ฉันตัดสินใจฝึกงานกับพี่เรย์ เหตุผลหลักคือใกล้ที่พักและพี่ต้าร์จะไม่เป็นห่วง ระหว่างฉันกับพี่เรย์เราสนิทกันมากขึ้น เจอกันบ่อย ๆ ทุกครั้งที่มาเจอฉันจะออกมาคนเดียว ถามว่าอินดี้ยอมไหม มันก็ไม่ได้ว่าอะไรนะ ฉันบอกว่าพี่ชายนัดเจอ
ที่สำคัญพอเริ่มฝึกงานเราก็ต้องห่างกัน อินดี้ฝึกงานอีกที่ เหมือนว่าจะเป็นบริษัทของญาติที่ครอบครัวมันติดต่อจัดการให้ มันบอกจะให้ฉันไปฝึกด้วย
ฉันปฏิเสธและบอกไปว่าพี่ต้าร์เลือกที่ฝึกให้แล้ว แนบหลักฐานด้วยการคุยเรื่องฝึกงานกับพี่ต้าร์ ความจริงก็ไม่จำเป็นต้องเอาแชตให้ดูหรอก เราต่างไม่เคยยุ่งกับโทรศัพท์ของกันและกัน
อยู่ด้วยกันมานาน แต่เราไม่ได้มีสถานะที่ชัดเจน บางเรื่องไม่ควรล้ำเส้น เรื่องนี้อินดี้ชอบพูดบ่อย ๆ ฉันก็เลยไม่คิดก้าวข้ามเส้นบาง ๆ
หากสักวันคิดก้ามข้ามไป หลายสิ่งหลายอย่างที่มีอาจจะหายไปเพราะการตัดสินใจชั่ววูบ
หน้าที่ฝึกงานของฉันคือการอยู่ข้างพี่เรย์ หากเป็นฝึกงานที่อื่นคงจะไม่ได้ตามติดเจ้านายแบบนี้ แต่นี่เวลาที่พี่เรย์ไปทำงานที่ไหนฉันก็ถูกหิ้วไปด้วย เขาบอกทุกวันว่าฉันน่ะเป็นน้องสาว ต้องปฏิบัติต่อฉันอย่างดี
ซึ่งอะไรแบบนี้ไม่ดีเลย หลายคนไม่ได้คิดว่าฉันเป็นน้องสาวพี่เรย์ แปดสิบเปอร์เซ็นต์คิดว่าฉันเป็นเด็กของพี่เรย์กันทั้งนั้น เสียงซุบซิบนินทาดังมาไม่หยุด ฉันไม่ได้อยู่ในฐานะที่พูดอะไรได้
ก็ก้มหน้าก้มตาฝึกงานให้ทุกอย่างผ่านไป เรื่องแสร้งไม่สนใจและอดทนฉันเก่งอยู่แล้ว
“นี่เราจะไปไหนกันคะพี่เรย์” วันนี้มีออกมาคุยงานนอกสถานที่ พี่เรย์หิ้วฉันมาด้วย คุยงานเสร็จพี่เรย์ก็สั่งเลขาของเขาให้กลับบ้านได้เลย ส่วนฉันติดสอยห้อยตามพี่เรย์มา มันยังอยู่ในเวลางาน ฉันจะขอตัวกลับมันก็ไม่ใช่เรื่อง
จริงอยู่อาจจะทำได้ พี่เรย์ไม่ว่าอะไรอยู่แล้ว แต่ไม่ทำดีกว่า เขาดีกับฉันมาก ๆ เป็นพี่ชายที่แบบดีจริง ๆ คอยช่วยเหลือให้คำแนะนำทุกอย่าง
ฉันต้องรู้จักเกรงใจเขา ยิ่งเขาดีมากด้วยเท่าไร ฉันต้องยิ่งเกรงใจมากขึ้นเท่านั้น
“ไปบ้านพี่”
“คะ” ไปทำไม จริงอยู่เรารู้จักกันมาก็สักพักใหญ่ เรียกว่าหลายเดือนก็ได้ แต่เท่าที่ฉันรู้มา พี่เรย์เขาจะอยู่คอนโดเป็นหลัก เขาต้องเดินทางต่างประเทศบ่อย ครอบครัวเขาย้ายไปอยู่ต่างประเทศกันด้วย
“บ้านยายน่ะ พี่ไม่ค่อยได้ไป วันนี้ว่างพอดี ก็เลยจะแวะไปสักหน่อย”
“งั้นให้มิวกลับก่อนดีไหมคะ”
“กลับทำไม พี่บอกยายแล้วว่าจะพามิวไปเจอ ยายตั้งตารอแล้วนะ”
“ยายพี่เรย์รู้จักมิวด้วยเหรอ”
“รู้จักสิ พี่เล่าให้ฟัง”
