เช้ามืดก่อนพระอาทิตย์จะขึ้น แสงสลัวจากโถงชั้นล่างทอดเงาเย็นบนพื้นหินอ่อน เสียงฝีเท้าของเอเดนหนักและนิ่งเหมือนทุกเช้าที่เขาออกไปทำงานเร็วเกินกว่าจะมีใครตื่น
เขาหยุดหน้าห้องนอนของลูกชายแตะหลังมือกับประตูเบา ๆ ไม่ถึงกับเคาะเหมือนแค่เช็กให้แน่ใจว่าเด็กยังอยู่ใกล้เขา
หลังจากนั้นเขามองไปยังทางเดินที่ทอดไปยังห้องรับรองซึ่งลินาพักอยู่ ดวงตาคมกริบวูบหนึ่งแบบที่ตัวเขาเองอาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเผลอมองหาอะไรบางอย่าง
“ดูแลบ้านให้ดี” เขาสั่งคนสนิทสั้น ๆ ก่อนออกจากคฤหาสน์โดยที่ทั้งสองคนไม่มีใครรู้ว่าเขาออกไป ลินายังหลับอยู่
นีโอก็ยังซุกตัวใต้ผ้าห่มอย่างสงบ เอเดนคิดว่า ทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุม …และเขาคิดผิด
รถคันหรูสีเข้มแล่นเข้าสู่ลานจอดรถของคอนโดในช่วงเช้าตรู่ของวัน คนขับรถลงมาจัดการเปิดประตู แต่ยังไม่ทันได้เปิดนีโอก็เปิดประตูจากด้านในพรวดออกมาแล้ววิ่งอ้อมไปฝั่งลินาด้วยความตื่นเต้น
“พี่ลินา ถึงแล้วฮะ” น้ำเสียงสดใสตัดกับความเงียบของเช้ามืดในคอนโดอย่างน่ารัก ลินาหัวเราะนิด ๆ ก่อนก้าวลงจากรถ
“ขอบใจนีโอมากนะคะที่มาส่ง เดี๋ยวพี่ขึ้นไปเองได้”
“ไม่ได้ฮะ!! เดี๋ยวผมเดินไปส่งที่ลิฟต์เผื่อมีคนร้ายปลอมตัวเป็นคนคอนโด” แต่เด็กชายส่ายหัวแรงมาก จนคนขับรถสำลักไอเล็กน้อย ราวกับกลั้นหัวเราะไม่อยู่ แต่รีบปรับหน้าเรียบเป็นปกติทันที
“คุณหนูนีโอครับ คนร้ายไม่น่าจะมาอยู่คอนโดแบบนี้นะครับ”
“คุณลุงไม่รู้หรอกครับ พวกคนร้ายชอบทำตัวแนบเนียน!!” นีโอทำหน้าจริงจังสุดชีวิตจนลินาต้องรีบย่อตัวลงลูบหัวเด็กด้วยความเอ็นดู
“พี่อยู่ที่นี่มาตั้งหลายปี ไม่เคยมีอะไรเลยค่ะ เชื่อพี่นะครับ”
“แต่ถ้าพี่ลินาเป็นอะไร…” นีโอพูดด้วยใบหน้ากังวลจนลินารู้สึกใจอ่อนมากกว่าเดิม
“งั้นเดินไปส่งที่ลิฟต์ก็ได้ค่ะ แค่ตรงนั้นนะ” นีโอยิ้มกว้างทันทีแล้วคว้ามือเธอไปจับแน่นคนขับรถเดินตามหลังสองก้าวเพื่อไม่ให้ดูรุกราน แต่ก็พร้อมจะช่วยหากมีอะไรเกิดขึ้น ระหว่างเดินเข้าล็อบบี้ นีโอก็ชะงัก มองรอบ ๆ ราวกับกำลังตรวจตราพื้นที่ คนขับอดไม่ได้ที่จะเอ่ยเบา ๆ
“คุณหนูครับ นี่ไม่ใช่ภารกิจลับนะครับ”
