ข้อความนั้นจากพี่ชายของสามี ทำให้กานต์แก้วรู้สึกตกใจเล็กน้อย แต่ทว่ามันก็ช่วยดึงเธอออกจากอารมณ์ในตอนนี้พอดี
หญิงสาวพ่นลมหายใจแผ่วเบา แล้วตั้งสติกับตัวเอง
ในที่สุดก็ตัดสินใจตอบรับเขากลับไป
KanKaew : เดี๋ยวแก้วลงไปค่ะ
เมื่อตอบเขาเสร็จ เธอก็ลุกจากเตียงไปหยิบเสื้อคลุมมาสวมอีกครั้ง ก่อนจะรีบก้าวเดินลงจากบันได ไปยังห้องครัวของบ้าน
ในตอนนั้นเอง หญิงสาวก็พลันมองเห็นแผ่นหลังกว้างแกร่ง ซึ่งอุดมไปด้วยมัดกล้ามของชานนท์ โดยไม่มีเชิ้ตหรือสูทมาปกคลุมเหมือนอย่างทุกครั้ง ทำเอาหัวใจของกานต์แก้วเต้นตึกตักไปหมด
ตอนนี้ชายหนุ่มกำลังง่วนอยู่กับการเวฟอาหารสำเร็จที่เขาซื้อติดมือกลับบ้านมาเหมือนอย่างทุกวัน จึงไม่ทันเห็นเธอที่กำลังกลืนน้ำลายลงคอ ด้วยความหวาบหวิวภายในอก
เมื่อสูดลมหายใจเข้าออกจนตั้งสติได้แล้ว เธอจึงเอ่ยปาก
"พี่นนท์...ให้แก้วช่วยไหมคะ..."
เสียงหวานที่เอ่ยถาม ทำให้ชานนท์หันหลังกลับมา
และนั่นก็ยิ่งทำให้กานต์แก้วแทบจะเป็นลมมากกว่าเดิม
เรือนกายช่วงบนของชานนท์เต็มไปด้วยมัดกล้ามหนั่นแน่น โดยเฉพาะช่วงลอนหน้าท้อง ที่ลากยาวเป็นตัววีลงไปถึงกางเกง
ทำเอากานต์แก้วถึงกับหายใจไม่ทั่วท้อง...
"ไม่เป็นไร เสร็จแล้ว" ชายหนุ่มตอบเสียงเรียบเช่นเคย
เขายกจานอาหารเหล่านั้นขึ้น แล้วปรายตามองไปยังโต๊ะที่เต็มไปด้วยสิ่งสร้างบรรยากาศโรแมนติกที่กานต์แก้วเตรียมไว้
แน่นอนว่าหญิงสาวรู้สึกอับอายจนต้องรีบวิ่งมาเก็บข้าวของพวกนั้น เตรียมจะเอาไปโยนทิ้ง ถ้าหากเขาไม่เอ่ยปากขึ้นก่อน
"ไม่เป็นไร ไปกินกันหน้าทีวีเถอะ"
เมื่อพูดจบ ร่างสูงของชานนท์ก็เดินนำไปยังห้องนั่งเล่น
กานต์แก้วที่ทำอะไรไม่ถูกก็ได้แต่รีบเดินตามไปอย่างงุนงง เมื่อเห็นว่าเขานั่งลงบนโซฟา พร้อมกับวางจานอาหารสำหรับเธอไว้ตรงที่ว่างข้าง ๆ ตัว หญิงสาวก็พลันชะงักไปในทันที
"เอ่อ...คือว่า..." เธอกล่าวด้วยเสียงที่ไม่ค่อยมั่นใจนัก
"นั่งตรงนี้แหละ จะได้ดูหนังได้ถนัด" เขาเอ่ยตอบ
กานต์แก้วก็ไม่รู้จะปฏิเสธเขาอย่างไร จึงได้แต่ตามไปนั่งลงในจุดที่เขาเอ่ยบอก และพลันสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของชายหนุ่ม
เป็นกลิ่นเหงื่อจาง ๆ ผสานกับกลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ และมีกลิ่นบุหรี่ปะปนเล็กน้อย ช่างเป็นกลิ่นเฉพาะตัวที่มีเสน่ห์จริง ๆ
ไม่รู้ทำไม พอสูดกลิ่นอายนั้นเข้าไปแล้วร่างกายของเธอกลับรู้สึกปั่นป่วน หวิว ๆ ในอก แม้แต่ริมฝีปากสวยก็ยังแห้งผาก
"กินสิ ไม่ต้องกลัว ฉันไม่ได้ทำเอง"
ชายหนุ่มกล่าวยั่วเย้า แม้ใบหน้าของเขาจะไม่ได้ยิ้มหัวเราะอะไรมากมายนัก แต่แค่มุมปากหยักที่ยกขึ้นก็ทำเธอใจเต้นแล้ว
"ค่ะ..." กานต์แก้วตอบเบา ๆ ก่อนจะตักอาหารเข้าปาก