“เล่าให้ฟังยังไงคะ เรื่องของมิวมีอะไรให้เล่า”
“ก็น้องมิวเป็นเด็กดีไงครับ”
“เหตุผลนี้ได้เหรอคะ”
“ได้สิครับ”
“ค่ะ ได้ก็ได้”
“ทำไมทำหน้าอย่างนั้น พี่ทำให้น้องมิวอึดอัดใจเหรอ”
“ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ มิวแค่ไม่รู้ว่ายายของพี่เรย์จะชอบมิวไหม ดูสิมิวใส่ชุดนักศึกษามาด้วย ไม่น่าดูเท่าไรนักอ่า”
“นี่เราคิดอะไรอยู่เนี่ยเด็กน้อย” พี่เรย์หันมายิ้ม คล้ายว่าเขาเดาออกว่าฉันคิดอะไรอยู่
“พี่เรย์เหมือนอ่านใจมิวออกเลย” คือฉันกำลังคิดว่าพี่เรย์พาฉันมาให้ยายเขาดูตัวหรือเปล่า คือแบบไม่ได้หมายความว่าพี่เรย์ชอบฉันอะไรหรอกนะ แต่ให้ฉันมาเป็นไม้กันหมา ไหว้วานให้มาหลอกคนแก่อะไรทำนองนี้
“พี่ไม่ได้จะให้มิวมาหลอกยายพี่”
“เห็นไหม พี่เรย์เก่งจัง เดาออกด้วยว่ามิวคิดอะไร หรือว่าเป็นมิวที่แสดงออกมางสีหน้าเกินไปเหรอคะ”
“ก็อาจจะทำนองนั้น หน้าน้องมิวดูกังวล”
“คือมิวไม่ได้คิดอะไรกับพี่เรย์แบบนั้นนะคะ พี่เรย์เป็นพี่ชายที่ดีมาก ๆ คอยช่วยเหลือมิวทุกอย่างเลย แล้ววันนี้พี่เรย์ก็บอกว่าจะพามิวไปหายายของพี่เรย์ มิวก็คิดว่าพี่จะไหว้วานให้มิวแกล้ง ๆ เป็นแฟนพี่ให้คนแก่สบายใจอะไรทำนองนี้”
“ถ้าเกิดพี่ขอให้ทำ น้องมิวจะปฏิเสธไหมครับ”
“ต้องรับปากอยู่แล้วค่ะ พี่เรย์ดีกับมิวขนาดนี้ ถ้ามีเรื่องที่มิวช่วยได้มิวต้องช่วยอยู่แล้ว”
“พี่ดีด้วยเพราะน้องมิวเป็นเด็กน่ารักแล้วก็เป็นน้องสาวของกีต้าร์ กีต้าร์มันฝากให้พี่ดูแลน้องมิว พี่ต้องดูแลให้ดีอยู่แล้ว น้องมิวไม่ต้องเกรงใจพี่นะ อะไรที่ไม่สบายใจบอกพี่ได้เลย”
“ค่ะ”
“ส่วนวันนี้ พี่ให้น้องมิวมาหาในฐานะน้องสาวของพี่จริง ๆ ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่านั้น อย่ากังวลนะครับ” พูดจบพี่เรย์ก็ยิ้ม
“ค่ะ” ฉันจึงยิ้มกลับด้วยความรู้สึกที่โล่งอกโล่งใจ
ค่อยโล่งใจขึ้นมาหน่อย ฉันไม่อยากจะต้องมาโกหกอะไรบ่อย ๆ แต่ถ้าพี่เรย์ให้ช่วยฉันก็คงไม่คิดจะปฏิเสธ อย่างที่บอกเขาดีกับฉันมากจริง ๆ มากซะจนรู้สึกว่าเขาดีกว่าคนในครอบครัว
แล้วก็นะ เรื่องราวของครอบครัวฉันน่ะมันยุ่งเหยิงไม่จบไม่สิ้น ล่าสุดดนตรีถูกจับเข้าคุกเรียบร้อยข้อหาพยายามฆ่า พี่ต้าร์หมดเงินจะช่วย สุดท้ายแม่เลยต้องตัดสินใจปล่อยให้ดนตรีติดคุก
หลายเดือนที่ผ่านมาดนตรีก่อเรื่องจนการเงินของพี่ต้าร์ติดขัด พี่สะใภ้เครียดจนต้องพบแพทย์เป็นประจำเพราะเสี่ยงครรภ์เป็นพิษ สุดท้ายก็คลอดก่อนกำหนด หลานของฉันป่วยบ่อยมาก ร่างกายอ่อนแอ ต้องไปหาหมอตลอด