“แต่พี่ลินาต้องปลอดภัยที่สุดฮะ” ลินาแอบอมยิ้มหัวใจเธออบอุ่นขึ้นเรื่อย ๆ จากความตั้งใจจริงของเด็กชายเมื่อถึงหน้าลิฟต์ เธอกดปุ่มเรียกนีโอไม่ยอมปล่อยมือจนนาทีสุดท้าย
“พี่ลินาขึ้นไปคนเดียวได้นะฮะ??” เสียงเด็กแผ่วลงเหมือนกลัวว่าคำตอบจะทำให้เขากังวล
“ค่ะ พี่โอเคจริง ๆ นีโอต้องไปโรงเรียนแล้วนะ เดี๋ยวจะสาย”
“งั้น… พี่ลินาจุ๊บแก้มนีโอหน่อยได้ไหมฮะ?? เผื่อเป็นโชคดีก่อนเข้าเรียน” ลินาหัวเราะออกมาเต็มเสียง
“ได้สิคะ” เธอลูบหัวเขาเบา ๆ สองทีก่อนจะก้มลงหอมแก้มนุ่มทั้งสองข้าง การกระทำของลินาทำนีโอทำหน้าเคลิ้มหน้าแดงจนคนขับรถหลุดยิ้มตาม
ติ๊ง ประตูลิฟต์เปิดขึ้นลินาโบกมือลา
“ขอบคุณทั้งนีโอและคุณลุงมากนะคะ”
“พี่ลินา เจอกันเย็นนี้นะฮะ!! ผมจะให้ลุงมารับ!!” นีโอโบกมือแรง ๆ จนแขนแทบหลุด ส่วนคนขับรถโค้งตัวให้เธอเล็กน้อยอย่างสุภาพ
“ถึงห้องแล้วรบกวนส่งข้อความบอกผมนิดหนึ่งนะครับ คุณอะ… เอ่อ คุณท่านจะได้สบายใจ”
ประตูลิฟต์กำลังจะปิด ลินารีบยิ้มเขิน ๆ แล้วพยักหน้า ขณะประตูปิดสนิท เสียงนีโอสุดท้ายก็ลอดเข้ามา
“ถ้าพี่ลินาอยู่คนเดียวแล้วกลัว โทรหาผมนะฮะ!! ผมจะ… เอ่อ… ให้ลุงมารับทันที!!”
ประตูปิด ทิ้งให้ลินายืนหัวเราะเบา ๆ เธอคิดว่าเช้านี้จะเป็นเหมือนทุกวัน แต่ตอนนี้หัวใจกลับอุ่นขึ้นอย่างประหลาด เพราะเด็กชายตัวเล็กคนหนึ่งที่กังวลแทนเธอมากกว่าตัวเองเสียอีก
ลินาเดินผ่านรั้วมหาวิทยาลัยพร้อมกระชับสายกระเป๋า เมื่อคืนเธอนอนไม่ดึกไม่ถึงสองทุ่มด้วยซ้ำ แต่ความวุ่นวายและความเอ็นดูจากเด็กคนหนึ่งยังคงติดอยู่ในใจจนถึงตอนนี้ ระหว่างที่กำลังก้าวผ่านลานกว้าง มือถือเธอสั่นขึ้น เป็นข้อความจาก ‘ลุงณัฐ’
ลินา : ถึงคอนโดแล้วค่ะ
ลุงณัฐ : ครับ คุณหนูนีโอให้ผมบอกว่า พี่ลินาห้ามลืมกินข้าวเช้านะครับ
ลินา : ค่ะ
ลินาชะงัก หัวใจอุ่นขึ้นนิดหนึ่ง เด็กคนนี้… จริงจังเกินไปแล้วนะ เธอหลุดยิ้มเบา ๆ ก่อนจะเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าแล้วเดินต่อไปยังอาคารเรียน
ลินาเดินมาถึงห้องเรียน นักศึกษาหลายคนเริ่มทยอยเข้าไป เธอกำลังเดินหาที่นั่งเงียบ ๆ ตามนิสัย แต่เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นก่อน
“อ้าว!! ลินา มาแล้วเหรอ??” เป็นฝนเพื่อนร่วมชั้นที่เคยนั่งกลุ่มเดียวกันตอนทำงานกลุ่มครั้งก่อน ไม่สนิทแต่พอรู้จักกันมากพอจะยิ้มให้กันได้ ลินายิ้มสุภาพกลับไป
“อืม” ฝนพยักหน้าแล้วมองหน้าลินาตั้งใจนิดหนึ่ง
“เมื่อวานเธอออกจากห้องเร็วมากเลยนะ เราเรียกแต่เธอไม่ได้ยิน เหนื่อยเหรอ??” น้ำเสียงไม่ได้สอดรู้สอดเห็น ไม่จับผิด แค่ถามตามมารยาทของคนรู้จักที่พอเป็นห่วงอยู่บ้าง ลินาเลยตอบกลับนุ่ม ๆ
“มีธุระนิดหน่อยน่ะ ก็เลยรีบ”
“อ๋อ… งั้นเหรอ” ฝนยิ้มแล้วนั่งลงในที่ของตัวเองอย่างไม่คาดคั้นต่อ
ลินานั่งฝั่งริมหน้าต่าง สูดหายใจเข้าจนเต็มปอด เธอรู้สึกโล่งใจนิดหน่อยที่อีกฝ่ายไม่ได้ถามมากไปกว่านี้ เพราะเธอไม่อยากอธิบายอะไรให้ใครฟังโดยเฉพาะคนไม่สนิท
เสียงบีบแตรที่ฟังดูมั่นใจมากกว่าหงุดหงิดดังขึ้นหน้าคณะ จนหลายคนหันมามองพร้อมกัน ลินาที่เพิ่งออกมาจากอาคารเรียน ชะงักทันทีเมื่อเห็นรถสีแดงสดจอดเด่นอยู่ริมฟุตบาท
และคนที่ยื่นตัวจากในรถออกมาตะโกนเรียกเธอคือ ซอลในชุดสีน้ำเงินเข้มผมรวบเรียบแต่หน้าแน่นจัดเต็มจนคนเดินผ่านต้องเหลียวหลังกันทั้งแถบ ต่างกับเด็กสาวที่เดินออกมาจากอาคารเรียนแบบสุดขั้ว ลินาในเสื้อเชิ้ตนักศึกษาตัวหลวม ผมรวบลวก ๆ บางปอยหลุดออกมาคลอหน้า กระโปรงยาวกว่าปกตินิดหน่อย รองเท้าผ้าใบสีซีด และหน้าสดแบบที่เห็นรอยคล้ำใต้ตาชัดเจน ไม่มีเครื่องสำอาง ไม่มีเครื่องประดับ ไม่มีอะไรสะดุดตาเลย
“ยัยลินา!! ขึ้นรถเร็ว!!” นักศึกษาหลายคนสะดุ้ง ลินารีบก้มหน้าเดินเร็ว ๆ มาเปิดประตูขึ้นรถทันทีเพราะอายที่โดนเรียกเสียงดัง
“พี่ซอลจะเสียงดังทำไมเนี่ย!!!” ซอลยักคิ้วเหลือบมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าเหมือนจะถามว่า นี่ตั้งใจแต่งแบบนี้จริงเหรอ ก่อนจะดีดนิ้วใส่ลมหนึ่งที
“ก็ถ้าไม่ตะโกน เธอจะได้ยินมั้ยยะ?? เดินก้มหน้าก้มตาเหมือนหนี FBI แบบนั้นน่ะ!!” ลินารีบปิดประตูแล้วหดตัวลงกับเบาะ
“คนมองเต็มเลย อายจะตายอยู่แล้ว” ซอลถอนหายใจแรง ๆ แต่สายตากลับเต็มไปด้วยความเอ็นดู
“โอ๊ยยย ลูกสาวพี่คนอื่นเขามองรถ ไม่ได้มองเธอหรอก ไม่ต้องเขิน” ลินาหันขวับมองซอลด้วยสายตาดุดุ
“พี่ซอล!!”
