ความเดิม- "แล้วถ้าเป็นผม นายเปรมมนัส อนันตวรรณาวงษ์ ทายาทของเจ้าสัวเปรมชัย อนันตวรรณาวงษ์ และเป็นอาโดยสายเลือดของน้องเอ๋ยพูดล่ะครับคุณจะถอยออกห่างจากหลานผมมั๊ย คู่ค้าที่มีลูกหลานนิสัยแย่ ๆ รังแกเพศแม่แบบนี้แสดงว่าพ่อแม่ไม่ได้สั่งสอนถ้าทางบริษัทจะตัดบริษัทนั้นออกสักบริษัทผมว่าผมอยู่ได้นะ ผมเลือกค้ากับคนดีมีมารยาทและไม่ดูถูกเพศแม่จะดีกว่า" เปรมมนัสเอ่ยยิ้ม ๆ อย่างผู้ถือไพ่เหนือกว่า
………………………………..
"เอ่อ คุณอาสะ..สวัสดีครับ" ชายหนุ่มเสื้อช็อปยกมือไหว้ว่อน
"ผมไม่มีหลานชาย มีแต่หลานสาว แล้วก็มีหลานอยู่คนเดียวคือน้องเอ๋ย แล้วนี่เพื่อนของผมและเป็นคู่หมั้นคู่หมายของน้องเอ๋ย นอกจากญาติพี่น้องแล้วก็เป็นเขาคนเดียวที่สามารถจะเข้าประชิดตัวหลานสาวของผมได้" เปรมมนัสบอกด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด
"อย่าตัดบริษัทของคุณพ่อของผมออกเลยนะครับ ผมยอมแล้ว ผมสัญญาว่าจะไม่มายุ่งกับน้องเอ๋ยอีก" เด็กหนุ่มเอ่ยตาเหลือกลาน
"ไม่ใช่แค่น้องเอ๋ย แต่เป็นน้องบีด้วย นี่ก็ห้ามยุ่งเด็ดขาด ไม่งั้นก็ให้บิดาของนายไปหาคู่ค้าใหม่ที่ให้ราคาดี ๆ กว่านี้ก็แล้วกัน" เปรมมนัสเอ่ยด้วยน้ำเสียงดูขึงขัง
ในขณะที่คุณหมอหนุ่มนักธุรกิจกำลังหน้าตึงได้ที่คนตัวบางก็ออกมาจากลิฟท์อย่างพอดิบพอดี
"สวัสดีค่ะคุณอากร สวัสดีค่ะคุณอานัท มารับน้องเอ๋ยเหรอคะ" กานต์ธิดาเอ่ยขึ้นพร้อมกับยกมือกระพุ่มไหว้ผู้ใหญ่ของเพื่อนสาวแล้วเดินตรงไปหาเพื่อนสาวพร้อมกับกระซิบกระซาบถามเพื่อนสาวทันที
..เกิดอะไรขึ้นน่ะยัยเอ๋ยทำไมคุณอาทั้งสองของเธอถึงได้หน้าตึงตาแข็งกันขนาดนี้ ฉั๊นเห็นแล้วยังหวั่นเลยยิ่งอานัทด้วยแล้วยิ่งน่ากลัว..
..เงียบไว้ก่อนเดี๋ยวเล่าให้ฟังบนรถ.. อัญญารินทร์กระซิบบอกเพื่อนสาวแล้วเฝ้าประเมินสถานการณ์ต่อ
ตัดมาสามหนุ่มที่กำลังทำข้อตกลงสันติภาพก่อนหน้านี้
"ก็ได้ครับ ผมจะไม่ยุ่งกับสองคนนี้ ผมสัญญา" เด็กหนุ่มเสื้อช็อปเอ่ยอย่างลนลาน
"ก็ดี งั้นครั้งนี้จะถือว่าทำทัณฑ์บนไว้ อย่าให้มีครั้งหน้าล่ะ รับรองผมตัดแน่" เปรมมนัสเอ่ยอย่างเฉียบขาดพร้อมกับหันไปสบตากับเพื่อนรักยิ้ม ๆ
"คลิปเรียบร้อย ภาพและเสียงชัดแจ๋วเลย" ปกรณ์เอ่ยยิ้ม ๆ พร้อมกับส่งสายตาให้เพื่อนรักอย่างรู้ความนัยย์
"โอเค ขอบใจมากเพื่อน/ส่วนนายกลับบ้านไปรายงานตัวกับบิดามารดาของนายได้แล้ว อย่ามัวแต่เถลไถลล่ะ" เปรมมนัสขอบคุณเพื่อนรักและหันไปสั่งเด็กหนุ่มเสื้อชอปเสียงเข้ม
"ครับ ๆ ไปเดี๋ยวนี้แหละครับ ขอบคุณครับที่ไม่ตัดบริษัทของคุณพ่อผมออกจากรายชื่อคู่ค้า" เด็กหนุ่มเสื้อช็อปยกมือไหว้ว่อนแล้วรีบสับเท้าออกไปทันทีอย่างไม่เหลียวหลัง
ด้านปกรณ์เมื่อเห็นว่าเสร็จเรื่องเสร็จราวแล้วจึงหันมาคุยกับคนของใจที่กำลังยืนหน้าตาตื่นอยู่อีกด้านด้วยน้ำเสียงอบอุ่น
"ปะ น้องเอ๋ยอาจะพาไปฝึกขับรถอย่างที่สัญญากับเราไว้เมื่อเช้าไง" ปกรณ์ทำทีเป็นทวงสัญญา
"ค่ะ งั้นให้ยัยบีไปกับเราด้วยนะคะ" อัญญารินทร์ยังยืนยันคำเดิม
"อะไรเหรอยัยเอ๋ย ฉั๊นไม่เอาด้วยหรอก จะกลับบ้านแล้วเนี่ยเรียนบัญชีตัวใหม่ตาลายไปหมดแล้วปวดหัวมากเลยอยากกลับไปกินยาแก้ปวดแล้วนอนมากกว่า" กานต์ธิดาเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา
"ให้อาไปส่งที่บ้านนะจะได้ไม่ต้องเรียกแท็กซี่หรือขึ้นรถประจำทาง" เปรมมนัสเสนอตัวทันทีเมื่อสบโอกาส
"เอ่อ..มะ (ไม่เป็นไรค่ะ)" กานต์ธิดาเอ่ยได้เพียงไม่กี่พยางค์แต่ถูกเพื่อนสาวเอ่ยแทรกขึ้นเสียก่อน
"ให้อานัทไปส่งแหละดีแล้ว ถ้าขึ้นรถประจำทางแล้วเป็นลมไปใครจะช่วย หรือเรียกแท็กซี่ก็ไม่ปลอดภัยอีก รีบโทรไปบอกพี่เอเลย แน๊..โทรซิ" อัญญารินทร์ทำเสียงขึงขังใส่เพื่อนสาว
"เอ่อ..โทรก็ได้ ไม่ต้องดุหรอก" กานต์ธิดาแหวใส่เพื่อนสาวหน้ามุ่ยแล้วต่อสายหาพี่ชายทันที คุยกันสักพักแล้วกดวางสาย
"พี่ชายว่ายังไงบ้างล่ะ" เปรมมนัสถามขึ้นอย่างห่วงความรู้สึกคนตัวบาง
"ก็บอกว่าให้ไปส่งที่บ้านได้ค่ะ แล้วพี่เอก็ยังเชิญทานข้าวด้วยกันด้วยค่ะ ทั้งหมดนี่เลยค่ะ" กานต์ธิดาเล่าตามความเป็นจริง
"โอเคไม่มีปัญหาใช่มั๊ยนายกร น้องเอ๋ย"
"………..." ส่วนคนที่ถูกพาดพิงถึงได้พยักหน้ายิ้ม ๆ จนตาเป็นสระอิ
……………………………………………..
@บ้านวรนนท์
เปรมมนัสและปกรณ์เลือกที่จะจอดรถข้างในพื้นที่ของบ้านสาวเจ้าเพราะซอยค่อนข้างแคบ โดยการอำนวยความสะดวกของเจ้าบ้าน
"วันนี้จะโชว์ฝีมือทำกับข้าวให้กินนะ อยากกินอะไรกันบ้างล่ะสาว ๆ" เปรมมนัสเอ่ยขึ้นพร้อมกับโชว์ถุงวัตถุดิบที่แวะซื้อติดมือมาด้วย
"อะไรก็ได้ค่ะแต่ขอให้รสชาติกลาง ๆ เข้าไว้เพราะมีคนที่กินรสจัดไม่ค่อยได้อยู่ด้วย" อัญญารินทร์เอ่ยยิ้ม ๆ แล้วหันไปมองเพื่อนสาวอย่างล้อเลียน
"ได้ซิ งั้นนายกรตามมาเป็นผู้ช่วยฉั๊นเลย ส่วนสาว ๆ รอพี่เออยู่หน้าบ้านก็พอค่ะ เรื่องในครัวให้เป็นหน้าที่ของพวกผู้ชายไปก็แล้วกัน" เปรมมนัสพูดยิ้ม ๆ แล้วกอดคอเพื่อนรักเดินเข้าครัวทันที
@ในครัว
"นายจะคุยเรื่องที่เห็นวันนั้นกับพี่ชายของน้องบีเลยมั๊ย" ปกรณ์เอ่ยถามเพื่อนรักอย่างนึกอะไรขึ้นได้
"คิด" เปรมมนัสตอบเพื่อนรักสั้น ๆ แต่ได้ใจความ
"เราคงไม่ถูกตะเพิดออกจากบ้านใช่มั๊ยว๊ะเพื่อน" ปกรณ์เอ่ยอย่างคาดเดา
"คงไม่มั๊ง อย่าปอดแหกไปเลย" เปรมมนัสตัดบทแล้วก้มหน้าก้มตาหั่นวัตถุดิบอย่างชำนิชำนาญ