แปลก ๆ

1382 Words
จันทร์เจ้า… เช้าตรู่ของวันต่อมา… “อื้อ ปวดหัวจังเลย” ฉันบิดตัวไปมาใต้ผ้าห่มผืนหนาก่อนจะค่อย ๆ พยุงตัวให้ลุกขึ้น กลิ่นห้องนอนและกลิ่นผ้าห่มที่ไม่คุ้นเคยทำให้ฉันเริ่มกวาดสายตาไปรอบห้องพลางพยายามนึกถึงเรื่องเมื่อคืนไปด้วย “นี่ไม่ใช่ห้องนอนของพ่อขานี่นา กลิ่นน้ำหอมแบบนี้ไม่ใช่ของพ่อขา” ฉันลุกออกจากเตียงนอนก่อนจะเดินไปรอบ ๆ ห้อง หากแต่กรอบรูปสีขาวที่ตั้งข้างหัวเตียงนั้นชวนสะดุดตาจนต้องเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ “รูปเราตอนเป็นเด็กนี่นา…” ฉันพึมพำเบา ๆ เมื่อเห็นรูปถ่ายของเด็กผู้หญิงสวมชุดกระโปรงสีขาวกำลังยืนยิ้มอยู่บนชายหาด ข้างกันนั้นมีรูปถ่ายของทารกตัวน้อยที่ใบหน้าละม้ายคล้ายกับฉันวางอยู่ด้วยกัน แกร๊ก! “ตื่นแล้วเหรอครับ?” “เฮือก!” เสียงประตูที่เปิดออกดังขึ้นพร้อมกับเสียงคนที่คาดว่าเป็นเจ้าของห้อง ทำให้ฉันตกใจจนต้องรีบวางกรอบรูปลง อยู่ ๆ ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนก็ค่อย ๆ ลอยมาจนฉันรู้สึกประหม่าเพราะทำไม่ดีเอาไว้ แววตาดำขลับที่จ้องมองมาทำให้ฉันเสียวหลังจนต้องหลบสายตา “พะเพิ่งตื่นค่ะ” ฉันตอบตะกุกตะกักเมื่อเจ้าของใบหน้าเรียบตึงมองมายังกรอบรูปที่ไม่ได้วางอยู่ที่เดิม “นะหนูเห็นเป็นรูปตัวเองก็เลยหยิบขึ้นมาดูค่ะ” หัวใจดวงน้อยเริ่มเต้นโครมครามขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อร่างสูงใหญ่ของคนตรงหน้าเดินเข้ามาใกล้จนแผงอกนั้นแทบจะแนบชิดกับใบหน้าของฉัน ตัวสูงจัง? “ตื่นแล้วก็ไปอาบน้ำครับ จะได้ลงไปกินมื้อเช้าผมเตรียมเสื้อผ้ามาให้ วางอยู่ข้างนอกบนโซฟา” เสียงทุ้มเอ่ยบอกขณะโน้มตัวลงไปหยิบกรอบรูปที่นอนอยู่ด้านหลังให้ตั้งขึ้นตามเดิม กลิ่นน้ำหอมผู้ชายที่ต่างจากของพ่อทำให้ฉันเริ่มสั่นไหว มันแตกต่างและแปลกไปไม่เหมือนกับตอนอยู่ใกล้พ่อตัวเอง และกลิ่นนี้เองที่เป็นกลิ่นเดียวกับกลิ่นในห้องนี้… “เมื่อคืน…” ฉันพูดเสียงเบาเมื่อคนตรงหน้าผละออกแล้วยืนประจันหน้ากัน แววตาดำขลับยากจะคาดเดาจ้องมองมาที่ฉัน ความรู้สึกใกล้ชิดเมื่อครั้งยังเด็กที่หลายคนบอกว่าเราทั้งคู่สนิทกันฉันสัมผัสไม่ได้เลยสักนิด