เวลาเกือบสี่ทุ่ม สตูดิโอถ่ายแบบชั้นล่างปิดไฟเกือบหมด เหลือเพียงแสงสลัวจากหลอดไฟที่กะพริบหรี่ ๆ ลินาก้มหน้าเก็บของในกระเป๋าผ้าอย่างเหนื่อยล้า ในกระจกเมื่อครู่ เธอยังเห็นรอยแป้งบาง ๆ ที่ช่างแต่งหน้าช่วยแต่งให้อย่างปราณีตแต่ตอนนี้แทบหลุดหมดใบหน้าเธอกลับมาเป็นลินาแบบเดิมเรียบง่าย บ้าน ๆ ไร้การป้องกัน
“ลินา เสร็จแล้วใช่ไหม เดี๋ยวพี่สาวคนสวยไปส่ง” ซอลยังพูดไม่จบทันทีเสียงโทรศัพท์เธอก็ดังขึ้นจนต้องรีบรับสาย ลินาเห็นแบบนั้นก็ก้าวออกจากประตูสตูดิโอเพื่อรอด้านนอกแต่พอพ้นประตูลมหายใจเธอก็สะดุดค้าง
ตรงริมฟุตบาทไม่ไกล มีรถ SUV สีดำคันใหญ่จอดนิ่งสนิท ไม่ใช่รถทีมงาน ไม่ใช่รถซอล และไม่ใช่รถที่ควรมาอยู่ในซอยมืด ๆ แบบนี้ตอนสี่ทุ่ม ไฟหน้ารถสว่างวาบขึ้นหนึ่งครั้งเหมือนส่งสัญญาณอะไรบางอย่างก่อนจะดับลงอีกครั้ง
ลินาชะงักทันทีหัวใจเหมือนหล่นจากตึกสิบชั้นประตูฝั่งคนขับเปิดออกช้า ๆ และคนที่ก้าวลงมาคือเอเดน เขาไม่ได้ใส่สูทเต็มยศเหมือนตอนอยู่คฤหาสน์ แต่ชุดลำลองสีเข้มยิ่งทำให้บรรยากาศรอบตัวเขากดต่ำกว่าเดิม ใบหน้าคมที่ปกตินิ่งอยู่แล้ว… ตอนนี้แข็งเหมือนหิน สายตาคมเข้มจ้องมาที่เธอไม่กะพริบ เหมือนผู้ล่าที่พบเป้าหมายเหมือนพายุที่กำลังจะถาโถมลงมาใส่เธอโดยตรง ลินาเผลอก้าวถอยหลังหนึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว
“คะ…คุณเอเดน??” เสียงของเธอเบาจนแทบไม่ได้ยิน เอเดนปิดประตูรถ ปัง เสียงดังนั้นยังไม่น่ากลัวเท่าใบหน้าเขาตอนนี้ เขาเดินเข้ามาก้าวไม่เร็ว แต่หนักและแต่ละก้าวทำให้ลินาหายใจติดขัดมากขึ้น จนกระทั่งยืนอยู่ตรงหน้าเธอใกล้จนลมหายใจเขาแตะผิวหน้าเธอได้
“งานเสร็จแล้ว??” เสียงทุ้มเรียบ แต่แฝงด้วยความกดที่หนักจนเหมือนจะบดเธอให้แหลก มันไม่ใช่คำถาม
เป็นคำชี้นำที่ถ้าตอบพลาด… เขาอาจลากเธอไปเคลียร์ทันที ลินากลืนน้ำลาย
“ค่ะ ฉันเพิ่งถ่ายเสร็จ แล้วพี่ซอล...”
