมีซ่างกวนซีคนก่อนคอยหนุนหลัง รวมทั้งมีสกิลขั้นเทพของพระเอกตีรันฟันแทงไม่เข้ามีหรือจะล้มปรมาจารย์ด้านความชั่วช้าอย่างเซวียนจิ้งได้
ระหว่างซ่างกวนซีกำลังย้อนนึกถึงประวัติศาสตร์ของแคว้นเป่ยหยาอยู่ในหัวนั้น ก็ถูกเสียงแค่นจากลำคอของพระชายาหลูเอ่ยถากถางหนิงอ๋องไปพลาง ๆ ปลุกนางให้หลุดจากภวังค์
“ท่านอ๋องคิดจะเลี้ยงดูลูกไปตลอดชีวิต ท่านได้ถามเสี่ยวซีแล้วหรือยังว่านางยังต้องการให้ท่านเลี้ยงดูอยู่อีกหรือไม่” พระชายาหลูพูดด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม ใช้สายตาคมกริบจ้องมองมาที่พ่อลูกพลางเอ่ยต่อไป
“จำไม่ได้แล้วหรือว่า บุตรีสุดที่รักของท่านเริ่มให้คนไปปล่อยข่าวลือว่าตนนั้นเป็นสตรีที่เพียบพร้อมไปด้วยรูปโฉมและจรรยาหญิง เพียงแค่ได้เห็นหน้าเจ้าหนุ่มแซ่ฮั่วผู้นั้น”
คำพูดของพระชายาหลูนั้น ได้ทำให้หนิงอ๋องพูดจาไม่ออกเพราะหลงลืมการกระทำเมื่อปีที่แล้วของบุตรสาวตน ที่แสดงออกอย่างชัดเจนว่าชอบพอหย่งฉินโหวซื่อจื่อผู้นั้นเหลือเกิน
ยิ่งคิดยิ่งหัวใจของหนิงอ๋องพลันหดหู่ที่บุตรสาวเป็นงดงามดั่งมณีหลิวหลีหมายมั่นจะแต่งให้ผู้อื่นจริง ๆ