แม้ว่ามันจะรสชาติเหมือนอาหารสำเร็จรูปทั่วไป แต่ก็นับว่าอร่อยมากขึ้น เมื่อมีใครสักคนนั่งกินข้าง ๆ พร้อมดูหนังไปด้วยกัน
ในสถานการณ์ที่ไม่ควรมีฉากตลกโปกฮาจนสำลักอาหาร หรือไม่ก็พวกฉากน่ากลัว ชวนอาเจียน อย่างหนังสยองขวัญ
วินาทีนี้ หนังรักโรแมนติก นับว่าเหมาะสมที่สุดแล้ว
เนื้อหาเบาสบาย ทำให้อาหารที่กินอร่อยขึ้น
ทว่า ในบรรยากาศแบบนี้ แทนที่กานต์แล้วจะจดจ่ออยู่กับอาหารและหนัง แต่เธอกลับเผลอตัว เหลือบมองเสี้ยวหน้าคมเข้มอยู่เป็นระยะ จนกระทั่งอาหารหมดจาน อีกฝ่ายจึงหันมาสบตา
"มีอะไรเหรอ?" เขาเอ่ยถามเธอเบา ๆ
กานต์แก้วถึงกับสะดุ้ง ได้แต่หันหน้ากลับมามองโทรทัศน์ ซึ่งตอนนี้กำลังฉายฉากเลิฟซีน ที่พระนางเล่นกันอย่างสมจริง
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ภาพพวกนั้นมันกระตุ้นอารมณ์บางอย่างในร่างกายของเธอ โดยเฉพาะอารมณ์ที่ถูกกดทับไว้ ก่อนจะลงมา
แม้เธอจะเลี่ยงสายตาหลบจากภาพบนหน้าจอไปแล้ว
แต่แน่นอนว่าอารมณ์พวกนี้ มันไม่ใช่ว่าจะจางหายไปง่าย ๆ
สุดท้ายกานต์แก้วเลยต้องทำทีเป็นว่าจะลุกขึ้น
"เดี๋ยวแก้วจะเอาจานไปล้างให้ค่ะ พี่นนท์ดูหนังเถอะ"
แต่แล้ว ขณะที่เธอเอื้อมมือไป ยังไม่ทันได้หยิบจานขึ้นมา พลันก็ถูกอุ้งมือหยาบกร้านอย่างคนขยันทำมาหากินจับไว้ก่อน
"เดี๋ยวค่อยไปก็ได้ อยู่ดูหนังด้วยกันให้จบก่อน"
ชายหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยเหมือนอย่างปกติ
ไม่สามารถคาดเดาอะไรได้เลย...
กานต์แก้วพลันชะงัก เมื่อถูกรั้งไว้ด้วยคำขอของพี่ชายสามี สุดท้ายแล้ว เธอก็ไม่ได้เก็บจานไปล้างอย่างที่ตั้งใจ และจำต้องนั่งดูหนังกับเขาต่อ กระทั่งถึงตอนที่พระนางต่างเสร็จสมพร้อมกัน
จู่ ๆ ชานนท์ก็เอ่ยขึ้นอีกครั้ง ด้วยน้ำเสียงที่ต่างออกไป
"เธอกับชาลีมีอะไรกันบ่อยแค่ไหน..."
"คะ?" กานต์แก้วถามอย่างไม่อยากเชื่อหูตัวเอง
พี่ชายของสามี กำลังเอ่ยถามเรื่องบนเตียงของเธอและสามี ด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างอยากรู้อยากเห็น จนเธอรู้สึกแปลกใจ
"ก็ไม่บ่อยค่ะ...อันที่จริง ก็ไม่ได้มีอะไรกันมาเป็นปีแล้ว..."
ท้ายประโยค เสียงหวานแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน
"ทำไมล่ะ" ในคราวนี้ ชานนท์หันหน้ามาถามเธอโดยตรง
ทำเอากานต์แก้วถึงกับเสียอาการไม่น้อย
"เขา...ไม่อยากทำค่ะ" เธอตอบไปตามความเป็นจริง
อันที่จริง เธอแทบจะจำไม่ได้แล้วว่า ชาลียกเหตุผลไหนขึ้นมาใช้เป็นข้ออ้างกับเธอบ้าง รู้แค่ว่ามันเยอะมาก จนเธอเลิกตื๊อ
แม้เธอจะใส่ชุดนอนไม่ได้นอนเป็นประจำ แต่เมื่อเขาไม่ได้สนใจอะไรในตัวเธอ เธอก็ไม่ฉุดกระชากเขาขึ้นมาร่วมรักหรอก
จู่ ๆ ชานนท์ก็เอ่ยถามเธออย่างตรงไปตรงมา
"แล้วเธอ...ไม่อยากทำบ้างเหรอ?"
คำถามนี้ทำกานต์แก้วหน้าเหวอ ไม่อยากเชื่อหูตัวเองอีกครั้ง
แน่นอนว่าเธอไม่ได้เตรียมคำตอบไว้ จึงละล่ำละลักออกมาแทบไม่เป็นภาษา กว่าจะหาเสียงของตัวเองเจอก็เล่นเอาเหนื่อย
"เอ่อ คือแก้ว...เอ่อ...มันก็...มีบ้างค่ะ..."
ใช่ ในท้ายที่สุด เธอก็ตอบออกไปตามตรงเหมือนเดิม
ชานนท์พยักหน้ารับเล็กน้อย เขาวางจานอาหารลงแล้วเดินไปหยิบน้ำจากตู้เย็นมาสองขวด จัดการเปิด แล้วส่งให้แก่เธอ
กานต์แก้วหน้าแดงเพราะความเขินอาย ไม่รู้ว่าจากคำถามเมื่อครู่นี้ หรือเพราะความเอาใจใส่ที่พี่ชายของสามีมอบให้
เพียงแต่ว่า พอชานนท์กลับมานั่งบนโซฟาอีกรอบ ร่างกายของเขาเหมือนจะขยับเข้ามาใกล้เธอมากกว่าเดิม จนรู้สึกได้
หลังจากกินน้ำเสร็จแล้ว มือเรียวก็วางขวดน้ำลงบนโต๊ะเตี้ย พลันก็เห็นว่ามือใหญ่กำลังกดเพิ่มเสียงหนังรักโรแมนติกจนดังขึ้น ก่อนที่เขาจะหันหน้ามาสบตากับเธอ แล้วกล่าวด้วยเสียงจริงจัง
"งั้น...ให้ฉันช่วยไหม?"
ดวงตากลมโตกะพริบถี่ ๆ ราวกับว่าหูอื้อ
แม้ว่าที่จริง เธอจะได้ยินเต็มสองหูว่าเขาพูดอะไร
"เอ่อ...คือแก้ว..."
ยังไม่ทันได้ตอบรับหรือปฏิเสธ มือหนาก็เอื้อมมาจับหัวเข่า ก่อนจะลากไล้ขึ้นมาที่ขาอ่อน ทำเอาเธอถึงกับวาบหวิวไปหมด
แต่ทว่าในตอนที่กำลังจะปัดมือเขาออก ร่างสูงใหญ่ก็พลันขยับเคลื่อนร่างกายเข้ามาใกล้ ทำให้เธอต้องพยายามเอนหลังหนี แต่ในท้ายที่สุด กลับกลายเป็นว่า เธอล้มตัวนอนอยู่ใต้ร่างเขา
"พะ...พี่นนท์..." กานต์แก้วเอ่ยชื่อของเขา โดยที่เสียงหวานแทบจะไม่หลุดลอดออกจากลำคอ
ชานนท์สบตาเธอนิ่งงัน
คล้ายกับกำลังดูว่าเธอจะขัดขืนหรือไม่...
แต่สุดท้าย เมื่อไม่เห็นกานต์แก้วดีดดิ้น ชายหนุ่มจึงโน้มตัวลงมา และกดริมฝีปากหยักประกบจูบปิดปากหญิงสาวในทันที
"อะ...อืออ...อื้อออ~"
แม้ในตอนแรก เธอจะพยายามยกมือขึ้นดันแผงอกกว้างไว้ แต่เมื่อถูกลิ้นร้อนจู่โจมเข้ามาโดยไม่ทันตั้งตัว มือเรียวก็เผลอบีบวงแขนแกร่งเอาไว้แน่น แถมยังเผยอริมฝีปาก ปล่อยให้ชายหนุ่มสอดลิ้นหนาเข้ามาควานหาความหวานได้ตามอำเภอใจอีกด้วย
ยิ่งถูกเขากวาดต้อนเป็นพัลวันกับลิ้นเล็กในโพรงปาก เธอก็ยิ่งหอบระส่ำ ลมหายใจติดขัด เพราะห่างจากเรื่องพวกนี้ไปนาน
จนเมื่อมือหยาบกร้านเลื่อนมากอบกุมเต้าอวบนุ่ม อารมณ์ของกานต์แก้วก็ยิ่งพัดโหมกระหน่ำจนตัวเธอเองยังสั่นสะท้าน
ดูเหมือนว่า เธอจะต้องการให้เขาช่วยจริง ๆ เสียแล้ว...