“ขึ้นรถ!!” น้ำเสียงเขาไม่ดัง ไม่ดุ แต่ เด็ดขาด จนไม่ให้ช่องว่างแม้ครึ่งคำ
“แต่ฉันต้อง…”
“ลินา” เขาเรียกชื่อเธอช้า ๆ โทนเสียงนั้นไม่ได้ตะคอกแต่คมพอจะหั่นลมหายใจเธอเป็นชิ้น ๆ
“ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาเถียงว่าคุณควรอยู่ที่ไหน” สายตาเขาตวัดเข้าลึกจนเธอสะดุ้ง
“คุณหายไปทั้งวันโดยไม่บอกสักคำ” เขาโน้มใบหน้าเข้าใกล้ ใกล้พอให้ได้ยินเสียงหายใจเขาชัดเจน
“…และผมต้องเป็นคนอธิบายทุกอย่างแทนคุณ” ลินาหน้าแดงวาบด้วยทั้งความผิดและความกลัว
เสียงแทบไม่ออก
“ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันคิดว่า…”
“คิดผิด” คำสั้น ๆ แต่แรงพอทำให้เธอเงียบสนิท ซอลที่เพิ่งเดินออกมาจากสตูดิโอเห็นฉากตรงหน้าก็ชะงัก
“เอ่อ… ลินา นี่ใคร??” เธอไม่ทันพูดต่อ เพราะเอเดนเหลือบตามองแค่เสี้ยววินาทีซอลก็เหมือนโดนแช่แข็งไปเอเดนหันกลับมาที่ลินา สายตาเย็นจัด แต่ข้างในลึกกว่านั้น…เต็มไปด้วยความห่วงที่แทบคุมไม่อยู่
“เราไปคุยกันต่อในรถ ก่อนที่ผมจะอารมณ์เสียมากกว่านี้”
มันฟังเหมือนคำเตือน แต่ลินารู้… มันคือคำขอร้องของผู้ชายที่เกือบคลั่งเพราะหาเธอไม่เจอทั้งวัน เธอกัดริมฝีปากแน่น ก่อนพยักหน้า
เอเดนไม่รอฟังคำตอบเขาเอียงตัวข้างหนึ่ง เหมือนกันเธอไว้ด้านใน แล้วพาเดินไปที่รถ เหมือนพา ‘ของสำคัญ’ กลับที่มันควรอยู่ และทันทีที่ประตูรถปิดลงโลกทั้งใบของลินาเหลือเพียงแค่เขากับความเงียบที่พร้อมจะระเบิดทุกวินาที
ซอลที่ยืนอยู่หน้าสตูดิโอค้างเหมือนรูปปั้น เธอไม่เคยเห็นลินามีใครมารับด้วยรถราคาไม่ต่ำกว่าสามล้าน และไม่เคยเห็นผู้ชายคนไหนมองลินาด้วยสายตาแบบนั้น สายตาที่เหมือนจะฆ่าคนได้แต่ก็พร้อมจะห่มผ้าให้ลินาถ้าเธอหนาว
ประตูรถฝั่งผู้โดยสารถูกดึงปิด ปัง เบา ๆ ซอลสะดุ้งเฮือก
“บะ... แบบนี้มัน…” เธอพึมพำกับตัวเอง
“ลินาไปติดหนี้มาเหรอ หรือเป็นเสี่ย?? หรือโอ๊ย!! ตายแล้ว!!” ไฟหน้ารถ SUV สาดสว่างขึ้นอีกครั้ง แล้วรถก็เคลื่อนออกไปอย่างนุ่มนวล แต่บรรยากาศรอบมันกลับหนักจนซอลยืนเหงื่อซึมทั้งที่อากาศเย็น
“ผู้ชายอะไรน่ากลัวชะมัด” ซอลลูบแขนตัวเอง
“แล้วลินาไปก่อเรื่องอะไรเนี่ย”
ทันทีที่ประตูรถปิดลง ความเงียบก็ถาโถมใส่ลินาเหมือนผ้าห่มหนักที่กดทับจนหายใจแทบไม่ออก กลิ่นน้ำหอมเย็นคมของเอเดนอบอวลอยู่เต็มพื้นที่แคบ ๆ ไม่มีที่ให้เธอหลบหนีได้เลยเขาไม่พูด ไม่แม้แต่ขยับแต่กลับมองเธอผ่านกระจกมองหลังสายตาคมที่ทั้งจับผิด ทั้งห่วง ทั้งไม่ไว้ใจจนลินานั่งตัวแข็งเหมือนถูกตรึงอยู่กับเบาะ เอเดนวางแขนบนพวงมาลัยช้า ๆ เส้นเลือดบนแขนเขาเด่นชัดจนลินาต้องกลืนน้ำลายอย่างไม่รู้ตัว
“เงียบทำไม” เสียงต่ำของเขาเบาแต่กดลึกจนสั่นไปทั้งรถ
“ฉันกำลังจะอธิบาย…”
“ผมไม่ได้บอกให้คุณ อธิบาย” เอเดนหันมาทางเธอเต็มตัวแววตาคมตวัดขึ้นอย่างเฉียบ
“ผมถามว่า ทำไมเงียบ??”
