“เร็ว ๆ เข้าสิยัยรัก ชักช้าจริงเลยแกเนี่ย!!” นานาหันกลับมาตะโกนเร่งพบรักเสียงดัง พร้อมทำหน้าทำตาจริงจัง
“แล้วแกจะรีบไปไหน”
“หิว!! รู้ไหมว่าฉันหิวจนจะกินหัวแกได้แล้วเนี่ย” นานาทำท่าขบหัวเพื่อนตัวเองแบบเล่นใหญ่
“ไป ๆ งั้นก็รีบไปก่อนที่หัวรักจะกลายเป็นอาหารของคนแถมนี้” พบรักหัวเราะก่อนจะรีบสาวเท้าตามอีกคนไปด้วยความเร็ว
พบรักกับนานาเดินตรงไปยังโรงอาหารของคณะแต่ยังไม่จะเดินถึงก็มีคนเดินมาขวางหน้าทำให้สองสาวต้องหยุดเดินแล้วมองหน้าคนตรงหน้า
“สวัสดีครับ น้องรัก”
“สวัสดีค่ะ” ไม่ใช่เสียงของพบรักที่พูดแต่เป็นเสียงของนานาที่พูดแทนเพื่อนพร้อมกับรั้งร่างบางของพบรักไปด้านหลังตัวเอง
“พี่อยากขอช่องทางติดต่อหน่อยได้ไหมครับ” ผู้ชายตรงหน้าพูดพร้อมกับยื่นโทรศัพท์ของตัวเองออกมา นานาเห็นแบบนั้นก็เลิกคิ้วขึ้นนิด ๆ ก่อนจะยิ้มบาง ๆ ที่มุมปากอย่างมีจริต แล้วเอ่ยเสียงเรียบแต่ฟังดูมีพลังอย่างประหลาด
“ขอโทษนะคะ น้องรักไม่แจกช่องทางติดต่อให้ใครง่าย ๆ โดยเฉพาะกับคนที่อยู่ดี ๆ ก็โผล่มาขวางทางแบบนี้นะคะ”
“พี่ไม่ได้มีเจตนาไม่ดีนะครับ พี่แค่อยากทำความรู้จักเฉย ๆ” ผู้ชายตรงหน้าเลิ่กลั่กไปเล็กน้อย แต่ยังพยายามยิ้มกลบเกลื่อน
“ถ้าอยากทำความรู้จักจริง ๆ” นานาแทรกขึ้นมาเสียงหวานเจือความเย็น
“ก็เริ่มจากการมีมารยาทก่อนดีกว่านะคะ อย่างเช่น… ไม่ขวางทางผู้หญิงแบบนี้”
“อะ… ครับ พี่ขอโทษครับ” ชายหนุ่มพูดเสียงอ้อมแอ้มก่อนจะค่อย ๆ ถอยหลังออกไปอย่างเสียฟอร์ม เมื่อเขาพ้นระยะ นานาก็หันกลับมาหาพบรักพลางเบะปากใส่
“โอ๊ยยย คนหล่อก็ยังมีความกล้าไม่เท่าหน้าตาอีกนะเนี่ย” พบรักหัวเราะเบา ๆ
“นี่ขอบคุณนะ ถ้าไม่มีนานา ฉันคงพูดไม่ออก”
“ย๊ะ!! มีฉันอยู่ทั้งคน ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น คนจะเข้าหาเธอ ต้องผ่านฉันก่อนทุกคน!” นานาพูดพร้อมเชิดหน้าภูมิใจ เดินนำหน้าอย่างมั่นใจ พบรักมองตามหลังเพื่อนรักแล้วยิ้มบาง ๆ เธอรู้ดีว่านานาไม่ใช่แค่เพื่อนสนิทแต่เป็นเหมือนเกราะป้องกันใจของเธอในโลกที่บางครั้งก็ไม่ได้ใจดีนัก
“ไปกินข้าวเถอะนานา เดี๋ยวหิวจนจะกินหัวรักอีก”
“ใช่!! หิวจนอยากกินทั้งโรงอาหารแล้วตอนนี้!!” เสียงของทั้งสองคนดังขึ้นพร้อมเสียงหัวเราะเบา ๆ ขณะเดินตรงไปยังโรงอาหารอย่างมีชีวิตชีวาเหมือนทุกวัน
เลออนยังคงจ้องหน้าจอโทรศัพท์ด้วยแววตาที่เหมือนจะเจาะทะลุออกไปได้ เพลิงในดวงตานั้นไม่ได้แผดเผาแค่โทรศัพท์ในมือ แต่ยังทำเอาอุณหภูมิในห้องลดฮวบลงราวกับความเงียบกลายเป็นอาวุธร้าย ไวน์ที่นั่งเอนหลังอยู่บนโซฟาเงยหน้ามองภาพนั้นก่อนจะขมวดคิ้ว
“ไอ้ไวท์ มึงว่านายดูอะไรอยู่วะ” เสียงกระซิบถามเบา ๆ ดังขึ้นจากปากของไวน์ที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ ไวท์ด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“หึ โง่!!” ไวท์ไม่แม้แต่จะหันไปมอง แค่เหยียดยิ้มนิด ๆ แล้วตอบเสียงเรียบเย็นโดยไม่ต้องใช้เวลาคิด
“เฮ้ย!! ไอ้ห่า กูไม่ได้โง่ กูแค่ไม่รู้เว้ย!!” ไวน์เบ้ปากใส่ แต่อีกฝ่ายก็ยังคงนิ่ง
“แล้วมันจะมีเรื่องอะไรอีกวะ ที่ทำให้นายเราทำหน้าตาเหมือนพร้อมฆ่าคนได้ตลอดเวลาแบบนี้”
“ก็เรื่องเดิมนั่นแหละ” ไวท์ปรายตาไปทางเลออนที่ยังจ้องหน้าจอไม่ขยับ
“หือ!? อย่าบอกนะว่าเพราะผู้หญิงคนนั้น อีกแล้ว” ไวน์ทำหน้าทึ่ง ก่อนจะเปรยขึ้นเบา ๆ
“ใช่!! ไอ้โง่” ไวท์สวนกลับทันที แต่ไวน์กลับถอนหายใจยาวออกมา
“เฮ้อ... รักเขา ชอบเขา แอบมองเขาทุกวัน แต่ไม่เคยแม้แต่จะกล้าเข้าใกล้นายเรานี่จริง ๆ เลย” ไวน์ถอนหายใจยาวออกมาด้วยความเหนื่อยใจ
บรรยากาศในห้องยังคงเงียบ มีเพียงเสียงถอนหายใจสลับกับความเงียบ สายตาของเขาไม่ได้โกรธเธอ แต่โกรธตัวเองที่ไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะเข้าไปอยู่ในโลกของเธอ และยิ่งเขารู้ว่ากำลังมีคนอื่นพยายามเข้าหาเธอ ยิ่งเขามองก็ยิ่งไม่พอใจ เธอไม่เคยรู้เลยว่าทุกย่างก้าวของเธอ ทุกเสียงหัวเราะทุกการกระทำของเธอ เขาเห็นทุกอย่าง
เลออนบีบโทรศัพท์ในมือแน่น เสียงแผ่วของวัสดุที่กำลังถูกกดดันดังขึ้นช้า ๆ นิ้วมือเรียวยาวเลื่อนหน้าจออีกครั้ง ก่อนจะหยุดนิ่งที่ภาพของหญิงสาวที่ยิ้มให้คนอื่นที่ไม่ใช่เขา
ภายในห้องทำงานเงียบกริบ เสียงประตูห้องทำงานที่ถูกเปิดออกโดยไร้การเคาะหรือแม้แต่เสียงขออนุญาต แต่พอเสียงของคนที่เดินเข้ามาดังขึ้น ก็ไม่ได้ทำให้ใครในห้องรู้สึกแปลกใจแม้แต่น้อย
“ไงไอ้เลออน อ้าวไอ้ไวน์ไอ้ไวน์ก็อยู่ด้วยเหรอ” เสียงกวน ๆ ของภากรดังขึ้นพร้อมกับใบหน้ากวนตีนตามสไตล์เจ้าของเสียง เลออนเหลือบตามองเพื่อนนิดหน่อยก่อนจะพูดเสียงเย็น
“ไม่มีมือ??”
“มี!!”
“ไม่มีมารยาท??”
“มี!! แค่กูไม่เคาะประตูมึงก็อย่าจุกจิกนักเลย เพราะแบบนี้ไงถึงไม่มีสาว ๆ มาสนใจ” ภากรยักไหล่ตอบหน้าตายแบบไม่แคร์คำด่า พร้อมกับทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาอย่างถือวิสาสะ
“มึงก็อายุสามสิบแล้ว แฟนสักคนก็ไม่เคยมี กูว่า... มึงยังต้องบริสุทธิ์อยู่แน่ ๆ เลย เอางี้ มึงไปเที่ยวกับกูเดี๋ยวกูหาสาว ๆ มาเปิดซิงให้จะได้รู้จักคำว่า ‘ผู้หญิง’ ซะที”
“...” ไม่มีคำตอบจากปากเลออน เขาเพียงเหลือบตามองเพื่อนนิดหน่อย ก่อนจะหันกลับไปสนใจโทรศัพท์ในมือต่อเหมือนไม่ได้ยินอะไรทั้งสิ้น
ภากรเบ้ปากอย่างหมั่นไส้ ก่อนจะหันไปทางสองหนุ่มคนสนิทมือซ้ายขวาของเพื่อนที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ ตัวเอง
“เฮ้ย!! ไอ้ไวน์ไอ้ไวท์ ไปแดกเหล้ากัน เอานายพวกมึงไปด้วย เดี๋ยวคืนนี้กูหาสาวแจ่ม ๆ ให้”
“ได้เลยครับ” ไวน์ยิ้มรับอย่างรวดเร็ว สีหน้าเหมือนรอจังหวะอยู่แล้วโดยไม่สนว่านายตัวเองจะเห็นด้วยไหม เรื่องเที่ยวกับเรื่องสาว ๆ นี่เขาถนัดที่สุด
“อย่าให้สาวเผลอแตะตัวนายละกัน กูไม่อยากตามไปเก็บศพ” ไวท์ปรายตามองสองหนุ่มนิดหนึ่งก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ ภากรชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะหัวเราะ
“เหี้ย... กูลืมไปเลยว่านายนี่แม่ง แตะเนื้อต้องตัวไม่ได้ ฮ่า ๆ ๆ ๆ” ภากรหันไปมองหน้าที่บ่งบอกถึงความไม่พอใจของเลออนก็อดจะหัวเราะออกมาด้วยความชอบใจไม่ได้ เขาไม่ได้แคร์ใบหน้าที่แสดงออกมาเหมือนจะฆ่าเขานั้นเลยสักนิด เพราะยังไงไอ้เพื่อนตัวดีก็ไม่ฆ่าเขาหรอกอย่างมากก็แค่ด่า