“ไหนมึงว่าไม่มา” มาถึงมาร์คก็ถามพลางขยับให้ฉันนั่งข้าง ๆ
“กูลากมันมาเอง เดี๋ยวจะทำงานจนเครียดตาย” อินดี้พูดและแทรกตัวนั่งข้างมาร์ค แล้วมันก็เงยหน้ามองฉัน “นั่งดิ รอกูเชิญหรือไง”
“เออ รอมึงเชิญ” คือมึงแย่งที่นั่งกูปะ แล้วมาชักสีหน้าเพื่อ คิดในใจน่ะ สุดท้ายก็นั่งข้างอินดี้
“นี่กูกดเซฟรูปมึงรัว ๆ ละมิวสิค” นักรบพูดพลางชงเหล้ามาให้ฉัน “หุ่นแม่งอย่างแจ่ม เป็นเพื่อนกันมาตั้งหลายปี กูเพิ่งรู้นะว่ามึงมีส่วนเว้าขนาดนั้น ทำไมมึงไม่เปลี่ยนการแต่งตัวบ้างวะ เห็นปะ คนเขามาเที่ยวกันใส่สายเดี่ยวเกาะอก แต่ดูมึงดิ เสื้อยืดเกงยีนส์ เห็นละหมดอารมณ์ เสียดายความสวยฉิบหาย”
“นี่มึงชมใช่ไหมรบ”
“ชมดิ”
“ทำไมกูฟังแล้วรู้สึกเหมือนมึงกำลังด่ากูทางอ้อมเลย”
“มึงคิดไปเองไง มั่นใจในตัวเองหน่อย มึงสวยขนาดนี้”
“ใช่ ๆ กูเห็นด้วย กูบอกหลายรอบละให้แต่งตัวสวย ๆ ต้องมีผู้ดี ๆ หลงมาบ้าง แต่มิวแม่งไม่สนเลย” หนูอี๊ดพูดบ้าง
เพื่อนบ่นเรื่องการแต่งตัวของฉันจริง ๆ สาเหตุที่ฉันไม่แต่งตัวก็เพราะมันสิ้นเปลืองเงินทอง เสื้อผ้าส่วนใหญ่หยิบของดนตรีที่เป็นฝาแฝดมาใส่ ในตู้เสื้อผ้าจึงมีแต่เสื้อผ้าผู้ชายซะส่วนใหญ่
“ถึงมันไม่แต่งสวยก็มีคนหลงเข้ามาจีบอยู่เรื่อย ๆ นะ ติดก็ตรงไอ้หมาหวงก้างที่หวงอีมิวซะยิ่งกว่าผัวในช่องคลอด” ละดูหนูจี๊ดมันเปรียบเทียบ เปรียบซะเห็นภาพช่องคลอด
คนมาจีบน่ะก็มี ฉันไม่ได้สนใจ อินดี้มันก็ชอบกันออก บอกว่าคนนั้นไม่ดี คนนี้ไม่ดี โดยที่ลืมไปว่า ตัวมันเองก็ไม่ได้ดีไปกว่าคนเหล่านั้น
ทว่าถ้าในความเป็นเพื่อน อินดี้เป็นเพื่อนที่ดีมาก ๆ เลยล่ะ
“ผัวในช่องคลอดคือไรวะ” หนูอี๊ดถาม
“ก็ผัวไหมที่จะได้เห็นช่องคลอด”
“หมอก็ได้เห็นนะ ไหนจะคู่ขาก็ได้เห็น ไม่จำเป็นต้องมีแค่ผัวที่ได้เห็น”
“มึงตบกับกูตรงนี้เลยไหมอี๊ด”
“มาสิ คิดว่ากลัวเหรอ”
“พวกมึงมาแดกเหล้าหรือมาตบกัน” มาร์คส่ายหน้า
“ก็แม่งกวนตีนกู”
“พวกมึงกวนตีนทั้งคู่”
“ไอ้รบกูยืมโทรศัพท์หน่อย” อินดี้ที่เงียบไปพักใหญ่พูดกับนักรบที่กำลังขำหนูจี๊ดหนูอี๊ดทะเลาะกัน
“ไอ้เหี้ยนี่ยืมเครื่องกูโทรหาสาวอีกละ” พูดเหมือนไม่พอใจ แต่ก็ยังยื่นมาให้อย่างไว มาร์คชอบเล่าว่า หลังจากที่อินดี้มีสัมพันธ์กับผู้หญิงบางคนไปแล้ว นักรบก็กินต่อ ผู้หญิงเต็มใจ นักรบมันก็ไม่ถือสา ท้ายที่สุดผู้หญิงเหล่านั้นก็เป็นเพียงของเล่นของอินดี้และนักรบ
“ไอ้เหี้ยนี่เซฟรูปมึงจริงด้วย” อินดี้เอียงหน้าจอให้ฉันดูพร้อมกับกระซิบข้างใบหู ไอ้นักรบคนหื่นมันเซฟรูปฉันที่ใส่ชุดว่ายน้ำไว้จริง ๆ “เห็นไหมกูบอกแล้วว่าอย่าทำ ขนาดไอ้รบยังเซฟรูปมึง แล้วคนอื่นจะเหลือเหรอ แม่ง!”