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ โอเค ๆ ไม่แซวแล้ว แต่วันนี้เราจะไปถ่ายงานนะ” ซอลเลิกคิ้วพลางใช้ปลายนิ้วแตะคางลินาเบา ๆ “ลินา นี่เธอแต่งหน้ามั้ย”
“ไม่ได้แต่ง” ลินาก้มมองมือ
“โอ๊ย!! ยัยเด็กคนนี้!! เธอเป็นนางแบบนะ” คนขับรถหัวเราะกดคันเร่งออกจากลานมหาลัยเบา ๆ แต่ซอลยังไม่หยุดบ่น
“หน้าโล้น กระโปรงยาว รองเท้าเหมือนผ่านสงครามโลกมา แล้วดูผมสิ ผมรวบแบบนี้คืออะไรคะ?? จู่โจมคณะศิลปะเหรอ??” ลินาเม้มปาก ก่อนพูดเบาเหมือนกระซิบ
“ก็หนูไม่อยากให้คนจำหน้าได้ ไม่อยากมีปัญหานี่นา” คำพูดนั้นทำให้ซอลเงียบไปพักหนึ่ง แววตาเธอนิ่งลงทันที
“รู้แล้วล่ะว่าทำไมทำแบบนี้ แต่เธอไม่ใช่คนที่ต้องหลบใครนะลินา” น้ำเสียงซอลนุ่มลง “เธอสวยมาก รู้ตัวบ้างมั้ย”
“พี่ซอลอย่าพูดแบบนี้ค่ะ… หนูไม่ชอบให้คนมอง” ลินาส่ายหัวเร็ว ๆ
“ไม่ชอบให้คนมอง แต่เสนองานถ่ายแบบให้ทีไรไม่เคยปฏิเสธ… อะไรเอ่ย ขัดแย้งกับตัวเองสุด ๆ” ซอลยิ้มมุมปาก
“ก็… มันหาเงินได้” ลินาหน้าแดง
“อืม ๆ งั้นโอเค วันนี้ไปให้พี่แปลงร่างให้สวยจนคนในมหาลัยจำไม่ได้เลย จะได้สบายใจขึ้น” ซอลเอื้อมมือมาลูบหัวเธอเบา ๆ “พอถ่ายเสร็จ พี่จะส่งกลับคอนโดนะ” ลินาพยักหน้าเบา ๆ แต่ยังเกาะสายเข็มขัดนิรภัยแน่นอย่างประหม่า
ซอลแอบเหลือบเห็น แล้วหัวเราะในคอ
“ลินา วันนี้พี่ขอเตือนก่อนเลยนะงานนี้ไม่ธรรมดา ทีมนี้เขาเล็งเธอมาหลายรอบแล้ว พอเห็นคิวว่างปุ๊บ รีบจองทันที”
“หมายความว่าไงคะ??” ซอลยิ้มกว้างแบบมีเลศนัย
“หมายความว่า… ถ้าเขาได้เห็นหน้าจริง ๆ ของเธออีกครั้ง เธอจะหนีไปแต่งตัวบ้าน ๆ แบบนี้ไม่ได้แล้วล่ะ” คำพูดของซอลทำลินาลอบกลืนน้ำลาย มือเย็นเฉียบขึ้นมาเฉย ๆ
รถสีแดงสดแล่นออกจากรั้วมหาลัย พาเด็กสาวผู้ซ่อนความสวยทั้งหมดไว้หลังภาพลักษณ์บ้าน ๆ ตรงไปยังโลกอีกใบที่เธอพยายามหลีกเลี่ยงมาตลอด