“ก็… คุณดูโกรธมาก ฉันกลัว” ลินาหลบสายตาทันที เงียบอีกครั้งแต่ไม่ใช่ความเงียบแบบเดิมมันหนักกว่าอัดแน่นกว่า เหมือนเขากำลังกลืนคำบางคำไม่ให้ระเบิดออกมา เอเดนขยับตัวเข้ามาใกล้ ทีละนิ้ว ทีละลมหายใจ จนลินาต้องถอยจนหลังติดเบาะ
“ผมโกรธเพราะคุณออกไปโดยไม่บอกผม ทั้งที่ผม… สั่งให้คุณอยู่บ้าน” เสียงต่ำลึกที่หลุดออกมาจากอกเขาเหมือนแรงกระแทกที่ตีกลับเข้าอกเธอ ทำให้ลินาไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงกลัวว่าเขาจะหลุดคุมทันทีที่เธอเผลอขยับ มือใหญ่ของเขายังกดพวงมาลัยแน่นจนข้อขาวเส้นเลือดโป่งขึ้นชัดเหมือนเขากำลังสะกดตัวเองไม่ให้คว้าเธอเข้ามาเขย่าแรง ๆ
“แต่ฉันไปมหาลัย ฉันคิดว่า… มันไม่เป็นไรแล้ว ฉันไม่อยากรบกวนคุณค่ะ” เอเดนหันมองเธอช้า ๆ สายตานิ่ง จับจ้องความเงียบระหว่างทั้งคู่ตึงจนเหมือนเส้นลวดพร้อมขาด
“ไม่เป็นไร??” เขาทวนคำช้า ๆ เสียงต่ำลึกจนเหมือนหัวเราะเยาะทั้งที่ปากไม่ยิ้มเลย
“คุณหายไปทั้งวัน แล้วคุณคิดว่ามัน ไม่เป็นไร งั้นเหรอ??”
“ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้คิดว่าจะ…”
“ใช่” เขาตัดบททันที “คุณไม่ได้คิด”
ลินาก้มหน้าลง คำว่า ไม่ได้คิด เจ็บกว่าการโดนดุหลายเท่า เอเดนถอนหายใจแรงหนึ่งครั้ง ไม่ใช่เพราะเหนื่อย… แต่เหมือนเขาโกรธตัวเองที่กำลังคุมไม่อยู่ จากนั้นเขาก็ก้มตัว เข้ามาใกล้เธออีกครั้งใกล้จนลมหายใจเขาแตะผิวแก้มเธอ ปลายนิ้วแตะแนวคางเธอเบา ๆ แต่หนักพอจะทำให้เธอตัวสั่นทั้งตัว
“มองผม ลินา” ลินาเงยหน้าอย่างเสียไม่ได้ เขาเรียกชื่อเธอเบากว่าเดิม เบา…แต่ทิ่มลึกกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา
เต็มไปด้วยความห่วงที่เขาไม่อยากยอมรับ
“คนที่เพิ่งถูกล่าเมื่อไม่กี่วันก่อนไม่ควร ‘หายไป’ ไม่ควรเดินคนเดียว ไม่ควรกลับคอนโดโดยไม่บอกใคร และไม่ควรถ่ายงานจนมืดโดยไม่มีคนดูแล” ลินากะพริบตาคอหอยแห้งผากนี่…ไม่ใช่การดุ นี่คือความกลัว กลัวว่าเธอจะเป็นอะไรไป
“แล้ว… คนที่บ้านล่ะคะ” เสียงเธอเบาจนแทบเป็นลม เอเดนหันมองนอกหน้าต่างกรามเกร็งจนเห็นเส้นสัน
“นีโอร้องไห้หาคุณ ลุงณัฐเครียดจนต้องให้ผมเรียกไปคุย ซีออนถูกเกือบยิงทิ้งเพราะไม่ทำตามคำสั่ง”
“คะ... คุณเกือบยิงเขาจริงเหรอคะ!?” ลินาเบิกตากว้าง เอเดนมองเธอนิ่งคำตอบอยู่ในสายตาทั้งหมดและมันชัดจนไม่ต้องพูดเพิ่ม
“ผมจะไม่ให้ใครทำอะไรคุณ” เขาพูดช้า ๆ ชัดเจน ลินาหลบสายตาทันทีหน้าแดงทั้งเพราะอาย ทั้งเพราะสับสนว่าความรู้สึกในอกตัวเองตอนนี้คืออะไร
“ผมไม่ได้โกรธที่คุณดื้อ” เอเดนเอื้อมมือขึ้นจับคางเธออีกครั้งแรงนุ่ม แต่คำที่ออกจากปากเขาแทบทำให้เธอหายใจไม่ออก
“ผมแค่ไม่อยากผิดคำพูดที่บอกว่าจะปกป้องคุณ เพราะคุณช่วยลูกชายผมไว้” ลินาใจสะดุดเหมือนหัวใจหยุดเต้นไปหนึ่งจังหวะเต็ม ๆ เอเดนปล่อยคางเธอช้า ๆ แล้วถอยกลับไปนั่งแต่แววตายังไม่ละจากเธอ
“คาดเข็มขัดซะ ลินา”