ซัน…
“คุณหนูพายัพ คุณหนูแก้วตากลับโรงแรมได้แล้วครับ คุณผู้ชายจะกลับกรุงเทพแล้วครับ” ผมร้องบอกลูกของเจ้านายทั้งสองคนขณะที่เดินตรงเข้าไปหา
ตอนนี้เป็นช่วงปิดเทอมทั้งคุณหนูเล็กและคุณหนูใหญ่จึงตามผู้เป็นพ่อมาเที่ยวเล่นด้วยกัน เพราะโรงแรมที่เป็นของญาตินั้นอยู่ติดทะเล แถมยังมีเกาะส่วนตัวที่เงียบสงบเหมาะที่เด็ก ๆ จะได้เล่นกันอีกด้วย
“พวกพี่กลับแล้วนะจันทร์เจ้า” คุณหนูพายัพบอกลาน้องเล็กสุดในกลุ่มซึ่งเป็นลูกของเจ้านายผมอีกคนที่มีบ้านอยู่ที่นี่ ก่อนจะยื่นถุงขนมใบโตให้น้องน้อยสุดซึ่งอยู่ในวงแขนของผู้เป็นพ่อ
“ถ้าไปกรุงเทพอย่าลืมไปหาพี่แก้วตาน้าา〜” คุณหนูแก้วตาเอ่ยบอกน้องน้อยก่อนจะโบกมือให้แล้วเดินจูงมือคนเป็นพี่ชายกลับไป ทิ้งให้คนตัวเล็กทำหน้าละห้อยมองตามแผ่นหลังของพี่ทั้งสองขณะอยู่ในอ้อมแขนของผู้เป็นพ่อ
“ไปกันหมดเยย” คนตัวเล็กพึมพำเบา ๆ พลางงุดหน้าลงซบไหล่ผู้เป็นพ่อ
นาน ๆ ทีจะมีเพื่อนเล่นแต่ต้องจากกันแบบนี้ก็น่าสงสารอยู่เหมือนกัน ไม่บ่อยนักที่คุณหนูจะมีเพื่อนเล่นเพราะแถวนี้ไม่มีเด็กรุ่นราวคราวเดียวกัน แถมคุณกันต์นั้นยังหวงคุณหนูราวกับไข่ในหินเธอจึงไม่ค่อยได้พาออกไปไหนหรือพาไปพบเจอใคร ต้องรอเปิดเทอมทีเดียวคุณหนูถึงจะได้พบเจอกับเพื่อน ๆ
“เดี๋ยวโรงเรียนก็เปิดเทอมแล้วลูก เดี๋ยวก็ได้เจอเพื่อน ๆ แล้ว” คนเป็นพ่อเอ่ยบอกลูกสาวตัวน้อยพลางลูบผมเบา ๆ เป็นการปลอบ
“แต่ว่าที่โรงเรียนไม่มีพี่แก้วตากับพี่พายัพนี่นา〜” คนตัวเล็กเริ่มงอแง ก่อนจะเปลี่ยนอารมณ์มาคุยจ้อถึงเรื่องที่เล่นกับพี่ ๆ ในวันนี้ราวกับเรื่องเมื่อกี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ผมเห็นแบบนั้นก็อดเอ็นดูในความน่ารักน่าชังของคุณหนูไม่ได้จนต้องลั่นชัตเตอร์ใส่คนตัวเล็กรัว ๆ เพราะอยากเก็บภาพไว้ดู
“แล้วมึงไม่กลับกรุงเทพเหรอ” คุณกันต์ถามผม
“กลับพรุ่งนี้ครับ วันนี้เหนื่อยแล้วว่าจะพักสักหน่อย ยังไงก็ไม่ได้อยู่ที่นี่อีกนานเลยอยากอยู่กับคุณหนูก่อนกลับ” ผมตอบพลางหันไปมองใบหน้ากลมกลึงของนายหญิงตัวน้อยที่กำลังทำตาแป๋วใส่ผมอยู่
“ที่ย้ากอุ้มจันทร์เจ้าหน่อย〜” เสียงหวานของคนที่ดิ้นดุ๊กดิ๊กไปมาในอ้อมแขนผู้เป็นพ่อเอ่ยบอกพลางเอียงตัวมาหาผมแล้วชูไม้ชูมือให้อุ้ม