คนที่น่าสงสารที่สุดก็คือพี่ต้าร์ เขาต้องแบ่งรับแบ่งสู้ จะหาเงินมาให้แม่ช่วยดนตรีก็ไม่ได้ เพราะพี่สะใภ้และลูกของเขาก็ต้องใช้เงิน
ทุกวันนี้พี่สะใภ้ไม่ได้กลับบ้านไปหาแม่ เรียกว่าเข้าหน้ากันไม่ติดเลยด้วย หากยังคาราคาซังอยู่แบบนี้ไม่นานพี่สะใภ้อาจจะหอบลูกหนีไปจริง ๆ
ถึงเวลานั้นขึ้นมาคนที่เสียใจที่สุดก็คือพี่ต้าร์
ตัวฉันก็ช่วยเหลืออะไรไม่ได้มาก ที่ทำได้ก็คือไม่รบกวนเขาเรื่องเงินและคอยทักคุยกับพี่สะใภ้บ่อย ๆ ให้กำลังใจเขา
ฉันเข้าใจพี่สะใภ้มาก ๆ เธอรักพี่ต้าร์ พี่ต้าร์ก็รักเธอมาก พี่ต้าร์น่ะเขาเป็นคนดี ดีแบบดีมาก ๆ เป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดี แต่เสียอย่างเดียว เขาผูกติดกับครอบครัวพ่อแม่เกินไป จนมันเหมือนเขาไม่พร้อมที่จะเริ่มต้นสร้างครอบครัวใหม่
หลายครั้งที่พี่สะใภ้โทรมาร้องไห้ให้ฉันฟัง
ตัวฉันไม่รู้เลยว่าพี่สะใภ้จะหมดความอดทนวันไหน
ได้แต่ภาวนาขออย่าให้มีวันนั้นเลย ฉันไม่อยากเห็นพี่ต้าร์เสียใจ
ใช้เวลาสามชั่วโมงในที่สุดก็ถึงจุดหมายปลายทางที่บ้านหลังหนึ่ง เป็นบ้านไม้ทรงโบราณ ใต้ถุนบ้านมีแคร่ไม้ตัวใหญ่ ๆ แบบใหญ่มาก มีหญิงสูงวัยนั่งอยู่ที่แคร่พร้อมถาดของมากมาย
พี่เรย์ลงจากรถ ฉันจึงเปิดประตูตามลงมาเพื่อสวัสดีคนที่คาดเดาว่าเป็นยายของพี่เรย์
ทันทีที่เดินมาถึงแคร่ พี่เรย์ก็โผเข้ากอดหญิงสูงวัย ถาดของมากมายคือขนมไทยต่าง ๆ หน้าตาน่าทานมาก
“มาแล้วเหรอ ยายยังไม่ได้ทำกับข้าวเลย”
“ทำอะไร แต่ตัวสวย ๆ ก็พอ เดี๋ยวเรย์พายายไปกินข้าวข้างนอก”
“เปลืองเงิน”
“เปลืองอะไร ไม่เปลืองเลย ไปนะยาย เนี่ยพาน้องมาด้วย เดี๋ยวให้ยายเลือกร้านอร่อย ของดีขึ้นชื่อของที่นี่มาสักร้าน”
“หนูมิวสิคเหรอลูก” หญิงสูงวัยหันมองฉันด้วยสายตาเป็นมิตร เรียกว่าท่าทางของท่านที่มีต่อฉันทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่นใจ สายตาของท่านอ่อนโยนมาก
“ค่ะ สวัสดีค่ะคุณยาย”
“สวัสดีจ้ะ มาสิมานั่ง ทานเป็นไหมขนมไทย อยากทานอะไรหยิบได้เลยลูก” แล้วยายก็กวักมือเรียกให้ฉันเข้ามานั่งใกล้ ๆ “ขนมพวกนี้ยายทำเอง ได้ยินว่าหนูจะมา ถาดนี้เก็บไว้ให้หนูเลยนะ ส่วนที่เหลือเดี๋ยวมีคนมารับไปขาย”
“ขอบคุณค่ะคุณยาย น่าทานทั้งนั้นเลย”
“งั้นก็ไม่ต้องรอช้า ลุยเลยลูก”
“ลุยเลยน้องมิว ยายพี่ทำขนมอร่อยมากเลยนะ”
คำเชียร์ของพี่เรย์กับความน่ารักของยายทำให้ฉันไม่รอช้า หยิบขนมไทยมาชิม รักษาน้ำใจของคนทั้งสอง
ทว่ารู้สึกดีจัง ที่นี่ดูอบอุ่น ทั้งที่เพิ่งนั่งลงไม่ถึงห้านาทีด้วยซ้ำ