น้ำเสียงอินดี้ฉุนเฉียว มือก็กดลบรูปฉันรัว ๆ นักรบเซฟไว้ประมาณสิบรูป อินดี้กดลบหมดเลย
“ก็แค่กดเซฟรูปเอง มันไม่ได้ทำอะไรมากกว่านั้นสักหน่อย”
“มึงคิดง่าย ๆ แบบนี้ไง”
“แล้วทำไมต้องคิดยากด้วย ไอ้รบมันไม่ได้ชอบกูสักหน่อย”
“วันนี้มันไม่ชอบ มึงรู้ได้ไงว่าวันข้างหน้ามันจะไม่ชอบ”
“คนเราอะถ้ามันจะชอบมันชอบนานแล้วปะ” เหมือนที่กูชอบมึงไง กูชอบมึงนานแล้ว ตอนนี้ก็ยังชอบ ไอ้หน้าโง่ ไม่สิ อินดี้ไม่ได้โง่ ฉันต่างหากที่โง่ ชอบมันอยู่ได้
“แล้วมึงรู้ได้ไงว่ามันไม่ชอบมึง”
“แล้วทำไมมึงคิดว่ามันชอบกู”
“กูแค่คิดไง มึงยังคิดว่ามันไม่ชอบ ทำไมกูจะคิดว่ามันชอบมึงไม่ได้”
“ไอ้รบ” ต่อปากต่อคำไม่จบหรอก ถามนักรบเลยให้จบ ๆ
“ว่า” นักรบหันมาสบตา
“มึงชอบกูเหรอ” ที่กล้าถามก็เพราะฉันไม่ได้คิดอะไรกับนักรบมากกว่าเพื่อน และค่อนข้างมั่นใจว่า นักรบก็รู้สึกกับฉันแค่เพื่อน
“ชอบแบบไหน”
“อยากได้เป็นแฟน”
“กูจะเอามึงมาเป็นแฟนทำเหี้ยไร ไม่ใช่สเปกกู”
“งั้นมึงเซฟรูปกูทำเหี้ยไร”
“ไอ้สัดนี่ ฮาฮาฮา” นักรบมันกำลังขำกลบเกลื่อน
“ขำเหี้ยไร ตลกเหรอ นี่เพื่อนปะ” อินดี้ส่งเสียงไม่พอใจ
“ไอ้เหี้ย เพื่อนปะ คิดอะไรให้มันเข้าท่า ไม่มีจะแดกแล้วเหรอถึงหันมาแดกกันเอง” มาร์คพูดเสริม มาร์คมักจะพูดเรื่องนี้อยู่ตลอด พูดทีฉันก็สะดุ้งทุกครั้ง เพราะฉันแอบชอบเพื่อน แล้วก็ไม่ใช่ว่าไม่มีคนอื่นให้เอา แต่ฉันชอบอินดี้เท่านั้น ชอบแค่อินดี้ก็ต้องอยากได้อินดี้สิ
ช่างเถอะ เถียงในใจก็พอ พูดออกมาตรง ๆ ได้โดนหัวเราะเยาะแน่
“พูดเหี้ยไรกันเยอะแยะ กูแค่เซฟรูปเฉย ๆ รูปเพื่อนเซฟไม่ได้หรือไง”
“รูปเพื่อนเซฟได้ แต่รูปที่มันแก้ผ้าสมควรเซฟเหรอ” อินดี้มันมีปัญหากับการรับงานครั้งนี้ของฉันจริง ๆ
“กูไม่ได้แก้ผ้า” ชอบหาว่าฉันแก้ผ้าอยู่เรื่อย
“ดึงเสื้อในกับเชือกกางเกงออกก็แก้ผ้าละ”
“ก็ไม่ได้ดึงปะ”
“นี่มึงทะเลาะกันเพราะกูกดเซฟรูปไอ้มิวเหรอวะ”
“ไอ้อินมันบ้า”
“เออ บ้าจริง หวงฉิบหาย มึงคิดอะไรกับมันปะ” นักรบได้ทีก็พูดแหย่ แหย่อะไรที่ไม่เข้าท่า
“ก็เพื่อนไหม ไม่ปกป้องเพื่อนจะมีเพื่อนไว้ทำไม” เกลียดที่สุดคือคำตอบประมาณนี้จากปากของอินดี้ เวลาที่ถูกเพื่อนแซวบ่อย ๆ เพราะว่าอินดี้มันใจดีกับฉันเกินไป อินดี้มันก็จะตอบประมาณว่า แค่เพื่อน ไม่ได้คิดไร ก็เพื่อนกัน ปกป้องเพื่อนผิดตรงไหน
คำตอบของอินดี้ทำให้ความหวังฉันลดลงทุกครั้ง
แต่ถึงอย่างนั้นไม่นานนักฉันก็มีความหวังใหม่ขึ้นมาอีกจากการกระทำของอินดี้
ถ้าหาคนผิดก็ฉันนี่แหละที่ไม่รู้จักตัดใจสักที หวังอะไรลม ๆ แล้ง ๆ อยู่ได้ ตั้งกี่ปีแล้ว
“นี่จะพูดเรื่องกูทำไม ไม่มีเรื่องอื่นแล้วหรือไงวะ”
“มึงเริ่มก่อนเองนะ มึงถามเองว่ากูชอบมึงเหรอ เรื่องถึงมาเป็นแบบนี้”
“เออ กูผิดเอง” คนที่เริ่มไม่ใช่ฉัน อินดี้ต่างหาก
แต่ฉันแม่งผิดคนเดียว กินเหล้าแก้เซ็งดีกว่า ออกมาแล้วต้องมาเจอคำพูดแบบนี้ ไม่รู้จะให้ออกมาด้วยทำไม
“อย่าแดกเยอะ” อินดี้คว้าแก้วเหล้าออกจากมือฉัน
“มากินเหล้า ไม่ให้กินเหล้าให้กูกินไร”
“กินข้าว แดกข้าวซะ” พนักงานเสิร์ฟมาพร้อมกับข้าวสวยร้อน ๆ มาร้านเหล้าแต่ให้ฉันกินข้าวเนี่ยนะ
“มาร้านเหล้าให้มันแดกข้าว มึงก็เกินไป” หนูอี๊ดส่ายหน้า ขอบใจมากเพื่อนที่ช่วยพูด
“ให้มันกินข้าวน่ะดีแล้ว ข้าวปลาไม่ค่อยจะกิน มึงสองคนน่ะตัวดีชอบชวนมันกินเหล้า” อินดี้มองหน้าหนูอี๊ดหนูจี๊ด
“แล้วแบบนี้เนี่ยนะที่บอกว่าไม่ชอบ” หนูจี๊ดพูดแล้วก็หัวเราะ ไอ้จี๊ดมึงไม่พูดดีกว่านะเพื่อน
“พอเลย พวกมึงจะแซวอะไรไม่ทราบ กูกับไอ้อินเป็นเพื่อนกันค่า ห่วงกันดูแลกันตามประสาเพื่อน หยุดแซวเดี๋ยวคนอื่นเข้าใจผิดเนอะ” อินดี้พูดได้แล้วทำไมฉันจะพูดไม่ได้ ถ้าอินดี้มันไม่พูดก่อนว่า รู้สึกกับฉันมากกว่าเพื่อน ฉันไม่มีทางที่จะเอ่ยความรู้สึกของฉันออกไปก่อนเด็ดขาด
ไม่อยากเสียอินดี้ไป ไม่อยากเสียแม้กระทั่งความเป็นเพื่อน
ถ้าอยากอยู่ข้าง ๆ ทางออกเดียวที่ฉันคิดออกก็คือ แอบรักอย่างที่เคยผ่านมา ขอแค่อินดี้ยังไม่มีแฟน ฉันก็ยังมีความหวัง