ทุกอย่างในตอนนั้นฉันจำมันไม่ได้แล้ว… “เมื่อคืนขอโทษที่ทำตัวไม่ดีค่ะ” ฉันพูดต่อเมื่อในหัวพอจะนึกเรื่องราวเมื่อคืนออกบ้าง “จำได้ไหมครับว่าคุณหนูทำตัวไม่ดีประมาณไหน” แต่แล้วประโยคคำถามของคนตรงหน้าก็ทำให้ฉันต้องขมวดคิ้วมองใบหน้าคมคายด้วยความงุนงง “ก็…พูดจาไม่ดีแล้วก็ถ่ายรูปไว้แบล็คเมล์คุณไงคะ” ฉันตอบพลางทำตาแป๋วใส่อย่างที่ชอบทำเวลานึกอะไรออก “หรือว่ามีมากกว่านั้น?” ฉันเอียงคอถามกลับ “…เมื่อกี้คุณหนูพูดว่าอะไรนะครับ” คนตัวสูงกว่าเลิกคิ้วถามราวกับเจอเรื่องแปลกใจ “หนูบอกว่าขอโทษที่พูดจาไม่ดีแล้วก็ถ่ายรูปไว้แบล็คเมล์คุณค่ะ” ฉันพูดย้ำอีกครั้ง ทว่าคนตรงหน้ากลับดันลิ้นใส่กระพุ้งแก้มหนาราวกับเจอเรื่องไม่ถูกใจ หรือว่าจะโกรธเรา? “เดี๋ยวหนูลบออกให้นะคะ” ฉันพูดต่อ “หนู…” เสียงทุ้มพึมพำเบา ๆ พลางเค้นหัวเราะออกมา “คุณ?” คนตรงหน้าเลิกคิ้วอีกครั้งก่อนจะพูดอะไรต่อ “ไม่ต้องเรียกผมแบบนั้นก็ได้ครับ เรียกแบบที่คุณหนูอยากเรียกก็ได้” “จะให้เรียกอาเหรอคะ?” ฉันเอียงคอถามกลับหากแต่สีหน้าราวกับไม่ชอบใจของคนตรงหน้าก็ทำให้ฉันรู้สึกประหม่าอีกครั้ง ฉันเคยคิดอยากจะเรียกเขาแบบนั้นแต่เราไม่ได้สนิทกันเหมือนเมื่อก่อนฉันเลยรู้สึกแปลก ๆ หากจะเรียกเขาว่าอา แต่พ่อขากับแม่ขาก็เรียกเขาว่าอาเวลาคุยกับฉัน “เรียกอาซัน… แบบนี้เหรอคะ?” ฉันถามต่อทว่าคนตรงหน้ากลับถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะเดินหนีฉันไปราวกับไม่พอใจ “คุณหนูรีบอาบน้ำเถอะครับ วันนี้สาย ๆ คุณกันต์จะเข้ามา” เสียงทุ้มของคนที่เดินไปหยุดอยู่หน้าประตูห้องเอ่ยบอก “ส่วนเพื่อนคุณหนูผมให้คนไปส่งแล้วนะครับ” “ดะเดี๋ยวก่อนค่ะ!” ฉันรีบวิ่งตามไปคว้าข้อมือใหญ่ของคนที่กำลังจะเดินออกจากห้องไปเอาไว้เมื่อยังไม่ได้คุยเรื่องเมื่อคืนให้จบ “ครับ?” คนตัวสูงกว่าหันมาสบตากลับฉันก่อนจะหลุบตาลงมองมือของฉันที่กุมข้อมือเอาไว้ ความรู้สึกแปลก ๆ ที่เห็นสายตาแบบนั้นทำให้ฉันรีบปล่อยข้อมือใหญ่ให้เป็นอิสระเพราะกลัวว่าคนตรงหน้าจะไม่พอใจ “จะบอกพ่อขาเรื่องเมื่อคืนไหมคะ?” ฉันถามเสียงเบาเพราะยังรู้สึกผิด “เรื่องไหนดีครับ รู้สึกว่าจะมีหลายเรื่องนะ” อ่า… ทำไมถึงได้เอาแต่พูดอะไรแปลก ๆ แบบนี้ล่ะ หรือฉันพลาดอะไรไป “ถ้าเป็นเรื่องที่คุณหนูมาที่ผับตอนกลางคืนโดยไม่ขออนุญาตคุณกันต์ก่อน ผมจะยังไม่บอกครับ” ประโยคของคนตรงหน้าทำให้ฉันเผลอฉีกยิ้มกว้างออกมา “แล้วเรื่องดื่มเหล้าล่ะคะ ไม่บอกได้ไหมคะ” ฉันยิ้มกว้างพลางเอ่ยขอร้องไปด้วย ใบหน้าคมคายที่จ้องมองมาชะงักเล็กน้อยก่อนจะหันไปทางอื่น ใบหูสีแดงระเรื่อของคนตัวใหญ่ทำให้ฉันได้แต่สงสัยว่าเป็นอะไรแต่ก็ไม่กล้าถาม “ถ้าเป็นความผิดครั้งแรกผมจะยังไม่บอกก็ได้ครับ” คนที่หันหน้ากลับมาพูดต่อ “ขอบคุณค่ะ อาซัน…” “…” “ไม่ชอบให้เรียกอาเหรอคะ?” ฉันถามต่อเมื่อเห็นว่าสีหน้าของคนที่ยืนอยู่ดูเปลี่ยนไป “งะ งั้นเรียกคุณซันได้ไหมคะ?” ฉันเอียงคอถามอีกครั้ง “อยากเรียกอะไรก็เรียกเถอะครับ” คนถูกถามตอบแค่นั้นก่อนจะเดินออกไป ฉันได้แต่ขมวดคิ้วด้วยความสงสัยว่าเป็นอะไรแต่ก็คิดไม่ออก “คิดว่าจะน่ากลัวเพราะแม่ขาบอกว่าเป็นบอดี้การ์ดมาเฟีย พอรู้จักแล้วก็ไม่เท่าไหร่นี่นา” ฉันนึกถึงคำพูดของแม่ที่บอกว่าเจ้าของห้องนี้เป็นถึงบอดี้การ์ดของมาเฟียใหญ่ ตอนเจอกันครั้งแรกฉันเลยไม่ค่อยชอบคนคนนั้นนักเพราะคิดว่าเขาน่าจะเป็นคนไม่ดี แต่หลังจากที่ฉันมาเรียนต่อที่กรุงเทพฯ คุณบอดี้การ์ดก็ทำตัวเป็นผู้ปกครองที่ดีมาตลอดจนฉันต้องมองเขาใหม่ “ตอนนั้นไม่น่าพูดจาไม่ดีใส่เลย ไม่งั้นเราคงสนิทกันมากกว่านี้” ฉันพึมพำเบา ๆ เมื่อนึกถึงวันแรกที่เราเจอกันที่บ้าน ทั้งตอนนั้นฉันยังเด็กแถมอยู่ในสังคมที่แคบกว่าตอนนี้ก็เลยมองเขาไม่ดี แต่พออกมาเจอโลกกว้าง ออกมาเจอสังคมใหม่ ๆ ก็ทำให้ฉันมองอะไรหลายอย่างปลี่ยนไป “ตอนเมาทำไมเราถึงทำตัวแบบนั้นนะ…” ฉันพึมพำกับตัวเองเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนที่พอจะจำได้คร่าว ๆ ว่าพูดจาไม่ดีออกไป “แล้วจะเรียกอาซันหรือเรียกคุณซันดีล่ะ เหมือนว่าคุณบอดี้การ์ดจะไม่ชอบทั้งสองแบบเลยแฮะ” “ให้ตายเถอะ! จะว่าไปคุณอาเขยก็เป็นมาเฟียนี่นา ทำไมเราสองมาตรฐานแบบนี้ล่ะ มองคุณบอดี้การ์ดเป็นคนไม่ดีได้ยังไงทั้งที่คุณอาเขยเราก็มองว่าเป็นคนดี๊คนดีมาตลอด” ฉันตบหน้าผากตัวเองแรง ๆ เมื่อนึกขึ้นได้ ก่อนจะรีบจัดการตัวเองเพราะคุณพ่อสุดหล่อจะมาที่นี่
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD