ความเดิม- "นั่นซิ ยัยบีเข้าบ้านเถอะ ไปกินยาได้แล้ว หลังมื้ออาหารมาเกือบยี่สิบนาทีแล้วนิ่ ปะ" กานต์บุรุษเอ่ยขึ้นอย่างเห็นด้วย
…………………………………………
หลังจากเรียบร้อยจากมื้อเช้าและจัดการคนตัวบางให้กินยาบำรุงและกำหราบคนดื้อให้พักผ่อนเป็นที่เรียบร้อยแล้วเปรมมนัสจึงกลับมาที่บ้านเพื่อให้อะไรบางอย่างมันให้ชัดเจนขึ้น
@บ้านอนันตวรรณาวงษ์
เมื่อลงจากรถมาได้ เปรมมนัสเดินเข้ามาในบ้านด้วยความมั่นคงและสอดส่ายสายตาหาบิดาและเดาไม่ผิดคงจะอยู่ที่ห้องน้ำชา แต่แค่เพียงเขาก้าวขาหนึ่งข้างไปในห้องแค่นั้น…
"ไปบ้านโน้นมาเหรอ เค้าว่ายังไงบ้างล่ะ เค้ายอมดีด้วยหรือยัง?" ผู้ที่กำลังรื่นรมย์อยู่กับการจิบน้ำชาและคุ๊กกี้ธัญพืชเอ่ยถามขึ้นอย่างพอจะเดาสถานการณ์ออก
"คุณพ่อคร้าบ…"
"ทำไม ลากเสียงยาวเลย ไหวมั๊ย ให้พ่อไปขอเลยมั๊ย ยังเรียนไม่จบก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวนี้เค้าไม่ถือกันแล้ว ถ้านายมีลูกทีหลังน้องเอ๋ยนี่มันจะนับญาติกันลำบากนะลูก หลานก็คงจะงงกันเองอีก คงสนุกดีพิลึก"
"…….." เปรมมนัสไม่พูดได้แต่นั่งยิ้มอย่างเหนื่อยหน่าย
"มันเป็นยังไง ไหนลองเล่าให้พ่อฟังซิ๊"
"ผมจะซื้อรถให้น้องครับ แต่พี่ชายน้องกับน้องไม่ยอมครับ ก็เลยออกอุบายเป็นซื้อให้ตัวเองแต่ฝากไว้ที่บ้านน้องครับ แล้วก็ขอปรับปรุงโรงรถ ติดกล้องวงจรปิดเพิ่มครับ น้องก็เลยยอมแต่บอกว่าจะออกค่าใช้จ่ายเรื่องโรงรถกับติดกล้องวงจรปิดเองครับ..เฮ๊อ" เปรมมนัสเล่าเรื่องทั้งหมดให้บิดาฟังอย่างละเอียด แล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่
"หึหึ ถึงกับถอนหายใจใหญ่เชียวเหรอ ถ้าจะเจองานหยาบนะเรา"
"ก็คงไปทำเค้าไว้แหละครับ แล้วมันไปโดนจุดเจ็บเลยไม่ให้อภัยกันง่าย ๆ"
"ถามจริง..เราไปทำอะไรให้น้องโกรธ รู้ตัวบ้างมั๊ย"
"ก็เคยขับรถเกือบจะชนน้องครับ ตอนนั้นน้องกำลังข้ามถนนทางม้าลายเพื่อจะไปร้านขายยาครับ แถมยังต่อว่าน้องด้วยอารมณ์อีก ภายหลังถึงรู้ว่าน้องรีบจะไปร้านขายยาเพราะปวดท้องประจำเดือนมาก อยากได้ยาเร็ว ๆ จนไม่ทันมองว่ามีรถมาในระยะกระชั้นชิดครับ"
"แล้วทำไมถึงรู้ว่าน้องปวดท้องประจำเดือนจะไปร้านขายยาล่ะ"
"น้องบอกครับ หลังจากนั้นผมจึงไปถามเภสัชประจำร้านขายยาครับ"
"อย่างนั้นเหรอ ไปถามเภสัชเรื่องน้องอย่างเดียวงั้นเหรอ" เปรมชัยเอ่ยซักทั้งที่รู้คำตอบอยู่แล้ว
"“คือจริง ๆ ก็ไปหาทำเลทำคลินิกนรีเวชด้วยแหละครับ ตอนนั้นผมยังไม่กล้าบอกคุณพ่อน่ะครับ"
"“กลัวว่าถ้าพ่อรู้ความจริงจะดับฝันลูกงั้นเหรอ"
"…….." เปรมมนัสเงียบ
"ไม่หรอก แค่ลูกเสียสละตัวเองจากวิชาชีพแพทย์ที่ลูกตั้งใจกับมันมาสานต่อธุรกิจของครอบครัวนี่พ่อก็ขอบคุณเรามากโขอยู่ พ่อมิบังอาจเห็นแก่ตัวปิดกั้นอุดมการณ์ของเราขนาดนั้นหรอก กลัวแต่เราจะเหนื่อยเกินไปก็เท่านั้นเอง"
"ขอบคุณครับพ่อ สาเหตุสำคัญที่ผมอยากเปิดคลินิกก็คือเสียดายวิชาที่เคยร่ำเรียนมา แต่ตั้งแต่ที่ผมรู้ว่าน้องพบก้อนในมดลูกผมก็จะใช้คลินิกเป็นที่ดูแลติดตามอาการน้องครับ ผมอยากตรวจน้องด้วยตนเอง หรือแม้แต่การผ่าตัดถ้าจำเป็นต้องทำในอนาคตผมก็จะเลือกโรงพยาบาลของครอบครัวนายกรครับและผมจะขอเข้าเคสด้วย ผมเกริ่นไว้กับนายกรเรียบร้อยแล้วครับ"
"อืม..พ่อเอาใจช่วยลุก ขอให้ไม่มีวันนั้น ขอให้ก้อนมันฝ่อลงและน้องบีแข็งแรงขึ้นพร้อมที่จะมีหลานให้พ่อได้นะ พ่อขออวยพรให้"
"ขอบคุณครับพ่อ ขอบคุณที่พ่อเข้าใจผม" เปรมมนัสก้มลงกราบที่ตักของบิดาอย่างรู้สึกซาบซึ้งใจ
"ไม่เป็นไรลุก ไม่เป็นไร น้องต้องไม่เป็นไร เราก็ต้องเข้มแข็งเป็นที่พึ่งให้น้องนะ น้องคงเคว้งน่าดูที่รู้ว่าตัวเองเป็นแบบนี้ ตัวหรือก็แค่นั้น"
"ที่ไหนได้ล่ะครับ นางวางแผนชีวิตไว้เป๊ะ ๆ เรียนจบเท่านี้ ทำงานเท่านั้น ผู้หญิงอะไรก็ไม่รู้เข้มแข็งชะมัด ไอ้เราก็ห่วงว่านางจะหวาดวิตก จิตตก แต่เปล่าเลยนางสู้มากครับ นี่แหละครับคนที่จะมาเป็นคู่ชีวิตของผม ต้องเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็ง รู้จักคิด วิเคราะห์ แยกแยะ และเป็นนักสู้ครับ" เปรมมนัสพูดอย่างนึกชื่นชมคนรักอยู่ในที
"อื้ม..พ่อเอาใจช่วย มีอะไรขาดเหลือก็บอกพ่อได้นะ"
"ครับพ่อ"
อีกด้านของคนที่มาใหม่
"หนูจะช่วยอานัทด้วยอีกแรงนะคะ/อากรด้วยใช่มั๊ยคะ" อัญญารินทร์เอ่ยขึ้นพร้อมกับการปรากฎตัวเพราะเธอเพิ่งจะมาจากบ้านของปกรณ์นั่นเอง
"สวัสดีครับคุณลุงชัย ผมพาน้องเอ๋ยมาส่งที่บ้านน่ะครับ บังเอิญน้องเอ๋ยพามาที่ห้องนี้ก็เลยมาได้ยินพอดี"
"ไม่มีความลับอะไรหรอกหลานกรก็อย่างที่เจ้านัทเคยคุยกันกับหลานไว้น่ะแหละ ถ้ามันจำเป็นจริง ๆ ทางเราของเลือกโรงพยาบาลของครอบครัวหลานนะ"
"ด้วยความยินดีเลยครับ ตอนนี้เรากำลังศึกษาวิวัฒนาการการผ่าตัดผ่านกล้อง มีแผลเป็นเพียงจุดเล็ก ๆ เท่านั้นเอง แต่หวังผ่าคงได้ผ่าคลอดทีเดียวเลยนะครับ /ใช่มั๊ยนายนัท"
"ใช่ ขอให้เป็นแบบนั้น" เปรมมนัสย้ำคำพูดของเพื่อนรักอย่างแผ่วพริ้วแต่แฝงไปด้วยแววตาแน่วแน่
ปึ่บ…(เสียงตบไปที่ไหล่ไม่หนักไม่เบาจนเกินไปจากผู้มาใหม่)
"เป็นกำลังใจให้ว่ะเพื่อน ไปก่อนนะ/ผมลาละครับ สวัสดีครับ/อาไปก่อนนะคะน้องเอ๋ย" ปกรณ์เอ่ยลาเพื่อนรักและคุณปู่ของคนของใจแล้วเดินออกไปอย่างเงียบ ๆ ในใจก็นึกห่วงกังวลความรู้สึกของเพื่อนรักอยู่ไม่น้อย แต่จะทำอย่างไรได้ล่ะ นอกจากยอมรับความจริงและตั้งรับกับมันให้ได้