“ไม่ครับ ถ้าอยากให้ผมอุ้มคุณหนูต้องเลิกเรียกผมว่าที่รัก” ผมปรับสีหน้าให้เรียบตึงก่อนจะจ้องมองใบหน้าน้อย ๆ ที่กำลังปั้นหน้าบึ้งตึงใส่ผมเมื่อถูกขัดใจ “ผมบอกกี่ครั้งแล้วว่าห้ามเรียกผมว่าที่รัก” ผมพูดซ้ำพลางทำหน้าตาดุ ๆ ใส่ แต่คนตัวเล็กกว่าก็เหมือนจะไม่เกรงกลัว เธอกลับแยกเขี้ยวขู่ฟ่อใส่ผมชุดใหญ่ ไม่บ่อยนักหรอกที่เราสองคนจะคุยกันดี ๆ เพราะไม่กี่นาทีหลังจากนั้นเราก็มักจะทะเลาะกันจนคุณกันต์กับคุณโซดานั้นเห็นเป็นเรื่องปกติไปแล้ว
“อย่าดื้อได้ไหม รู้ไหมเด็กดื้อจะโดนอาราย〜” คำพูดของคนตัวเล็กทำให้คนเป็นพ่อที่อุ้มอยู่ถึงกับส่ายหัวไปมาในความดื้อรั้นก่อนจะวางร่างเล็กให้ยืนบนพื้นทราย
“ทำไมพูดกับอาซันแบบนั้นล่ะลูก” ผู้เป็นแม่ที่ยืนมองลูกสาวอยู่เงียบ ๆ เอ่ยแกมดุไปด้วย
“ที่ย้ากมาอุ้มหน่อย〜” เหมือนคนโดนดุจะไม่สนใจอะไรกลับชูมือขึ้นทำท่าจะให้ผมอุ้มอย่างเดียว แถมยังเรียกผมด้วยสรรพนามแปลก ๆ อีก
“เฮ้อ! ที่รักเขาเอาไว้ใช้กับคนรักครับ คุณหนูจะเรียกผมแบบนี้ไม่ได้” ผมย่อตัวนั่งลงตรงหน้าคนตัวเล็กกว่าพร้อมกับอธิบาย
“พี่ซันไม่ย้ากหนูเหรอ หนูย้ากพี่ซันน้าา〜 ก็เลยเรียกแบบนี้ไง〜” ไม่เรียกที่รักก็จะเรียกพี่ ไปจำมาจากไหนนะ!
“ทำไมดื้อแบบนี้นะ”
“พี่ซันดื้อก่อนนี่นา” แน่ะ! เถียงอีก!
“เป็นเด็กเป็นเล็กทำไมต่อปากต่อคำเก่งนักครับ” บทสนทนาเชิงถกเถียงของเราสองคนทำให้คุณกันต์กับคุณโซดาที่ยืนมองดูลูกสาวอยู่แบบเงียบ ๆ ถึงกับส่ายหัวก่อนจะเดินออกไปพร้อมกัน ทิ้งให้ผมกับคุณหนูตัวน้อยทำสงครามกันอยู่สองคนเช่นทุกครั้ง
“ต่อปากต่อคำเก่งแบบนี้ได้ใครครับ”
“พี่ซันขี้บ่นจังเยย”
“ห้ามเรียกว่าพี่ด้วยครับ ผมไม่ใช่พี่ของคุณหนู”
“ไม่เป็นพี่แต่จาเป็นที่ย้ากเหรอค้าา〜”
“ไม่ครับ”
“แล้วพี่ซันอยากเป็นอาราย〜”
“ผมเป็นลูกน้องของพ่อคุณหนูแล้วก็เป็นลูกน้องของคุณหนูด้วย ห้ามเรียกลูกน้องว่าพี่เข้าใจไหมครับ ห้ามเรียกว่าที่รักด้วย”
“แล้วออกคำสั่งได้ไหมค้าา〜” ไม่พูดเปล่าแต่กอดอกพลางทำท่าครุ่นคิดไปด้วย
“ได้สิครับ”
“งั้นจาเรียกว่าพี่ซันกับที่รักด้วย เรียกแบบนั้นสองอันแล้วพี่ซันก็ห้ามดุจันทร์เจ้าน้าา〜”
“…เดี๋ยวนะครับ?” เฮ้! แบบนี้ขี้โกงกันนี่นา
“พี่ซันอุ้มหน่อย〜 นี่เป็นคำสั่งน้าาค้าา〜”
“ฮึ่มม!”